บ้านทุ่งแสนสุข
ตอน 37.ข้าวโพดคั่ว
มณีดิน
ฝนสุดท้ายตกพรำๆ ค่ำยันเช้า เช้ายันค่ำ ตกมาแล้ว2 วัน 2 คืน เหมือนว่าจะสั่งลาหน้าฝน น้ำในคลองลัดเลียบสะพานไม้เต็มคลอง น้ำไหลแรง และใสขึ้นทุกวัน จนเรียกว่าน้ำใสแจ๋ว ปลาผิวน้ำอย่างปลาแปบ ปลากระทุงเหว ปลากระดี่ ดำผุดดำว่าย และลอยคอหายใจตามริมเสาสะพาน คลองห้วยคันน้ำเต็มฝั่ง ลานวัดเจิ่งนองไปด้วยน้ำ ทุ่งนาและบ่อปลาริมคลองน้ำท่วมไปทั่ว เรือไอเรือลากจูง โดยเฉพาะเรือพายใช้สัญจรไปมาหนาแน่น บ้านเราเรียกว่า หน้าน้ำหรือฤดูน้ำ ท้องทุ่งเขียวไสวไปด้วยต้นข้าวที่งอกงามและลามไหลตามระดับน้ำ
โรงเรียนมัธยมปิดภาคเรียน พี่เจน และพี่ๆที่ไปเรียนหนังสือกลับบ้านกันหมด เว้นแต่คนที่เตรียมตัวเพื่อไปสอบแข่งขันเรียนต่อระดับสูงขึ้น โรงเรียนชั้นประถมศึกษาหรือโรงเรียนวัดก็ปิดเช่นกัน แต่ถึงโรงเรียนจะปิดหรือจะเปิด ทุยก็ไม่เคยอยู่บ้าน ไม่นั่งหน้าจอทีวีก็ไปรำป้อเล่นลิเกอยู่หน้าโรงสี หน้าน้ำเต็มฝั่งน้ำเจิ่งนองไปทั่วทุกส่วนของหมู่บ้าน ร้อนเมื่อไรก็โดดน้ำตูมสบายตัวแล้วก็ขึ้นมานั่งผึ่งตัวให้แห้ง
บ้านห้วยคันเหนือ บ้านเจ๊กโรงสี และบ้านห้วยคันใต้ น้ำท่วมไปทั้งหมู่บ้าน ชานบ้านแต่ละหลังผูกเรือเอาไว้ที่บันไดหน้าบ้าน เล้าหมูคอกวัวควายยกร้านพ้นน้ำทุกคอก บ้านไหนมีวัวควายก็ต้องไปเกี่ยวหญ้าจากในทุ่งหลังวัดหรือท้ายหมู่บ้านเอามาให้กินทุกวันๆละ 2 มื้อเช้าเย็น บ้านผมไม่มีวัวควายมีแต่หมูก็ยกเล้าสูงพ้นน้ำ พี่จันทร์ต้องไปหาผักบุ้งและผักปอดเอามาสับผสมกับปลายข้าวให้กิน เช้าเย็นก็ต้องล้างขี้หมูลงน้ำใสไหลเอื่อยๆ
ในน้ำไสไหลเย็นนั้น ปลาผิวน้ำรอกินเศษอาหารและผงรำข้าว แม้กระทั่งขี้วัวขี้ควายและขี้หมูที่ล้างลงทิ้ง เป็นการพึ่งพาอาศัยกันและกัน
ตะวันคล้อยไปทางหลังโรงสี เงาทะมึนทอดบังลงในน้ำหน้าโรงสี แม่เรียกเสียงดังหลังครัว
“ไปตามไอ้ทุยมาหน่อย เดี๋ยวเย็นๆไปขายข้าวโพดกัน”
แม่ผมเป็นคนขยัน ทำทุกอย่างที่เป็นเงิน ไม่ได้ยึดติดว่าเป็นใคร มีเงินหรือไม่มีเงิน แต่ถ้ามีช่องทางไหนทำเงินแม้น้อยนิดแม่ก็ทำไปหมด ทุกปีเมื่อถึงหน้าน้ำเต็มฝั่งอย่างนี้ แม่จะชวนผมและทุยลงเรืออีป๊าบ ที่ถูกแม่ดัดแปลงจนเป็นเรือเร่ขายข้าวโพดคั่ว ภาพที่คนทั่วคลองห้วยคันเห็นคือ สามแม่ลูกคนขยัน ผมคัดท้ายเรือด้วยความเชี่ยวชาญ แม่นั่งกลางลำเรือทำหน้าที่คั่วข้าวโพดบนเตาถ่านร้อนๆ ทุนทำหน้าที่พายอยู่หัวเรือและเป็นต้นเสียงร้องขายเสียงดัง
“ข้าวโพดคั่วแม่เอ๊ยยยยยยย ข้าวโพดคั่วแม่เอ๊ยยยยย”
ดูท่าทางทะมัดทะแมงเอาเรื่อง เป็นบทบาทที่ทุยเล่นได้ไม่เคอะเขิน เรือลำไหนพายมาแต่ไกล ทุยจะตะโกนเสียงดัง เป็นงานเดียวที่ทุยชอบทำและทำด้วยความเต็มใจ
ผมทำหน้าที่พายและคัดท้ายให้เรือล่องจากบ้านหน้าดรงสีไปตามน้ำที่ไหลลงใต้ ส่วนใหญ่พายขายกันไปไม่ถึงบ้านหลักขอนสักที ข้าวโพดก็หมดแล้ว แต่มีบางวันพายไปจนสุดโค้งบ้านหลักขอนข้าวโพดยังขายไม่หมด ขาขึ้นที่ต้องพายทวนน้ำนี่ซิ งานหนัก ทุยแทบร้องขายไม่ออกเพราะว่าต้องช่วยพายเรือด้วยอีกแรงหนึ่ง สิ้นแสงตะวัน ความมืดโรยตัวห่มคลุมท้องน้ำ เห็นเพียงคลื่นไหวๆ แต่คนทำหน้าที่พายก็ยังต้องพายจ้ำแรงขึ้นๆ
แม่หัวเราะขำที่เห็นลูกชายสองคนช่วยกันจ้ำเรือ หัวโยกไปโยกมา แต่ไม่ช่วยพาย ข้าวโพดก็ไม่คั่ว เก็บงำอุปกรณ์ของหล่อนสบายไปแน่ะ บางทีนึกครึ้มขึ้นมาก็ร้องเพลงอีแซวแซวให้รีบจ้ำเรือด้วยว่าท้องฟ้ามืดมากขึ้นๆ เหมือนฝนจะตั้งเค้า
“เอ้า เจี๊ยบๆ จ้ำพรึดจ้ำพรึด เอ้า เฮเฮเฮ๊เฮเฮ้เฮ่เฮเฮ”
ยามแม่ขำและหัวเราะจะเห็นหมากปากดำ เพราะว่าแม่กินหมากนั่นเอง ทั้งทุยและผมรีบจ้ำเรือทวนน้ำสุดแรง ไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน เราสองคนก็มีกำลังใจดีเสมอ
ก่อนเข้านอนแม่จะแจกตังส์ให้คนละบาท วันรุ่งขึ้นผมและทุยจะมีเงินไปซื้อไอติมแท่งตาใหญ่ยายค้างกินแน่นอน