สามเหลี่ยมทองคำ เชียงแสน เที่ยวได้ทั้งปีมีที่พักเพียบ
โดย ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ
ถ้าไปท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย ไม่ว่าฤดูกาลใด ก็สามารถไปเที่ยงเมืองเชียงแสน หรืออำเภอเชียงแสน หนึ่งในเมืองเก่าเล่าอดีตของเชียงรายได้มากมาย ไปเที่ยวได้ตลอดทั้งปี เพราะที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่บน “สามเหลี่ยมทองคำ” อันหมายถึงแดนดินถิ่นที่แผ่นดินเชื่อมต่อกันถึง 3 แผ่นดิน กล่าวคือ ประเทศไทย ประเทศเมียนมาร์ และประเทศลาว
นอกจากนั้นปัจจุบันนี้ เชียงแสนยังกลายเป็นท่าเรือขึ้นล่องแม่น้ำโขงที่สำคัญ สินค้าจากประเทศจีน เมียนมาร์ และลาว จึงขนถ่ายจำหน่ายกันในเมืองเชียงแสน มีร้านค้าให้เลือกซื้อได้อย่างสะดวกสบาย พร้อมที่พักแรมทางและร้านอาหาร ให้นักท่องเที่ยวได้รับการตอบสนองอย่างทั่วถึง ดังนี้ เชียงแมนจึงท่องเที่ยวได้ทั้งปี
มองเห็นฝั่งลาว
โดยเฉพาะตำนานสิงหนวัตรยังได้กล่าวถึงประวัติศาสตร์ของเมืองอย่างกว้างขวาง มีเรื่องเล่า มีศิลปวัตถุให้ชมตามหลักฐาน เรื่องเริ่มต้นที่ พระเจ้าสิงหนวัติกุมาร ผู้สร้างนาคพันธ์สิงหนวัตินคร ด้วยการขับไล่ขอมพ้นไปจากเชียงแสน สลับกับขอมกลับมาขับไล่พระเจ้าพิงคราชรัชกาลต่อมา ไปครองเมืองเวียงสีทอง ต่อมาพระเจ้าพรหมราชบุตรผู้เก่งกล้าสามารถขับไล่ขอมพ้นไปอีกครั้งแล้วอัญเชิญพระเจ้าพิงคราชกลับมาครองราชย์ดังเดิม ด้วยอำนาจบารมีของราชบุตรนครเชียงแสนขยายอาณาเขตขัณฑสีมาไปไกลโพ้นจนถึงเวียงไชยปราการ เชียงใหม่ ที่นั่น พระเจ้าพรหมได้ครองราชย์แยกราชธานีไปเป็นอีกนครหนึ่ง
ฝั่งเมียนมาร์
ตำนานสิงหนวัติสิ้นสุดเมื่อพระเจ้ามหาชัยชนะครองราชย์เมืองเชียงแสน ได้เกิดอาเพศจนเมืองล่มถล่มกลายเป็นหนองเชียงแสนตราบทุกวันนี้ ร่องรอยของความเจริญแห่งนาคพันธ์สิงหนวัตินครปรากฏไปทั่วด้วยศิลปะเชิงพระพุทธศาสนา เช่น วัดเจดีย์หลวง วัดป่าสัก วัดพระธาตุจอมกิตติ วัดพระธาตุผาเงา วัดพระธาตุสองพี่น้อง วัดพระธาตุภูเข้า และพระเชียงแสนสิงห์หนึ่งเนื้อสำริด เป็นต้น
เมืองเชียงแสนปรากฏหลักฐานสำคัญอีกครั้งเมื่อพญามังรายมหาราช ในปีพ.ศ.1871 หลังจากราชวงศ์พญาเม็งรายไปครองนครเชียงใหม่ เมืองเชียงแสนได้ถูกลดฐานะลงเป็นเพียงหัวเมือง และได้ตกไปอยู่ภายใต้การปกครองของพม่าพร้อมนครเชียงใหม่นานนับร้อยๆปี จนกระทั่งปีพ.ศ.2143 มังนรธาช่อ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่พร้อมใจสวามิภักดิ์แด่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี จึงได้กลับมาอยู่ดังเดิม
สินค้านานาชนิด
พ.ศ.2347 ชาวไทลื้อเชียงตุงและพวกก่อการรุกล้ำและเข้าถือครองนครเชียงแสน สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่1. กรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี ได้โปรดเกล้าให้พระเจ้าเชียงใหม่นำทัพจากเมืองลำพูน เมืองน่าน เมืองลำปาง ไปตีคืนและครอบครองได้ดังเดิม ด้วยเหตุที่เมืองเชียงแสนมีพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง อุดมสมบูรณ์ดี จึงมีค่า
พ.ศ.2413 พม่า ไทลื้อ เขิน จากเชียงตุงรุกเข้าครอบครองอีกครั้ง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ทรงโปรดเกล้าให้เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ไปสำทับให้ขึ้นกับกรุงรัตนกสินทร์ แต่เกิดความกระด่างกระเดื่อง มิยอมตาม ปีพ.ศ.2417 พระองค์จึงโปรดเกล้าให้ เจ้าอินทรวิชยานนท์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ ยกทัพไปปราบปรามจนสำเร็จ กลับมาขึ้นตรงดังเดิม
พ.ศ.2468 เจ้าอินต๊ะ ราชบุตรเจ้าเมืองลำพูน พระยาราชเดช ได้รับการโปรดเกล้าให้ไปปกครองนครเชียงแสน สืบมา จนถึงปีพ.ศ. 2472 ยุบเป็นอำเภอเชียงแสน และปีพ.ศ.2500 ตั้งเป็นอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ตราบเท่าทุกวันนี้ จะเห็นได้ว่า เชียงแสนมีเรื่องราวเล่าขานเป็นพันปีเลยทีเดียวก็ว่าได้
แน่นอนว่าผมและพวกได้ไปเที่ยวจังหวัดเชียงรายในหน้าหนาว อาบไอหนาวบนดอยสูงเช่นดอยตุงและชมดอกไม้จนอิ่มหนำกับความงดงามของเทศกาลดอกไม้บานของจังหวัดเชียงรายถึง 2 แห่ง นั่นคือ ที่เทศบาลนครเชียงรายจัดขึ้น และที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายจัดขึ้น ชาวเชียงรายจึงมีนักท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาวล้นปรี่
แต่มนต์เสน่ห์ของเชียงรายยังไม่สิ้น พวกเราจึงตัดสินใจไปเที่ยวเมืองเชียงแสน เพื่อให้รู้ว่า สามเหลี่ยมทองคำ นั้นมีดีอย่างไรกันเชียวหรือ ถึงโด่งดังไปทั่วโลก ฝรั่งและชาวต่างชาติมากมายแห่แหนกันมาเยี่ยมยามมิได้ขาด จากเมืองชายแดนเล็กๆจึงกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีทรัพยากรท่องเที่ยวพร้อมพูน
ตรงสามเหลี่ยมทองคำ เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่ถูกพัฒนาขึ้นอย่างผิดหูผิดตา มิใช่มีเพียงป้ายสื่อความหมายว่าสามเหลี่ยมทองคำเพียงป้ายเดียวอีกต่อไป หากแต่มีพระพุทธรูปงดงามปางนั่งสมาธิเพชรองค์โตให้กราบไหว้ได้อย่างยิ่งใหญ่อลังการ นักท่องเที่ยวทั้งสามชาติเคารพบูชามิได้ขาดสาย เป็นพุทธศิลป์ใหม่ที่เกิดขึ้นตามยุคสมัยที่เหมาะสม
นอกจากนั้น ยังมีรูปปั้นพระเจ้าเชียงแสนให้ได้ฟังเรื่องเล่าจากตำนาน มีศิลปะสถาปัตยกรรมหลายชนิดให้ได้ชมและถ่ายรูปเป็นบันทึกประวัติการท่องเที่ยวที่ประทับใจ เช่นกับตุงทอง 3 ใบ เรือสำเภาเงินสำเภาทองอันเป็นฐานพระพุทธรูปองค์โต มีสินค้าของฝากมากมายจากทั้งสามประเทศจำหน่าย ไปที่นี่แล้วไม่มีคำว่า “สนุกจังตังส์อยู่ครบ”
ชายชราเยี่ยงผม เดินมากตากแดดไม่ไหว อาศัยร่มเงาแมกไม้บนเหลี่ยมเขาบดบังความร้อนแรงยามตะวันบ่าย ได้รับลมเย็นชื่นใจจากแม่น้ำโขง ได้เห็นเรือสินค้าขึ้นล่องน้ำเป็นฟองฟอดก็รู้สึกตื่นเต้น คิดถึงความหลังครั้งที่เคยได้นั่งเรือท่องเที่ยวของ บริษัท แม่โขง เดลต้า ทราเวล เอเจนซี่ จำกัด โทร.053-642517-8 www.maekhongtravel.com ทวนน้ำขึ้นไปจาเชียงแสนจนถึงเมืองกวนเล่ย ประเทศจีน แล้วอยากไปอีกอะ
เรือแม่โขงเดลต้า
บอกตามตรง ผมและพวกไปเที่ยวครั้งนี้ไม่ได้ไปเยี่ยมยามตามดูประวัติศาสตร์ศิลปวัตถุโบราณตามแหล่งต่างๆเช่น วัดพระธาตุจอมกิตติ วัดพระธาตุผาเงา ฯลฯ แต่อย่างใดเลย สารคดีนี้จึงไม่สมบูรณ์ดังหวัง ต้องมีสักวัน ก่อนที่ชายชราคนนี้จะตายลง ต้องไปนอนพักริมฝั่งโขงในเขตนครเชียงแสน รับประทานอาหารปลาจากแม่น้ำโขง และล่องเรือแม่โขงเดลต้าอีกสักครา
ค่ำนั้น เรากลับไปนอนพักแรมบนดอยสูงของสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าดอยตุง อาบไอหนาวอีกคืน ดื่มกาแฟชะมดอีกเช้า