ตามรอยพระวอพระตา ๒
นกหัสดีลิงก์(สักกะไดลิง) มรดกทางวัฒนธรรมล้ำค่า
อุบลราชธานี
“เอื้อยนาง”
เช้าวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ครบรอบปีของการปฏิบัติครั้งล่าสุดรัฐบาลไทย แต่ ณ ทุ่งศรีเมือง อุบลราชธานี ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของศาลากลางจังหวัดหลังเก่าซึ่งถูกเผาไปในเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมา กำลังมีพิธีสามหาบ(เก็บอัฐิ)ของพระผู้ใหญ่ที่สำคัญของอุบลราชธานี พระเทพกิตติมุนี(สมเกียรติ สมกิตฺติ) อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี ประธานสภามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ ราชวิทยาลัย วิทยาเขตอุบลราชธานี และเจ้าอาวาสวัดมหาวนาราม พระอารามหลวง(วัดป่าใหญ่)ซึ่งท่านได้มรณภาพแต่เมื่อวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ในการนี้ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จในการพระราชทานเพลิงศพ
เมื่อคืนที่ผ่านมา คือ คืนวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ณ ทุ่งศรีเมืองใจกลางนครอุบลราชธานี แห่งนี้ เมรุชั่วคราวรูปปราสาทนกหัสดีลิงค์ หรือตามสำเนียงท้องถิ่นเรียก นกสักกะไดลิงได้ถูกพระเพลิงเผาผลาญพร้อมร่างของท่านพระครู ผ่านพิธีการทางศาสนาพุทธ และพิธีการแบบโบราณจารีตเดิมของบรรพบุรุษอุบลราชธานี นั่นคือพิธีฆ่านกหัสดีลิงค์
พิธีนี้เป็นร่องรอยอีกอย่างจากพระวอพระตาบรรพบุรุษอุบลราชธานีที่สืบเชื้อสายจากเมืองเชียงรุ้งแสนหวีฟ้า เป็นการประกอบพิธีศพชนชั้นสูง หรือผู้มีคุณูปการแก่บ้านเมือง โดยการสร้างเมรุชั่วคราวรูปปราสาทนกหัสดีลิงค์ ซึ่งเป็นนกในตำนานว่าเป็นสัตว์ในป่าหิมพานต์ รูปร่างเป็นนกแต่มีจะงอยปากยื่นยาวเป็นงวงช้าง และก่อนเผาศพจะมีพิธีการฆ่านกโดยนางเทียม(นางทรง)จากสตรีในตระกูลนางสีดาในตำนานและความเชื่อเรื่องนกหัสดีลิงค์ สืบทอดกันมาผ่านลูก หลานที่เป็นสตรี ตัวนกจะสร้างโดยใช้โครงไม้ ประดับประดาปีก หาง ด้วยลวดลายสวยสดงดงาม ฝีมือช่างอุบลราชธานีที่ลือชื่อ ทั้งให้เคลื่อนไหวได้โดยเฉพาะตรงงวงที่ยาวเฟื้อยจะโยกไหวไปมา และส่งเสียงร้องดังก้องในยามถูกฆ่า
ในตำนานหรือพื้นเมืองอุบล(ประวัติศาสตร์อุบลราชธานี สำนวนอีสาน ถ่ายทอดจากใบลาน โดย ดร.ปรีชา พิณทอง) ได้กล่าวถึงนกหัสดีลิงค์ในพิธีศพพระวอพระตา ณ ทุ่งศรีเมืองนี้ว่า นกจากจะเคลื่อนไหวได้แล้วเจ้านกยังแสนซน มีลูกเล่นหยอกล้อเด็ก ๆ และหนุ่มสาวผู้มาร่วมงาน ทั้งหลับตา ลืมตาก็ได้ เอียงซ้าย เอียงขวาได้ด้วย
ดังว่า
“นกหัสดีลิงค์ นกงวงคือช้าง
ช่างเขาทำดีแท้ หูตาคิ้วงวงหย่อน
หลับมืนติง งวก(วกอ้อม..ผู้เขียน)ไปขวาซ้าย
คือจักบินเองได้ (กระ)พือหางขยับปีก
เต๋อปากง้ำ(งับปากขึ้นลง) งวงยื้อหยอกสาว
เด็กหนุ่มน้อย ญิงซายถอยแล่น...”
ในหนังสือเล่มเดียวกันนี้ได้กล่าวถึงพิธีศพแบบเมรุชั่วคราวปราสาทนกหัสดีลิงค์อีก คือ ครั้งปลงพระศพพระปทุมวรราชสุริยวงศ์(เจ้าคำผง)เจ้าเมืองอุบลฯองค์แรกผู้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเจ้าพระตาโดยตรง
ดังว่า
“เขาก็พากันเต้า(ร่วมแรงร่วมใจ) เต็มโฮง(โรงพิธี)เสียงสนั่น
จัดแต่ตั้ง เมรุกว้างท่งศรีเมือง
ตามจาฮีต(จารีต) โบราณเก่ามีมา
นกหัสดีลิงค์ แต่เดิมดาพุ้น
บ่ห่อนลืมเพศเค้า ของเก่าปางพระตา
ทังคราวพระวอ ก่อมาเดิมเค้า”
รอบปราสาทนกหัสดีลิงค์นี้มีการประดับประดาตกแต่งทั้งสวยงามอลังการ ทั้งบริบูรณ์ด้วยความหมาย ตามความเชื่อคติพราหมณ์ มีประตูสี่ด้าน ตรงมุมสี่มุมทำเป็นรูปหุ่นท้าวเวสสุวรรณยืนถือกระบองเฝ้าระวัง ส่วนบนเพดานเขียนรูป ราหูอมจันทร์ ยังมีด้านข้างเป็นรูปรามสูรย์กับเมขลา พระอิศวร และเทพทั้งหลายแหนแห่
“งามยิ่งล้น กะไดแก้วไป่ปาน
เพดานพื้น เขียนลายเป็นฮูป
ราหูคาบปากอ้า มื้ออุ้มลูบพระจันทร์
...............
ด้านหนึ่งแต้ม เป็นฮูปรามสูรย์
กวัดแกว่งไล่งาดเงื้อ ชิงแก้วเมขลา”
อีกครั้งที่ปรากฏในหนังสือนี้ คือ ครั้งพิธีปลงศพพระพรหมราชวงษา(พรหม)เจ้าเมืององค์ที่ ๒
ดังว่า
“จัดแจ่งสร้าง เมรตั้งท่งศรีเมือง
สักกุโนเค้า หัสดีลิงค์ของเก่า
เครื่องอาจเอ้ คือด้ามดั่งหลัง
ต่างแต่งลายอาจแต้ม ทำเป็นต่างต่าง
ประดับเครื่องแก้ว ศรีเหลื่อมฮุ่งเฮือง”
สำหรับนางเทียม(นางทรง)ผู้ทำพิธีฆ่านกในอุบลราชธานีเป็นผู้สืบสกุลมาจากเจ้านางสีดา ซึ่งมีในตำนานเรื่องนกหัสดีลิงค์อุบลราชธานี คือญาแม่สุกัณ ปราบภัย ครั้นท่านเสียชีวิตแล้วบุตรีของท่าน คือ คุณยายมณีจันทร์ ผ่องศิลป์ ครั้นท่านเสียชีวิตบุตรีของท่านสืบต่อ คือ คุณยายสมวาสนา รัศมี ,คุณยายประทิน วันทาพงษ์ และต่อมาในปัจจุบัน คือ น.ส.เมทินี หวานอารมณ์หลานสาว(ข้อมูลจากผู้ใช้นาม หน่อเนื้อเชื้อสาย เชียงรุ้งแสนหวีฟ้า)
นกหัสดีลิงค์ตัวล่าสุดผ่านไปอย่างยิ่งใหญ่ ยังความอิ่มใจให้ลูกหลานชาวอุบลที่ได้ตุ้มโฮมร่วมแรงร่วมใจสร้างให้ท่านผู้คุณูปการต่อชาติ ศาสนา และอุบลราชธานีตลอดชนมชีพของท่าน พระครูกิตติมุนี(สมเกียรติ สมกิตฺติ).
๐๐๐
ขอบคุณข้อมูลและภาพจากเพื่อนรัก เพ็ญศรี เพิ่มพูน
ยายนางแห่ง “ตรีชนาอาหารเช้า”
หนังสือประวัติศาสตร์อุบลราชธานี สำนวนอีสาน ดร.ปรีชา พิณทอง
และ เว็บไซด์ไกด์อุบลดอทคอม ค่ะ