หลวงพ่อยิ้มรับฟ้า
วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร
โดย ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ
หลวงพ่อยิ้มรับฟ้า
วัดบางหว้าใหญ่ เป็นวัดเก่าแก่สร้างมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ตั้งอยู่เลขที่ 250 แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย จังหวัดกรุงเทพมหานคร ครั้นสมเด็จพระเจ้าตากสินทรงสร้างราชธานีแห่งใหม่ขึ้นใกล้ๆวัดนี้ จึงยกเป็นพระอารามหลวง และเมื่อเกิดการผลัดแผ่นดินและย้ายราชธานีไปยังฝั่งกรุงเทพ วัดนี้ก็ยังเป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดวรมหาวิหารตราบทุกวันนี้
รูปหล่อสมเด็จโต พรหมรังสี
สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกและสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยาเทพสุดาวดี(สา) ได้ร่วมกันบูรณะวัดขึ้นใหม่ จึงขุดพบระฆัง 1 ใบเสียงใส พระพุทธยอดฟ้านำไปไว้ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม แล้วสร้างใหม่ 5 ลูกขึ้นแทน พร้อมกับเปลี่ยนชื่อวัดเป็นวัดระฆังโฆสิตาราม ในภายหลังได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็นวัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร ตราบทุกวันนี้
ถวายสังฆทาน
พื้นที่วุดค่อนข้างคับแคบ เต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้าง อาทิเช่น โรงเรียนสตรีวัดระฆัง กุฎีพระสงฆ์คณะต่างๆ อารามจัตุรมุขอันเป็นพิพิธภัณฑ์ของวัดริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา พระปรางค์วิหารเก่า พระอุโบสถหลังใหญ่หลังคาลดหลั่น 3 ชั้น มีเพียงช่วงหน้าพระอุโบสถถึงศาลาท่าน้ำเท่านั้นที่เป็นที่ว่างกลางวัด เป็นที่ที่จอดรถ พุทธศาสนิกชนเข้าพักผ่อน เลี้ยงนกและปลาในน้ำ
ถ้าไปเที่ยววัดระฆังก็จะได้เห็นแค่ระฆัง 5 ลูกที่สร้างแทนระฆังใบเดิม แต่ก็มีตำหนักแดงที่เป็นสำนักวิปัสสนาของสมเด็จพระเจ้าตากสิน ให้ขึ้นไปกราบไหว้และนั่งสมาธิรำลึกถึงอดีตได้ เป็นอาคารทรงไทยที่มีเพดานสูงมาก น่าจะราวๆ5เมตร ตัวเรือนกว้าง ราว 7 เมตร ยาวราวๆ 12 เมตร ระเบียงเชิงบันไดกว้าง 3 เมตรยาวตลอดอาคาร รวมอยู่ในหมู่กุฎีของวัด
ข้างพระปรางค์และหอระฆัง 5 ลูก เป็นตำหนักของพระราชวรินทร์ พระยศในขณะนั้นของสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ปลูกสร้างไว้ระหว่างรับราชการในสมเด็จพระเจ้าตากสิน ครั้นผลัดแผ่นดินจึงถวายเป็นหอไตรของวัดระฆังตราบทุกวันนี้ เป็นอาคารทรงไทย 3 หลังแฝด สภาพยังรักษาไว้ด้วยดี แต่ภายในไม่ทราบว่ามีสิ่งใดน่าสนใจหรือไม่ เพราะห้ามเข้า
ศิษย์เก่ารร.สตรีวัดระฆัง
ไฮไลท์ของงานนอยู่ที่ เมื่อปีพ.ศ.2395-2415 วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร มีเจ้าอาวาสชื่อ สมเด็จพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ร่องรอยที่เหลืออยู่คือรูปหล่อขนาดเท่าองค์จริงให้กราบไหว้บูชากัน ส่วนพระพุทธรูปบูชาที่สมเด็จโตสร้างไว้จนเป็นวัตถุมงคลสำคัญของแผ่นดินนั้นชื่อว่า พระสมเด็จวัดระฆัง ส่วนจะรุ่นไหนบ้าง ไม่มีความรู้จะจารนัยให้เข้าใจ ฮา
หลวงพ่อยิ้มรับฟ้า
หลวงพ่อยิ้มรับฟ้า เป็นพระประธานในอุโบสถหลังใหญ่ เป็นพระพุทธรูปเนื้อทองสำริด ปางสมาธิ หน้าตักกว้างประมาณ ๔ ศอกเศษ เบื้องพระพักตร์มีรูปพระสาวก ๓ องค์ นั่งประนมมือดุจรับพระพุทธโอวาท พระประธานองค์นี้ได้รับการยกย่องว่างดงามมาก จนปรากฏว่าครั้งหนึ่งเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอม เกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จมาถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดระฆังโฆสิตาราม
ได้มีพระราชดำรัสแก่ผู้เข้าเฝ้าฯ ใกล้ชิดว่า ไปวัดไหนไม่เหมือนมา วัดระฆังพอเข้าประตูโบสถ์พระประธานยิ้มรับฟ้าทุกที ด้วยเหตุนี้จึงทรงถวายเครื่องราชอิสริยาภรณ์นพรัตนราชวราภรณ์ และมหาปรมาภรณ์ ช้างเผือกแด่พระประธานองค์นี้เป็นพิเศษ และพระประธานองค์นี้ก็ได้นามว่า พระประธานยิ้มรับฟ้า ตั้งแต่นั้นมา
ตำหนักพระราชวรินทร์(ร.1)
วันนี้ (17 เมย.59) เปิดอุโบสถถวายสังฆทาน พุทธศาสนิกชนเนืองแน่น ล้นไปจนรอบระเบียงอุโบสถ จึงได้ภาพมาเพียงนี้ ส่วนจิตรกรรมฝาผนังไม่สามารถเข้าถึงได้ คงต้องมีอีกสักวันที่จะไปถ่ายมาอวดกัน ฝีมือช่างหลวงที่เรียกว่าช่างสิบหมู่แขนงหนึ่ง ซึ่งย่อมไม่ธรรมดา เป็นอีกวัดหนึ่งที่อยู่ใกล้พระราชวังเดิมสมัยกรุงธนบุรีราชธานี
ไปเที่ยววัดรอบๆพระราชวังเดิมเถอะ จะได้รู้ว่าสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชนั้นทรงเป็นเป็นพุทธศาสนิกชนองค์สำคัญเพียงใด ส่วนเรื่องทางโลกก็ปล่อยให้กาลเวลาพิสูจน์สัจ