ดอกไม้เทศและดอกไม้ไทย
ต้น 80.คอร์นฟลาวเวอร์
โดย ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ
ชื่อสามัญ Cornflower, Blue-bottle, Bachelor’s Button, Knapweed, Blue Boy
ชื่อวิทยาศาสตร์ Centaurea cyanus L.
ชื่อวงศ์ ASTERACEAE
ถิ่นกำเนิดและการกระจายพันธุ์
ในต่างประเทศ ถือเป็นวัชพืชตามไร่ในยุโรปเช่น อังกฤษ แถบเมดิเตอร์เรเนียน ทวีปอเมริกา ทวีปออสเตรเลีย เยอรมันประกาศเป็นดอกไม้ประจำชาติ
ในประเทศไทย พบว่านำเข้ามาปลูกประดับแบบลงแปลงในจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ระดับความสูงจากน้ำทะเลปานกลาง 1,500 เมตร
สถานภาพ เป็นพืชต่างถิ่นกำเนิด นำเข้ามาปลูกประดับ
ลักษณะประจำพันธ์
ต้น เป็นไม้ดอกอายุสั้น 1- 2 ปี พันธุ์เตี้ย 30-
ใบ รูปใบหอกหรือรูปขอบขนานปลายสอบแหลม กว้าง 1.5-
ดอก เดี่ยว ขนาด 5-
ผล แห้งแตกเมื่อแก่ รูปโคน มีเมล็ด ขนาดใหญ่ 250 เมล็ด/กรัม
ปัจจุบันมีการผสมพันธุ์คอร์นฟลาวเวอร์หลายชนิดพันธุ์ หลายสีสัน สวยงามและแปลกแตกต่างไปจากพันธุ์ดั้งเดิมมาก
สภาพที่เหมาะสมและการขยายพันธุ์
ดินร่วนปนทราย เป็นด่างเล็กน้อยด้วยการเติมปูนขาวลงในดิน ความชุ่มชื้นสม่ำเสมอ แสงแดดเต็มวัน อุณหภูมิ 10-25 ‘C ความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 500-
เพาะเมล็ดกลางแจ้ง ช่วงเดือนมีค.-พค. ฝังกลบ
ปัจจุบันมีการผสมพันธุ์คอร์นฟลาวเวอร์หลายชนิดพันธุ์ หลายสีสัน สวยงามและแปลกแตกต่างไปจากพันธุ์ดั้งเดิมมาก
บันทึกผู้เขียนและผู้ถ่าย
ผมถ่ายรูปดอกคอร์นฟลาวเวอร์มาจากจังหวัดเชียงใหม่ ดอยอ่างขาง ซึ่งสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางเกินกว่า 1,000 เมตร ถ่ายได้ไม่ยาก แต่ก็ถ่ายได้เพียงแค่นี้ ประโยชน์ของคอร์นฟลาวเวอร์ได้แก่
1.ปลูกเป็นไม้ประดับ นิยมปลูกลงแปลงมากกว่ารูปแบบอื่นๆ ให้สีสันที่สดใสและโดดเด่น ด้วยรูปดอกที่มีลีลาแปลกตา นอกจากนั้นยังสามารถปลูกเพื่อตัดดอก ทำดอกไม้แห้งหรือดอกไม้ทับ หรือตัดดอกขายก็ได้
2.ปลูกเป็นพืชอาหารและสมุนไพร ดอกคอร์นฟลาวเวอร์เป็นเครื่องตกแต่งอาหารได้ และใช้เป็นส่วนผสมในใบชา มีรงควัตถุสีน้ำเงินในดอกคือ โพรโทไซยานิน รสหวานเหมือนน้ำผึ้ง มีกลิ่นเครื่องเทศ
ดอกแห้งต้มดื่มน้ำเป็นยานระบายท้อง แก้โรคท้องมาน ท้องผูก ขับปัสสาวะ แก้คัน และใช้เป็นน้ำยาบ้วนปาก ต่อต้านการติดเชื้อ รักษาโรคตาแดง
เมล็ด เป็นยาระบายอ่อนๆ สำหรับเด็ก
ใบ ต้มเป็น antirheumatic