เค็ง แซ่กั๊ก
พี่สาวคนโตเปาอินทร์ สาย8
ดำ จรกา
เกิดแก่เจ็บตายเป็นวัฏสงสารที่กำหนดให้สังขารไม่เที่ยง เป็นความปีติเมื่อมีการเกิดและเป็นความโศกเศร้าอาดูรเมื่อมีการตาย ไม่เว้นแม้ครอบครัวไหน จะใหญ่หรือเล็ก จะร่ำรวยมากหรือร่ำรวยน้อย หรือจนถึงยากจน ทุกคนเกิดมาแล้วก็ต้องเจ็บป่วยและถึงตาย อาจเกิดก่อนวัยอันควรหรืออาจเกิดเมื่อถึงวัยอันสมควร เป็นธรรมดาโลกโดยแท้
เค็งเป็นชื่อจีนแต้จิ๋วที่พ่อแม่ตั้งให้กับลูกสาวคนแรกของครอบครัวเปาอินทร์สาย 8 ไม่มีชื่อไทยกำกับเหมือนคนอื่นๆ ใบหน้ากลมมน ปากนิดจมูกหน่อย ผมดำ ตาดำ แต่ขนตาไม่ยาวอย่างนางเอกลิเก ผิวขาว เรียบร้อย พูดน้อย ยิ้มคืออาวุธที่มีติดกาย ชอบอ่านหนังสือนิยายเล่มโตๆ เช่นเจ้าสาวของอานนท์ รัตนาวดี แต่กลับไม่ชอบไปดูลิเกละครนอกบ้าน
พี่เค็งเป็นลูกสาวคนแรกที่เกิดมาแล้วโดดเดี่ยว เพราะว่ากว่าพ่อแม่จะมีน้องท้องเดียวกันก็ผ่านไปถึง 11 ปี จึงมีน้องสาวคนถัดมา หลังจากนั้นจึงมีน้องชายอีก 2 คน เค็งจึงเป็นทั้งพี่สาวและเป็นเหมือนแม่คนที่สองของน้องๆ ด้วยวัยที่แตกต่างและด้วยภาระหน้าที่ที่ต้องคอยเลี้ยงน้องๆอยู่กับบ้าน ตลอดชีวิตจอมซนผมจำไม่ได้ว่าเคยถูกพี่เค็งตีบ้างหรือเปล่า
ผมจำได้ว่าเมื่อผมอายุราว 6-7 ขวบ ผอมแห้งแรงน้อย ดำจนหัวโต ซุกซนเป็นทโมนบ้านนอกตัวแสบ ข้าวปลาแทบไม่เคยกลับมากินที่บ้าน วันๆเอาแต่ไปวิ่งเล่น ปีนต้นมะขามเทศหาของกินตามประสาเด็กบ้านนอก ตากแดดกรำฝนในท้องทุ่งนาหลังหมู่บ้าน หรือไม่ก็หลังวัดห้วยคันแหลน ซนมากก็ล้มป่วยจนไข้ขึ้นมีแต่พี่เค็งนี่แหละที่คอยเอาผ้าขาวม้าผืนเก่าของพ่อมาชุบน้ำแล้วเช็ดตัวให้ ย่างหมูจนหอมแล้วป้อนข้าวให้กิน
“มึงขี้โรคผอมแห้งแรงน้อย กินเยอะๆ”พูดแล้วก็ทำหน้าที่ตักข้าวป้อนให้กินทีละคำๆ
พี่เค็งได้เรียนหนังสือแค่จบชั้นประถม 4 แล้วก็ออกมาช่วยพ่อกับแม่ทำงานบ้าน ยิ่งแม่เป็นคนขยันหากินมากเท่าไร พี่เค็งก็เหนื่อยมากเท่านั้น มีงานประจำปีที่วัดเมื่อไร แม่ก็อยากไปขายอาหารหาเงิน ทางไหนหาได้มากได้น้อยแม่ก็คอยแต่จะไปหาเงิน ส่วนพ่อนั้นบอกได้เลยว่านอนเป็นอาชีพ ไม่ใช่ว่าเป็นคนเกียจคร้านแต่ที่ผมได้ยินพ่อกับแม่ทะเลาะกันประจำคือ
“วันๆ เอาแต่นอน ลุกขึ้นมาก็สูบแต่บุหรี่ มีใครมาก็เอาแต่คุยๆๆๆๆ” แล้วผมก็ได้ยินพ่อตอบโต้หนักๆหลายครั้งว่า
“ปีหนึ่ง ตกเขียวชาวนาเท่าไร ซื้อข้าวนาปีเข้ายุ้ง แล้วก็รอเวลาขาย กำไรปีหนึ่งๆ 30 หมื่น ก็กินไม่หมดแล้ว จะเอาอะไรนักหนา” แล้วพ่อก็ล้มตัวลงนอนหัวโตดังเดิม
คนหนึ่งหากินแบบค้าปลีก มีอะไรทำได้ก็ทำ ทางไหนจะได้เงินก็เก็บเล็กผสมน้อยไปทุกเม็ด เป็นงานเล็กงานน้อย แต่คนที่เหนื่อยต้องทำงานกับแม่คือพี่เค็ง เพราะพวกเราสามคนก็ยังเป็นเด็กๆกันอยู่ ในแต่ละปีแม่จะเลี้ยงหมูจนอ้วนแล้วจับขาย โดยมีคนหาผักบุ้งผักปอด(ผักตบชวา)มาจากในทุ่งนาหลังวัดก็ไม่พ้นพี่เค็ง
หามาแล้วก็มาสับผสมรำและปลายข้าวเลี้ยงหมูก็ไม่พ้นพี่เค็ง ถ้าหน้าแล้งเลี้ยงที่คอกหลังยุ้งข้าวก็สบายหน่อย แต่ถ้าน้ำท่วมหมดเล้าหมูต้องย้ายขึ้นร้านพ้นน้ำ มันขี้กันทีละ 20-30 ตัว พี่เค็งอีกนั่นแหละที่เช้าขึ้นมาก็ต้องตักน้ำจากคลองมาลาดขี้ลาดเยี่ยวจนเล้าหมูสะอาด วันโกนมาบ่อนไก่บ่อนกัดปลากัด แม่อยากไปขายข้าวแกงหาเงินก็พี่เค็งอีกที่เป็นคนทำ
ส่วนพ่อผมเป็นคนคิดค้าใหญ่ ปีหนึ่งๆก็เก็บข้าวจากนาข้าวที่ปล่อยให้ชาวนาเช่าทำ และก็หาซื้อข้าวนาปีมาตุนเข้ายุ้งแล้วก็รอเวลาขายตอนข้าวขึ้นราคา อีกทางหนึ่งก็คือการตกเขียวนั่นคือให้เงินกู้ชาวนา แต่ทวงเงินคืนเป็นข้าวกี่ถังกี่เกวียน เป็นข้าวอีกชุดหนึ่งที่พ่อเก็บเข้ายุ้ง รอเวลาราคาขึ้นก็ขาย ได้กำไรปีหนึ่งไม่น้อยเช่นกัน
พอพวกผมไปโรงเรียนทุกคนก็ต้องขอเงินค่าขนม ได้กันแค่ 20 สตางค์ก็เยอะแล้ว แต่พวกเราก็แอบขอพี่เค็งเพิ่มไปอีก พี่เค็งจึงเป็นทั้งพี่ แม่และกระเป๋าตังส์ของน้องๆ พี่สาวคนที่สองพี่มณีเป็นคนเรียนหนังสือเก่ง เขียนหนังสือสวย และได้ไปเรียนหนังสือชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนวัดวิเศษไชยชาญมูลนิธิ ที่ตัวอำเภอ ไม่ต้องทำงานหนักเหมือนพี่เค็ง สบายไปคนหนึ่ง
พี่น้องร่วมท้องเดียวกันจึงมีเพียงพี่เค็งที่ได้เรียนแค่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 อ่านออกเขียนได้ แต่อ่านนิยายเล่มโตๆจนจบ
น้องสาวพี่เค็ง มณี เปาอินทร์ จบปริญญาตรีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรจน์ มีอาชีพ เป็นครูสอนหนังสือ น้องชายคนโตธงชัย เปาอินทร์ จบปริญญาตรีวิทยาศาสตร์บัณฑิต(วนศาสตร์)และปริญญาโทรัฐประศาสนศาสตร์ น้องชายคนสุดท้องจบปริญญาตรีรัฐศาสตร์และปริญญาโทรรัฐศาสตร์จากต่างประเทศ ตำแหน่งสุดท้ายเป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี และประธานกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดสิงห์บุรี น้องบุญธรรมสมบุญ บริษัทจิมทอมป์สันจำกัด
พี่เค็งได้สมรสกับนายไคชุ้ง แซ่กั๊ก มีบุตรชาย 4 คน นายอุดมศักดิ์ เปาอินทร์ ปริญญาตรีนิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง นายประสิทธิ์ เปาอินทร์ ปริญญาตรีนิติศาสตร์บัณฑิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง นพ.สถาพร เปาอินทร์ สำเร็จปริญญาตรีแพทย์ศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยมหิดล สมรสกับ พญ.จงลักษณ์ เปาอินทร์ มีบุตรธิดา 3 คน และนายธนชิต เปาอินทร์ ทำงานสายการเมือง
พี่เค็งเกิดปีชวด เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ.2479 มรณภาพเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ.2558 สิริรวมอายุได้ 79 ปี ได้จากไปแล้วด้วยความอาลัยรักจากน้องๆและบุตรหลาน ด้วยความดีที่ได้สร้างสั่งสมมาตลอดชีวิตทำให้ญาติพี่น้องตระกูลเปาอินทร์ทั้ง 11 สายได้เวียนวนกันมาร่วมสวดอภิธรรมศพทุกคืนและร่วมส่งดวงวิญญาณสู่สุคติภพชั้นฟ้าจุฬามณีโดยพร้อมเพรียงกัน อาทิเช่น
พี่มงคล เปาอินทร์ อดีตหัวหน้าคณะศาลฎีกา อดีตตุลาการรัฐธรรมนูญ (2 สมัย)และ คณะกรรมการราบรามการทุจริตคิดมิชอบในราชการ(ปปป.) 2 สมัย พี่พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พี่วิเชียร เปาอินทร์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร อดีต สว.จังหวัดสมุทรสาคร พล.ต.ต.ประจวบ เปาอินทร์ พล.ต.เสนาะ เปาอินทร์ พล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ นพ.เลี้ยง เปาอินทร์ พ.ต.อ.อนันต์ เปาอินทร์ นายโสภณ เพชรสว่าง อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฏร สส.สุชาติ เทียนทอง นายกอบต.ประทาย ฯลฯ
สวดอภิธรรมศพศาลา 6 วัดพระศรีมหาธาตุวรวิหาร บางเขน วันที่ 5-9 ตค.2558 และฌาปนกิจเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ.2558 เวลา 16.00 น.
พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ประธานฌาปนกิจ
นพ.สถาพร เปาอินทร์ นำอัฐิแม่เค็งไปบรรจุเจดีย์รวมญาติพี่น้องที่วัดตาลานใต้
เพื่อนบ้านร่วมไปบรรจุอัฐิ