ในคมขวาน 20
สมเด็จพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช
๑ ความทรงจำ ร่องรอย ที่ไม่เคยลบเลือน
“สาวภูไท”
ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา เจ้าขุนพ่อลูกชายผู้ชำนาญเส้นทางท่องวัดแถบอีสาน ได้พาขึ้นไปไหว้พระที่วัดถ้ำแสงเพชร จ.อำนาจเจริญ อุบลราชธานี
จุดประสงค์ใหญ่ก็คือ เขาจะพาแม่ไปชมโบสถ์หลังใหม่ที่อยู่ระหว่างก่อสร้างซึ่งได้พบแล้วต้องตะลึงมอง ด้วยสถาปัตยกรรมแบบล้านช้างหลังนั้นดูราวกับดอกบัวผุดพรายขึ้นมาท่ามกลางป่าเขาลำเนาไพร ต้นไม้สลับโขดหิน บนยอดเขาที่ตั้งวัดแห่งนี้ (สาขาที่ ๕ ของวัดหนองป่าพง)
วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ในป่าเขาที่มีธรรมชาติสวยงาม แต่แสนกันดารด้วยห่างไกลชุมชน โดยเฉพาะในช่วงแรก ๆ ที่หลวงปู่ชา(ชา สุภัทโท) ได้เดินธุดงค์เข้าพำนัก และที่สุดได้นำพาพระเณร และผู้ศรัทธามาบุกเบิก(ประมาณปี พ.ศ.๒๕๑๑)ตั้งสำนักสงฆ์ กว่าจะมาถึงวันนี้ที่กลายเป็นสถานที่เหมาะสำหรับผู้ใฝ่ปฏิบัติสมาธิ ในที่สงบ สงัด ท่ามกลางธรรมชาติรื่นรมย์ และสะดวกทั้งน้ำไฟ ทั้งการเดินทาง ท่านผู้บุกเบิกต้องฟันฝ่าอุปสรรคมากมาย
ในส่วนของวัดจะมีอยู่สองส่วน คือด้านล่างเป็นที่ตั้งแห่งถ้ำอันเป็นที่มาของชื่อวัด เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญในปัจจุบัน และส่วนบนยอดเขาที่มีศาลาหลังใหญ่ เจดีย์ และพระนอน และเป็นที่ตั้งแห่งโบสถ์หลังใหม่ดังกล่าว เราจึงมุ่งหน้าตามเส้นทางคดเคี้ยวขึ้นสู่ยอดเขา ผ่านป่าที่โปร่งโล่งด้วยเป็นฤดูที่ต้นไม้หลายชนิดกำลังผลัดใบ ดอกจิก ดอกฮัง(รัง)กำลังสะพรั่งบานเหลืองนวลแซมสลับกับใบแก่สีแดงสด ท่ามกลางแสงจ้าแห่งดวงตาวัน
ตัวอาคารที่กำลังก่อสร้างยังไม่เสร็จบริบูรณ์นัก แต่ความอลังการนั้นยังทำให้ต้องตะลึงมอง ด้วยความงามอ่อนช้อยของหลังคาที่ลดหลั่นเป็นช่อชั้น ตามแบบสถาปัตยกรรมล้านช้างที่เคยพบที่วัดเชียงทองหลวงพระบาง
ในอุบลราชธานีเคยมีโบสถ์รูปทรงแบบนี้ที่วัดหลวง ซึ่งเป็นวัดแรกของเมืองสร้างโดยท่านท้าวคำผง(พระปทุมราชสุริยวงศ์)เจ้าเมืององค์แรก แต่น่าเสียดายที่ปัจจุบันถูกรื้อไปแล้ว และมีโบสถ์รูปทรงสมัยนิยมผุดขึ้นมาแทน
“สมควรที่อุบลราชธานีจะมีมรดกของบรรพบุรุษสืบทอดไว้” นั่นเป็นคำปรารภของผู้ศรัทธา
“และสถานที่แห่งนี้ก็เป็นที่ที่เหมาะสมที่สุด เพราะครั้งหนึ่งสมเด็จพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชเคยประทับในถ้ำที่นี่ด้วย”
นั่นเป็นคำบอกเล่าเหมือนพรายกระซิบในสายลม เป็นสายลมเย็นให้ความอุ่นใจของผู้ได้ยิน
มาถึงตรงนี้ต้องเล่าถึงกษัตริย์พระองค์นี้บ้างแล้ว เพื่อทบทวนความจำ และความเข้าใจ
ตามประวัติศาสตร์ของราชอาณาจักรล้านช้าง สมเด็จพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช มีพระนามเต็มว่า สมเด็จพระเจ้าอภัยพุทธบวร ไชยเชษฐาธิราช พระนามเดิมว่า “เจ้าชายเชษฐวังโส” (พ.ศ.๒๐๗๗-๒๑๑๔) เป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่พระองค์หนึ่งของราชอาณาจักรลาว ทรงเป็นกษัตริย์ของล้านนามาก่อน ครั้นพระบิดาซึ่งเป็นกษัตริย์หลวงพระบางสวรรคตจึงต้องกลับมาครองล้านช้าง
ต่อสมเด็จพระเจ้าไชยเชษฐษธิราชได้ทรงย้ายเมืองหลวงของราชอาณาจักรล้านช้างจากหลวงพระบาง(เชียงคำ)มาตั้งอยู่เวียงจันทน์ ซึ่งทรงทำให้เวียงจันทน์รุ่งเรืองสุดขีดในยุคของพระองค์ ทรงเป็นทั้งนักรบกล้า เป็นทั้งนักสร้างแปงบ้านเมือง และทะนุบำรุงพระศาสนา ทรงสร้างวัด สร้างพระพุทธรูปมากมายในเมืองเล็กใหญ่ตลอดสองฝั่งโขง
ในท้ายพระชนม์ชีพพระองค์หายสูญไปไร้ร่องรอยในการไปปราบกบฏแถบลาวตอนใต้ เป็นเวลากว่า ๔๔๔ ปีมาแล้ว แต่กลับมีเรื่องราวของพระองค์ท่านในตำนานเล่าขานในแถบสองฝั่งโขงนี้ว่าเคยเสด็จ เคยประทับตามสถานที่ลึกลับในแดนป่าเขาฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงแถบสาละวัน อัตตะปือ จำปาศักดิ์ ตลอดถึงฝั่งขวาแถบมุกดาหารเรื่อยมาถึงอุบลราชธานี ที่เป็นรอยต่อของเทือกภูพานและพนมดงเร็ก บริเวณที่มีภูผาเพิงหินถิ่นถ้ำอันงามล้ำซับซ้อนและลึกลับ
“ภูเขาโน้น ป่านั้น ที่ทรงขี่ม้าผ่านไปมา และถ้ำนี้ที่เคยมาประทับ”
“ทรงเป็นปะขาว ฤษี พระภิกษุ”
“วิญญาณท่านยังคงสิงสถิต ณ ที่ตรงนี้”
เรื่องราวเหล่านั้นอาจเป็นเพียงคำร่ำลือ กระซิบบอกในหมู่คนบางกลุ่ม แต่ความจริงก็คือความทรงจำของกลุ่มคนที่มีอยู่ไม่รู้เลือนเกี่ยวกับตัวตนของพระองค์ ยังคงอยู่นั่นเอง
สถาปัตยกรรมแบบลาวล้านช้างที่เห็นในวันนี้ก็มีเรื่องราวเกี่ยวโยงถึงพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชจากคำร่ำลือในตำนานว่า พระองค์ท่านเคยเสด็จมาประทับ ณ ถ้ำแสงเพชรนี้ด้วยเช่นกัน .
ร่องรอยนี้จึงไม่เคยลบเลือนในดินแดนแห่งคมขวาน
๐๐๐