http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 13/03/2024
สถิติผู้เข้าชม14,007,583
Page Views16,316,623
« April 2024»
SMTWTFS
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930    
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

สำนึกดี สำนึกรัก 49 ปีแห่งความหลัง

สำนึกดี สำนึกรัก  49 ปีแห่งความหลัง

สำนึกดี สำนึกรัก

49 ปีแห่งความหลัง

โดย ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ

ลงทะเบียน หอประชุมใหญ่ สุดสง่างาม

            วันวานคือความหลัง วันนั้นมีทั้งความหลังแห่งความสุข ความภาคภูมิใจ และความหลังแห่งความสะเทือนใจ วันวานเมื่อปีพ.ศ.2510 ชวนให้รำลึกถึง หรือมีใครลืม

           ตึกหอประชุมวายวุ่นไปด้วยนิสิตใหม่ที่รุมกันมาลงทะเบียนเข้าเป็นนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ปี 1 เสียงเรียกขาน เสียงตะโกนดังขรมไปทั่ว จนกล่าวได้ว่าอึงมี่


          “เฮ้ย ไอ้วิทย์ มึงเข้าคณะอะไร” เสียงไอ้ฉันทวิทย์ตะโกนถามเพื่อนจากเตรียมอุดมด้วยกัน

          “วนศาสตร์ กูอยากเป็นเสือ กลิ่นสัก” ไอ้วรวิทย์ตอบแล้วหัวเราะปากบานอย่างที่มันเป็น


           เสียงถามเสียงตอบคละเคล้าไปด้วยรอยยิ้ม แววตาเปล่งประกายดีใจที่ “เอ็นติด” แต่ก็มีเสียงทะแม่งๆเหมือนกัน

          “เรียนไปก่อน ปีหน้า เอ็นใหม่ แม่งติดแค่เกษตรว่ะ”


           นั่นคือเสียงที่แปร่งจนจำได้ว่ามันคือใคร แต่ต่อมาอีก 4 ปีเจ้าของเสียงนั้นไม่ได้เอ็นใหม่ มันเรียนจนจบ จมโคลนที่ย่ำ กลิ่นขี้หมูติดหึ่ง


           ผมก้มหน้าลงทะเบียนด้วยความทระนง สอบติดก็เอาดีแล้ว ไม่มีความคิดจะไปสอบใหม่ ไม่มีความหวังจะย้ายคณะเรียน ตั้งใจทำหน้าที่ที่ต้องเรียนให้จบปริญญาตรี ก็แค่นั้นสำหรับคนเรียนแค่พอไปวัดไปวาได้ เป็นสำนึกดี รู้จักตัวตนและเจียมตัวเจียมใจ


โสตัส ระบบที่เกษตรต้องจดจำ

           สายวิทย์เรียนยาก  แต่ยากยิ่งกว่าเมื่อต้องผ่านระบบโสตัส ทุกค่ำคืนต้องไปนั่งในห้องประชุมอินทรีย์ ฟังเสียงรุ่นพี่มีตำแหน่งมากมาย แต่เหมือนกันทุกคนคือการตะโกนก่นด่าและตอกย้ำความเป็นปีหนึ่ง  ร้องเพลงเชียร์ดีไม่ดีก็หาเรื่องไล่ออกไปวิ่งๆๆๆ อ๊วกจนตัวสั่น รุ่นพี่ยังถามว่า มึงเรียนคณะอะไร ผมตอบแผ่วๆ “วนศาสตร์” เท่านั้นเอง เสียงแหกปากกรอกลงไปใกล้หูแทบแตก  


           “วิดพื้น 50 แม่ง  “วนศาสตร์” ด้วย ทำออเซาะ”  

            เหนื่อยไหม โคตรๆ แค้นไหม ไม่นะ จำไหม จำ ปีหน้ากูมั่ง  


            เที่ยงคืน เที่ยงคืน ต้องตื่นตัว แล้วถีบจักรยานกลับหอ หิวไหม หิว อาบน้ำไหม อาบ แต่เดินเหมือนคลานขึ้นห้องชั้นสองหอ 14 แทบคลาน ล้มตัวลงบนเตียงโครมก็หลับสนิทนิทรารมย์ ไม่ฝันถึงใคร ไม่คิดถึงแม้แต่เพื่อนร่วมรุ่นสาวคนผิวคล้ำ ร่างเล็กๆ ไม่สลบก็บุญแล้ว งามอย่างนางฟ้าก็ฝันถึงไม่ไหวหรอก


คืนก่อนวันรับน้องใหม่ รุ่นพี่หอ  ใจดีที่สุด          

            วันก่อนวันรับน้องใหม่ เสียงพูดคุยร่าเริง บันเทิงใจ อีกแค่วันเดียวจะเป็นไท รอดพ้นจากสภาพน้องใหม่ ดีใจได้เพียงตอนกลางวัน แต่นั่นก็เป็นความหวังเล็กๆ

             “จะไม่ต้องไปซ้อมร้องเพลง วิ่ง และฟังเสียงว๊ากจากรุ่นพี่อีก”


             แต่คืนนั้น กลับซ้อมหนักกว่าคืนอื่นๆที่ผ่านมา ทั้งร้องเพลงเชียร์ ทั้งซ้อมวิ่งด้วยข้อหา

             “กี่คืน กี่รอบ กี่ความเหนื่อยยากของรุ่นพี่ๆ แต่พวกน้องยังทำไม่ได้ เกษตรไม่ใช่สถาบันของคนอ่อนแอ ไร้ระเบียบแบบแผน ต้องแข็งแกร่ง ต้องเข้มแข็ง ต้องทระนงองอาจ  ไป ไป ออกไปเตรียมพลังอีกครั้ง ไม่ต้องกลับเข้ามานะ ถ้าครูฝึกยังบอกว่า ใช้ไม่ได้”


             แล้วพวกเราก็ต้องเฮกันออกไปตั้งแถว แบ่งกลุ่ม ผู้คุม เอ๊ย ครูฝึกเรียกแถวแบ่งกลุ่ม ค่ำคืนนี้แม้มีความหวังแต่ก็เป็นค่ำคืนที่โหดที่สุด เหนื่อยที่สุด หูตึงอึงมี่ไปด้วยเสียงตะวาด ข่มขู่ และเร่งเร้าให้เต้นไปตามเพลง  เพื่อนอาเจียนกันไปกี่คน  เป็นลมล้มพับไปกี่คน ผมไม่มีแรงพอจะจดจำ สำนึกสุดท้ายของผม เพียงบอกกับตัวเองว่า เราเลือกเอง จะมาเรียนเกษตร


            กลับเข้าห้องประชุมอินทรี ด้วยเรี่ยวแรงที่เหลืออยู่ ก้มหน้าตามสั่ง เงยหน้าตามสั่ง ว่านอนสอนง่าย เหมือนลูกหมาเชื่องๆ

            สุดท้ายก็ได้เวลากลับหอ-ตึกพัก แต่ละคนถีบจักรยานกลับด้วยความหวัง อีกคืนเดียว พรุ่งนี้จะหมดหน้าที่ “ปีหนึ่ง” เสียที แรงถีบระโหย เสียงล้อหมุนเอื่อยๆ เสียงเบรกดังเอี๊ยดเมื่อบางคนหลับคาจักรยาน


            ไม่ทันจะจอดรถ เห็นแสงไฟใต้ถุนหอพักสว่างโพรง เสียงเคาะกาละมังซักผ้าดัง เกร็งๆๆๆ เสียงรุ่นพี่ตะโกนเรียกให้ไปหา

            “มาเลยไอ้น้อง มาเร็วๆ พี่ๆต้มข้าวต้มเครื่องไว้ให้รองท้องก่อนจะไปรับน้องใหม่พรุ่งนี้เช้ามืด มาเลย ห้ามขึ้นห้องโดยไม่กินข้าวต้มของพี่นะ ร้อนๆจ้า”


           ตาผมเปล่งประกายแปลกใจและดีใจ  “รุ่นพี่ใจดีที่สุด”  ยังไงที่หอของเราพี่ๆก็น่ารักน่าเคารพอย่างนี้เลย ผมและเพื่อนๆดิ่งไปรับชามสังกะสีสีเขียวแล้วหันไปหยิบช้อนสังกะสีสีเขียว ตักน้ำส้มและน้ำปลาในถ้วยสีเขียว แล้วก็พุ้ยเอาๆ อร่อยที่สุด ถ้าทุกคืนพี่ๆต้มข้าวต้มเครื่องไว้รอคงไม่ผอมเกร็งอย่างที่เป็น


           ไม่มีเสียงพูดคุย มีแต่เสียงเชียร์ของพี่หอที่ตะโกนว่า กินเยอะๆ กินให้อิ่มไอ้น้อง ช่างเป็นเสียงที่ไพเราะเหลือใจ น้ำตาผมไหลอาบแก้ม  ซาบซึ้งตรึงใจ “โสตัสกระมังเนี่ย”

           อิ่มเต็มพิกัดก็ไปอาบน้ำแล้วก็ขึ้นเตียงนอน หลับสนิทนิทรา “รุ่นพี่หอ ใจดีที่สุด” ใครคนหนึ่งละเมอ


วันแตกหัก วันนั้นฝนพรำ ปีหนึ่ง KU.27 คือพลัง

         ผมจดจำวันเวลาไม่ได้แน่นอน แต่เช้าวันนั้น ปีหนึ่งต้องรวมพลังตามคำสั่งรุ่นพี่ นายกองค์การนิสิต นายคะนอง เนินอุไร รุ่นพี่ที่ผมจดจำได้แม่นยำ ตัวเล็กๆ ผิวดำคล้ำมาก ใส่แว่นตาหนาเตอะ สวมเสื้อสีขาว พร้อมทีมนำหน้าอยู่แล้วสั่งให้โห่ ผมก็โห่ สั่งให้ตะโกนผมก็ตะโกน


         “ไม่ไป เราไม่ย้าย ๆๆๆๆๆๆๆๆ”

          ท่านอธิการบดี มล.ชูชาติ กำภู ยืนบนระเบียงตึกชีวะวิทยา  รุ่นพี่สั่งให้พวกเราปีหนึ่งทั้งชายหญิงนั่งบนสนามหญ้าด้านหน้าตึก  ฝนปรอยเม็ดลงมาเหมือนประพรมน้ำมนต์


          “นิสิตที่รักทุกคน อธิการบดีมีความปรารถนาดีที่อยากจะย้ายมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ไปตั้งที่อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม บนพื้นที่กว่า 7000 ไร่ ต่อไปจะเป็นมหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย  จะมีห้องประชุมนานาชาติขนาดใหญ่ จะทำให้การทดลองปลูกพืชผักและเพาะเลี้ยงสัตว์ได้อย่างสะดวกสบาย จะเป็นมหาวิทยาลัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ที่เกษตร บางเขน แคบไปแล้ว”



           รุ่นพี่ส่งสัญญาณ ผมตะโกนเสียงดัง ไม่ไป เราไม่ย้ายๆๆๆ ตามสั่ง พี่สั่งให้โห่ไล่ก็โห่ไล่ พี่สั่งให้ตะโกนๆตะโกน  เม็ดฝนที่โปรยปรายคละเคล้าไปกับน้ำลายของพวกเรา แต่น้ำตาท่านอธิการบดีจะไหลย้อยไหม ผมไม่ได้สังเกต รู้หน้าที่ รุ่นพี่สั่งต้องทำตาม

           สำนึกร้ายมีเพียง รุ่นพี่สั่งต้องทำตาม



สำนึกดี สำนึกรัก และสำนึกเคารพเทิดทูน

           เสียงโทรศัพท์ดัง ผมยกขึ้นรับสาย เสียงเย็นๆของดร.สุพัฒน์ อรรถธรรม เพื่อนหอ 14 คณะเกษตร ดังขึ้น

           “อยู่บ้านไหน  อ้อดี  วันที่ 8 มกราคม 2559 เวลา 14.30 น.ไปรวมตัวที่ทำงานเก่าเรานะ เพื่อนๆจะมา 50 คน เราจะพานั่งทัวร์รอบมหาวิทยาลัยฯ แล้วไปไหว้อนุสาวรีย์ ดร.ชูชาติ กำภู ที่สระพระพิรุณ หลังจาก

นั้นจะไปปลูกต้นกัลปพฤกษ์ที่บริเวณสถาบันวิจัยและพัฒนาแมลง หลังจากนั้น ดร.ทิพย์วดี จะพาชมหนอนไหมอีรี่ ในห้องวิจัยและพัฒนา เย็นไปกินอาหารพร้อมกันที่ร้านเพื่อนกัน ริมคลองท่าสาร พร้อมนะ”


              “ได้ จะไปถ่ายรูปเพื่อนๆให้” ผมรับคำสั่งแล้วก็เตรียมพร้อม กล้องถ่ายรูป ขาตั้งกล้อง แบตเตอรี่ 3 ก้อน ขวดน้ำดื่ม เป้จิ๋วสะพายอุปกรณ์  


              ผมเดินขึ้นไปที่ห้องดร.สุพัฒน์ ตามสั่ง เห็นหน้าเพื่อนๆแล้วอดยิ้มไม่ได้เลย แต่ละคนแปลกแตกต่างไปจากภาพในอดีตมาก แต่ละคนภูมิฐานสมวัย ใบหน้าเปล่งประกายวัยงาม สีผมก็มีทั้งสีเงินสวยใส สีดำคล้ำก็มี สวมใส่เสื้อผ้าสีสันสดใสตามใจชอบ แต่ละคนพกมามากเป็นพิเศษคือรอยยิ้ม เพราะว่าทุกคนรวมตัวสังสรรค์กันทุกเดือน จำกันได้แม่นและดูสนิทสนมกลมเกลียวกัน ดุจเพิ่งออกจากห้องประชุมอินทรี


              ชายสูงวัยที่ผมจำได้ก็มี ดร.สุพัฒน์ อรรถธรรม หอ 14 เดียวกัน  ดร.ทิพย์วดี อรรถธรรม ผู้ภรรยา  ดร.พีระศักดิ์ ศรีนิเวศ ม.เกษตร กำแพงแสน พี่กึก และดร.ชัชรี นฤทุม เพื่อนบ้านใกล้เรือนคียง ชุมชนหน้าม.ถนนมาลัยแมนฝั่งตะวันออก อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม แต่จำนามสกุลไม่ได้ และประธานรุ่น ไสว เอ๊ย พลเวทย์ จำนามสกุลไม่ได้  สุพัฒน์ บุญมีประเสริฐ และวิทูรย์ พีระวัฒน์ จบคณะวนศาสตร์เดียวกัน 



             จำแม่นมาก สายัณห์ สตางค์มงคล  อดีตพนักงานธนาคารกรุงไทย จังหวัดน่าน ตำแหน่งสุดท้าย รองประธานกรรมการใหญ่ธนาคารกรุงไทย ซึ่งหน้าตาท่าทางไม่เปลี่ยนไป เตี้ยและผิวคล้ำเหมือนเดิม  อีกหลายคนพอจะจำหน้าได้แต่จำชื่อไม่ได้


             แม้กระทั่ง แบร์ จำชื่อจริงไม่ได้อีกแหละ เมียเสนอ รังสิมันตุชาติ ซึ่งเคยทำงานที่แพร่-น่านมาด้วยกัน ทั้งหมดทั้งปวงเป็นความผิดของผมเองที่ห่างเหินจากเพื่อนร่วมรุ่น และไม่มีบทบาทสำคัญในตำแหน่งหน้าที่การงานใดๆ  จึงอยู่อย่างสมถะตามฐานะชายชราหลังเกษียน

            ในห้องกาแฟของตึก เสียงเพรียกจนอึงมี่เหมือนตอนลงทะเบียนที่ตึกหอประชุมใหญ่เมื่ออดีต แต่ไม่มีเสียงตะโกนถาม มีแต่เสียงพูดคุยทักทายด้วยความสุข

            ดร.สุพัฒน์  ทำหน้าที่นำทีมเพื่อเดินทางด้วยรถพ่วงของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน   ชมไปจนทั่ว ไม่เว้นแม้กระทั่งสนามกีฬาที่อดีตผู้ว่าฯนครปฐมของบประมาณมาลงไว้ให้ใช้ประโยชน์ของมหาวิทยาลัย   


             สิ้นสุดที่หน้าแท่นบูชาพระพิรุณ ประธานรุ่นนำทีมจุดธูปเทียนสักการะ  

             แล้วเดินรอบสระไปกราบไหว้วางดอกกุหลาบสีแดง ที่อนุสาวรีย์


           ท่านอธิการบดี มล.ชูชาติ กำภู ด้วยสำนึกรักและเคารพเทิดทูนในวิสัยทัศน์อันกว้างไกลและยิ่งใหญ่ของท่าน

             แต่ละคนเพ่งมองใบหน้าของท่าน พร้อมกล่าววาจาขอขมาลาโทษวันฝนพรำหน้าตึกชีวะวิทยา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน  ด้วยความสำนึกในพระคุณ

            “พวกเรารู้แล้วว่า ถูกหลอก แต่จะเป็นใครเป็นคนหลอก ท่านก็รู้”


ค่ำคืนแห่งความหลัง ทบทวนกันด้วยไวน์และวิสกี้

             จบสิ้นพิธีการที่ตั้งใจกันมาทำ  

             “กราบไหว้ขอขมาท่านอดีตอธิการบดีผู้ชาญฉลาดและวิสัยทัศน์กว้างไกล”  


           “ปลูกต้นกัลปพฤกษ์

Cassia bakeriana Craib วงศ์ LEGUMINOSAE-CAESALPINIOIDAE”

             ได้เวลาฮาเฮกันตามประสาเพื่อนเก่าเหล้าดี บรรยากาศริมน้ำท่าสาร เบิกบานใจ อิ่มหนำสำราญกับอาหารและเสียงเพลง


             บรรยากาศ  “เหมือนวัวเคยขาม้าเคยขี่”  มันจึงสนุกสนาน สนิทแนบแน่น และเฮฮากันอย่างนี้   ไม่ต้องร้องเพลงอันความกลมเกลียวใดๆ   เพียงอ่านไมตรีในแววตา  ท่วงท่าวาจาที่เอ่ยเอื้อน  เสียงหัวเราะต่อกระซิก  บอกได้เลยว่า มันคือพลังของคำว่าเพื่อน  

              วันหน้า ถ้ายังมีกำลังและแรงกาย พวกเขาจะยังเดินไปด้วยกันอย่างมั่นคง  


Tags : อุทยานแหมลงเฉลิมพระเกียรติ

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view