18 นาที ·
บทความแปลจากภาพ จากหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ลงวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2543
เรื่อง สหกรณ์สุราษฎร์ธานี
พบความผิดในการตรวจสอบบัญชีของผู้นำระดับสูงในพรรคประชาธิปัตย์
เงินภาษีประชาชนได้ถูกใช้จ่ายด้วยความล้มเหลวไปอย่างมโหฬาร
รายงานโดยคุณ นาตยา เชษฐโชติรส
*************
อดีตสมาชิกผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์จำนวน 5 คน ซึ่งรวมไปถึงบุคคล 2 คนในคณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบัน ได้ทำการแสวงหาผลประโยชน์ด้วยการใช้เงินทุนภาษีของรัฐในเรื่องของร้านสหกรณ์สุราษฎร์ธานีเมื่อหนึ่งปีมาแล้ว (พ.ศ. 2542) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้แถลงเมื่อวานนี้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สุเทพ เทือกสุบรรณ, รองนายกรัฐมนตรีบัญญัติ บรรทัดฐาน, นางนิภา พริ้งศุลกะ, นายชุมพล กาญจนะ และ นายประวิทย์ นิลวัชรมณี จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้
ทางคณะกรรมการของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีชวน หลีกภัย ซึ่งดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะต้องตัดสินใจว่า จะทำการปฎิบัติทางกฎระเบียบวินัยหรือไม่ และจะทำอย่างไรบ้างกับบุคคลทั้งห้านี้
นายประธาน ดาบเพชร ซึ่งปฎิบัติหน้าที่ในตำแหน่งของผู้ว่าการ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ว่า ทางสำนักงานได้ทำการสรุปสำนวน หลังจากการตรวจสอบต่างๆ เป็นเวลาสองเดือน เกี่ยวกับ การดำเนินงานของร้านสหกรณ์จังหวัดสุราษฎร์ธานีนั้น มีการละเมิดกฎระเบียบต่างๆ เกี่ยวกับกฎหมายของสหกรณ์
"ร้านสหกรณ์ควรจะมีการช่วยเหลือสมาชิกของร้านกัน แต่ร้านสหกรณ์สุราษฎร์ธานีนั้น มีการพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้เป็นศูนย์กลางของนักท่องเที่ยว (Tourist Center) รวมไปถึงมีห้างสรรพสินค้าอยู่ด้วย การก่อสร้างพัฒนาร้านสหกรณ์นี้ ได้ใช้เงินภาษีของรัฐไปเป็นจำนวน 180 ล้านบาท และเห็นผลของมันว่า มีแต่การขาดทุนเป็นจำนวนมากมายมหาศาลเลยทีเดียว" นายประธานกล่าว
ร้านสหกรณ์ได้แถลงว่า มียอดขาดทุนสะสมทั้งสิ้น 57.9 ล้านบาทเมื่อตอนกลางปีนี้ (พ.ศ. 2543) เมื่อนับจากการเริ่มดำเนินงานเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว (พ.ศ. 2542)
"เรื่องนี้ มีผลต่อสมาชิกของสหกรณ์ และจะมีผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อร้านสหกรณ์อีกด้วย" เขากล่าวเพิ่ม
นายประธานกล่าวว่า บุคคลทั้งห้านี้ ได้ใช้เงินไปเป็นจำนวน 100 ล้านบาท จากก้อนเงินทุนของการพัฒนาพื้นที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ ลงขันคนละ 20 ล้านบาท และอีก 80 ล้านบาทนั้น มาจากองค์กรต่างๆ ของรัฐ ที่เป็นเงินทุนช่วยเหลือการพัฒนาร้านสหกรณ์แห่งนี้
ค่าใช้จ่ายของรัฐได้ถูกกำหนดไว้อย่างตายตัว หลังจากที่พระราชบัญญัติงบประมาณ ปี พ.ศ. 2542 ได้ยกเลิกเงินกองทุนเพื่อการพัฒนาพื้นที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเหล่านี้ไป
เขากล่าวต่อว่า นอกเหนือไปจากความล้มเหลวต่อภารกิจแล้ว ตัวร้านสหกรณ์ก็สร้างความลำบากใจให้กับพี่น้องที่อาศัยอยู่ในพื้นที่อีกด้วย โดยย้ำถึงสิ่งที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเขต 13 ซึ่งรับผิดชอบในพื้นที่ของจังหวัด ได้ประสบพบเห็นมา
"ประชาชนในพื้นที่ต่างก็ลำบากใจเพราะว่า เงินภาษีจำนวนมากมายมหาศาลนี้ ถูกนำมาใช้ แต่มันไม่ได้ช่วยพวกเขากันเลย" เขากล่าวเพิ่ม
ความวิตกกังวลของนักการเมืองเหล่านี้ ก็คือ การที่จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในความล้มเหลว ภายใต้การกำกับดูแลของพวกเขาที่มีต่อร้านสหกรณ์
"มันอาจจะมีเรื่องปัจจัยบางอย่าง ที่เป็นเหตุให้นักการเมืองเหล่านี้ พากันผ่อนผันกฎข้อบังคับต่างๆ ภายใต้การกำกับดูแลของพวกเขา" นายประธานเสริมขึ้นมา
นายกรัฐมนตรีชวน หลีกภัยจะเป็นผู้ตัดสินใจว่า จะมีการลงโทษทางวินัยหรือไม่ หรือจะทำอย่างไรกับสมาชิกของพรรคของเขา เพราะว่า ตัวเขาเป็นผู้รับผิดชอบต่อคณะรัฐมนตรีและตัวนายกรัฐมนตรี ก็เป็นเจ้านายโดยตรงของพวกเขาด้วย
"มันขึ้นอยู่กับตัวนายกรัฐมนตรีเอง แต่ในเวลานี้ ก็ยังไม่มีเส้นตายใดๆ สำหรับตัวเขาที่จะต้องทำการตัดสินใจ" นายประธานกล่าวสรุป ทางสำนักงานของผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินได้ส่งข้อมูลซึ่งทางสำนักงานได้พบทั่้งหมด ให้กับตัวนายกรัฐมนตรีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทางคณะกรรมการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินยังได้พบว่า กรมการส่งเสริมสหกรณ์เองก็มีความผิด จากความล้มเหลวในการปฎิบัติงาน ซึ่งปล่อยให้ร้านสหกรณ์สุราษฎร์ธานีดำเนินการออกไปจากกฎระเบียบข้อบังคับที่สร้างไว้