ศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช
สวยที่สุดในประเทศไทยจริงหรือ
โดย ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ
เมื่อตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ ได้มีการตั้งศาลหลักเมืองตามโบราณราชประเพณี เพื่อเป็นหลักของบ้านเมือง เป็นสะดือแห่งชาติ เป็นขวัญของประเทศ ดังนั้น เมื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นแบบจังหวัดโดยมีเจ้าเมืองปกครองหรือผู้ว่าราชการบริหารราชการ จึงมีการสร้างศาลหลักเมืองประจำแต่ละหัวเมืองหรือแต่ละจังหวัด เว้นแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชนั้นพิสดารกว่า ด้วยเรื่องราวดุจเทพนิยาย เรื่องราวมันเป็นเช่นไรหรือ
จังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นจังหวัดที่ไม่เคยสร้างศาลหลักเมือง จนกระทั่งในปีพ.ศ.2529 พล.ต.อ.ณรงค์ มหานนท์ อธิบดีกรมตำรวจ ได้สั่งให้ พ.ต.อ.สรรเพชญ ธรรมาธิกุล ดำรงตำแหน่งผู้กำกับการตำรวจจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อไปปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมูนิสต์และผู้ทรงอิทธิพลในท้องถิ่น หวังสร้างความสงบสุขให้กับจังหวัดนี้
นั่นแค่เป็นผลงานในหน้าที่ราชการ แต่ผลพวงของการที่ พ.ต.อ.สรรเพชญ ธรรมาธิกุลมีพื้นเพเป็นคนจังหวัดนครศรีธรรมราชนั่นซิ ที่อัศจรรย์พันลึก เหมือนว่าเป็นปาฏิหาริย์บันดาลให้เกิด เหมือนว่าเป็นกฤษฎาภินิหารอันบดบังบ่มิได้ เหมือนว่าเป็นโชคชะตาฟ้าลิขิต เหมือนว่าบุญทำกรรมแต่งมาแต่อดีตชาติ ท่านจึงต้องตกที่นั่งสำคัญในพื้นปฐพีบ้านเกิด
ท่านเป็นคนที่มีสัญชาติญาณพิเศษ ท่านสนใจการศึกษาเกี่ยวกับดวงเมือง และนักษัตรทั้งปวง ท่านมีความรู้เรื่องดวงเมือง และเป็นเหมือนผู้ที่จะทำลายล้างคำสาปให้สิ้น และแล้วเหตุการณ์อัศจรรย์ชวนพิศวงก็เกิดขึ้นเมื่อท่านได้รับเชิญให้ไปเป็นประธานทอดกฐินที่วัดนางพระยา ต.ปากนคร อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช
เมื่อไปถึงวัด จึงได้พบว่ามิใช่การทอดกฐินธรรมดา หากแต่มีพิธีกรรมการทรงเจ้าเข้ามาร่วมงานด้วย เกิดอาการลังเล จะเข้าไปดีหรือไม่เข้าไปดี แต่ในที่สุดก็เข้าไปเป็นประธานการทอดกฐิน แต่เกิดเรื่องอัศจรรย์เมื่อคนทรงเจ้าที่อ้างว่าเป็นร่างทรงของเจ้าแม่นางพญา ผู้เป็นพระราชมารดาขององค์จตุคามรามเทพ
“เข้ามาเสียดีๆ รอท่านมาเป็นพันปีแล้ว มาสร้างหลักเมืองศรีวิชัย 12 นักษัตร เมืองศรีธรรมาโศกราช จะได้พ้นคำสาป”
เกิดการโต้เถียงกันขึ้นทำนองว่าทำไมต้องให้ท่านเป็นผู้สร้าง สร้างไม่ได้ ต้องให้เจ้าเมืองหรือผู้ว่าราชการจังหวัดจึงจะเหมาะสม
“ต้องท่านเป็นผู้สร้าง เป็นท่านคนเดียวที่มีดวงเมือง ที่เหมาะสมที่สุด ท่านเป็นผู้มีดวงเมืองนครศรีธรรมราชในมือ ”
แต่เกิดการโต้เถียงกันระหว่างเจ้าแม่นางพญากับพ.ต.อ.สรรเพชญ ยังไม่จบสิ้น ชาวบ้านที่มาร่วมงานทอดกฐินสงสัย เกิดอะไรกันขึ้น ระหว่างนี้เกิดเหตุการณ์ที่เรียกว่าการแสดงอิทธิฤทธิ์ของเจ้าแม่นางพญาขึ้น
“พวกจะมาเอาเลขไปแทงหวยนั้นไปเอาที่ศาลาโน้นเลย เอ้า ท่านผู้กำกับจดคาถาไปด้วย หากจะสื่อสารถึงก็ให้ท่องคาถาบทนี้ด้วยนะ“ แต่ชาวบ้านไม่กล้าไปเพราะว่าบนศาลาหลังนั้นมีตำรวจนั่งอยู่เต็มไปหมด
ทันใดเกิดปาฏิหาริย์ขึ้นอีก เมื่อรถยนต์ใหม่เอี่ยมป้ายแดงจะเข้ามารับพ.ต.อ.สรรเพชญ กลับ เป็นรถบีเอ็มดับบลิวรุ่น 520 แล่นเข้ามาแล้วดับเครื่องรอ แต่เมื่อจะกลับรถป้ายแดงคันนั้นสตาร์ทอย่างไรก็ไม่ติด ต้องเข็นกันแทบตาย ภายหลัง หวยออก 520 เต็มๆ แต่ด้วยความสงสัยท่านผู้กำกับจึงย่องไปที่ศาลาหลังดังกล่าว พบว่ามีเลข 520 เขียนไว้จริงๆ
นั่นคือเหตุการณ์การทรงเจ้าครั้งแรกที่ท่านไม่รู้เรื่องมาก่อน ด้วยความสงสัยจึงได้การทรงเจ้าครั้งที่ 2 ขึ้น เนื่องจากพ.ต.อ.สรรเพชญ เอง อยากทดสอบจึงไปหาคนทรงเจ้า ได้โกผ่อง ชื่อจริงนายอะผ่อง สกุลอมร คนขายซาลาเปาผู้ซึ่งเคยไปครอบครู แต่ก็ไม่เคยมีร่างทรงองค์ใดเข้าประทับทรงสักที
ครั้งนี้ เกิดขึ้นจากอยากสื่อสารกับเจ้าแม่นางพญา จึงตัดใจให้โกผ่องเข้าทรง ให้ท่องคาถาที่เจ้าแม่นางพญาเขียนให้ ปรากฏว่า พญาชิงชัย โอรสองค์จตุคามรามเทพ เข้าประทับทรง ซึ่งก็สร้างความคลางแคลงใจอยู่ แกล้งหรือหลอกกันแน่
พ.ต.อ.สรรเพชญ ทดสอบการทรงเจ้าของโกผ่องถึงสองครั้ง
ครั้งแรกใช้บุหรี่แอบจี้จนเนื้อไหม้ ร่างทรงก็ไม่รู้สึกอะไร
ครั้งที่2 ใช้ธูป 3 ดอก จี้จนไหม้ แต่ก็ไม่แสดงอาการรู้สึกตัวแต่อย่างใด
ร่างทรงถึงกับประกาศว่า “มึงไม่เชื่อกูก็เอามีดมาฟันกูเลย ดูซิว่าจะเข้าหรือไม่เข้า มึงต้องสร้างศาลหลักเมือง ศรีวิชัย 12 นักษัตรให้แก่เมืองนครศรีธรรมราช คนอื่นสร้างไม่ได้ ”
ในที่สุด ได้ไปขอให้ พล.ต.ต.ขุนพันธ์รักษ์ราชเดช อดีตผู้บัญชาการตำรวจภาค 8) ฉายาไอ้หนวดยาว เป็นผู้ร่วมสร้าง
ในทางราชการ คณะกรรมการจังหวัดนครศรีธรรมราชได้อนุมัติให้ พล.ต.ต.ขุนพันธ์รักษ์ราชเดช พ.ต.อ.สรรเพญ ธรรมาธิกุล และพระเทพวราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช ร่วมกันดำเนินการ เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2528 โดยใช้ไม้ตะเคียนทองบนยอดเขาเหลือง มาแกะสลักกันที่บ้านพัด พ.ต.อ.สรรเพชญ เป็นเสาหลักเมือง
ในการแกะสลักให้ทำเป็น 3 ส่วนคือ ส่วนแรกแกะสลักอักษรโบราณ ส่วนที่สองแกะสลักเป็นรูปเศียรพระพรหม 4 หน้าซ้อนสองชั้นรวมเป็น 8หน้า ส่วนที่สามเป็นส่วนยอดชัยหลักเมือง หุ้มด้วยทองคำ มีการทำพิธีฝังหัวใจสมุทรและฝังหัวใจเมือง เบิกพระเนตรหลักเมือง พิธียกกลีบบัวทองคำขึ้นประกอบปลียอด พิธีเจิมพระสุหร่ายยอดชัยหลักเมือง มีการแห่ยอดชัยหลักเมือง
ศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช สร้างที่ราชพัสดุ ทรงเหมราชลีลา ก่ออิฐถือปูน 3 ชั้น คือ ยอดบนทรงแหลม ภายในปูด้วยหินอ่อน บันไดทางขึ้น 4 ทิศ เชิงบันได้เป็นเชิงบันไดพญางูทะเลแผ่แม่เบี้ย พิธีสวมยอดชัยหลักเมืองนครศรีธรรมราชเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ.2530 สวยหรือไม่สวยก็อยู่ที่สายตาพิจารณาเอาเลย
ศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราชตั้งอยู่มุมสนามหลวงหน้าเมือง ใกล้กันเป็นที่ทำการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครศรีธรรมราช เลยไปเป็นวัดพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช วันนี้ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางพุทธศาสนาและพราหมณ์เพื่อการกราบไหว้เสริมสิริมงคลแก่ชีวิตของผู้มาเยือนเมืองนครไปแล้ว
หลังจากการบูชาศาลหลักเมืองแล้ว พลตำรวจโท สรรเพชญ ธรรมาธิกุล ยังได้พาคณะผู้ศรัทธาองค์จตุคามรามเทพไปชมบ้านพักผู้กำกับการตำรวจภูธร จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นบ้านที่ท่านเคยอยู่ในครั้งนั้น เรียกว่าย้อนรอยกันแบบครบถ้วน พร้อมถ่ายรูปเป็นที่ระลึก เป็นความภาคภูมิใจของท่านและครอบครัวที่ต้องตรากตรำลำบากกับการสร้างจนสำเร็จ
ภาพประกอบในสารคดีบทนี้ได้จากทริป เยี่ยมบ้านจตุคามรามเทพ นำขบวนโดย พลตำรวจโทสรรเพชร ธรรมาธิกุล เมื่อวันที่ 4-6 เมย.2558 ขอขอบพระคุณกลุ่มพลังศรัทธาท้าวจตุคารามเทพ อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์
พลตำรวจโทสรรเพชญ ธรรมาธิกุล ถ่ายรูปหมู่หน้าบ้านพัก ผกก.ในอดีต