บ่อเกลือโบราณ อ.บ่อเกลือ จ.น่าน
โดย ธงชัย เปาอินทร์ เรื่องภาพ
ไปเที่ยวจังหวัดน่าน ไปด้วยรถยนต์ที่ขับไปเองหรือไปเช่าแล้วขับเอง จะได้อรรถรสจากการแวะตามจุดต่างๆที่เป็นวิวพ้อยท์หรือจุดชมวิวสองข้างทางที่เห็นว่างดงามตามใจได้สะดวกกว่ารถตู้เหมา ซึ่งอาจรู้สึกเกรงใจ ถ้าสั่งให้หยุดบ่อย โดยเฉพาะเส้นทางลอยฟ้าจากเมืองน่านไปยังบ่อเกลือโบราณสวยด้วยภาพภูเขาหัวโล้นและไต่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางจาก300-1,300 เมตร สยิว!
วันศุกร์แรก เมื่อถึงเมืองน่าน หาที่พักแรมตามโรงแรม รีสอร์ท ได้สะดวก น่านวันนี้ไม่เหมือนในอดีตที่มีโรงแรมเก่าๆเพียง 2-3 แห่งอีกแล้ว เลือกได้แต่ควรจองล่วงหน้า แม้เหนื่อยจากการเดินทางไกล 680 กม.ก็ไม่แนะนำให้นอนหลับใหลไปเฉยๆ แต่อยากให้ไปลิ้มรสชาติอาหารพื้นเมืองริมฝั่งแม่น้ำน่าน ฟังเสียงสะล้อซอซึงขับกล่อมด้วยเรื่องราวแต่อดีต หรือเสียงหวานๆ จากนักร้องสาวๆ ก็เลือกได้
อิ่มเอมกับอาหารและดนตรีพื้นเมืองน่านแล้วก็อยากเชิญชวนให้ไปเดินชม “ข่วงเมืองน่าน” ที่หน้าวัดภูมินทร์ วัดที่สวยงามด้วยศิลปะร่วมสมัย ฝีมือช่างชาวไทลื้อและช่างสมัยรัตนโกสินทร์ อุโบสถทรงจัตุรมุขทับหลังพญานาคคู่แห่งเดียวของเมืองน่าน พระประธานยังแปลกแตกต่างไปจากวัดใดๆด้วยว่าสร้างพระพุทธรูปปางสมาธิเพชร 4 องค์หันหลังชนกัน ภาพเขียนสีบนผนังโบสถ์ควรชมตอนกลางวัน
เช้าตรู่วันเสาร์ ตื่นแล้วรับประทานอาหารที่ที่พักแรม เตรียมพร้อมเดินทางไกลไปตามถนนลาดยาง จุดเริ่มต้นคือปลายสะพานข้ามแม่น้ำน่านทิศตะวันออก เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเส้น1169 ผ่านชุมชนไปตามสันเขา ผ่านเมืองจังไปจนถึงอำเภอสันติสุข ชอบภูมิทัศน์ตรงไหนก็จอดรถลงไปถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก ถึงอำเภอสันติสุขระยะทาง 30 กม. แล้วเลี้ยวไปตามถนนสาย 1258 อีก 17 กม. ช่วงนี้เป็นช่วงภูเขาสูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 800-1,300 ม.
.ใกล้ถึงอำเภอบ่อเกลือ มีเวลาต้องแวะชมให้ได้ เมื่อผ่านทางแยกเข้าไปชมศูนย์ภูฟ้าพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ บรมราชกุมารี ซึ่งทรงดำริเมื่อครั้งไปเยือนบ่อเกลือสินเธาว์ บ้านบ่อหลวง อำเภอปัว(เดิม) เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2538 ด้วยทรงเห็นว่าประชาชนอยู่ยากลำบากบนเขาสูง ด้อยโอกาสทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม พระองค์จึงทรงดำริให้โครงการพัฒนาเพื่อวัตถุประสงค์ดังนี้คือ
เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตราษฎรบนพื้นที่สูงและใช้เป็นต้นแบบในการพัฒนาต่อไป เพื่อการส่งเสริมอาชีพที่เหมาะสมกับศักยภาพของราษฎรและพื้นที่บนที่สูง เพื่อเป็นศูนย์รวบรวมและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องด้านการตลาด เพื่อการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ศึกษาธรรมชาติ วัฒนธรรมท้องถิ่น เพื่อการศึกษาวิจัยถ่ายทอดความรู้การพัฒนาและการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ ที่ยั่งยืน สู่จุดมุ่งหมาย “ คนอยู่ร่วมกับป่า ”
โครงการศูนย์ภูฟ้าพัฒนา มีพื้นที่ดำเนินการทั้งสิ้น 2,376 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ทรงงาน 600 ไร่ เป็นพื้นที่เกษตรกรรม 1,776 ไร่ มีเกษตรกรร่วมโครงการ 127 ครอบครัว ตั้งอยู่ หมู่ 2 บ้านห่างทางหลวง ตำบลผาสุก อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน ได้ไปเยี่ยมยามแล้วจะได้รู้ว่า พื้นที่ใดจำเป็นต้องพัฒนาและพื้นที่ใดจำเป็นต้องกำหนดเป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำ
สิ่งอำนวยความสะดวกในการเข้าชม ได้แก่ห้องพักธรรมดาขนาด 2 คน 600 บาท/วัน ห้องวีไอพีขนาด 2 คน 800 บาท และห้องพักรวม 18 คน ๆละ 100 บาท ราคานี้พร้อมอาหารเช้า 1 มื้อ/วัน ติดต่อเข้าชมได้ที่ www.phufacenter.com โทร.0-5471-0610
น่านเป็นเมืองที่เป็นป่าต้นน้ำของแม่น้ำน่านซึ่งยาวถึง 740 กิโลเมตร ขุนต้นน้ำน่านจึงเป็นขุนเขาสูงสลับซับซ้อนไล่ระดับความสูงไปตามธรรมชาติ แต่โชคดีที่ภูเขาส่วนใหญ่เป็นเขาดิน เป็นฐานอันอุดมสมบูรณ์ของป่าดงดิบ ป่าสน และป่าดิบแล้ง แทรกด้วยป่าเบญจพรรณและป่าเต็งรังบางส่วน ลุ่มน้ำน่านจึงเป็นลุ่มน้ำสำคัญของแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งในอดีตมีป่าไม้อุดมสมบูรณ์ จึงมีน้ำไหลหลั่งไปรวมกันที่หน้าจังหวัดน่าน เกิดประเพณีแข่งเรือยาว บนเส้นทางลอยฟ้าจากเมืองน่านไต่ระดับขึ้นไปยังอำเภอบ่อเกลือจึงเต็มไปด้วยขุนเขาที่มีทั้งป่าไม้และป่าหัวโล้น ผ่านชุมชนคนเมืองและคนภูเขาชนเผ่าต่างๆ วิถีชีวิตที่ต้องทำกินบนเขาสูงทำให้รู้สึกได้ 2 อย่าง อย่างแรก เขาเป็นนักทำลายป่าต้นน้ำ แต่อีกอย่างหนึ่งนั้นคือเขาไม่มีที่ราบทำกินจึงต้องทำกินบนเขาสูง เพื่อประทังชีวิตตนและครอบครัว
อำเภอบ่อเกลือวันนี้มีโรงแรม รีสอร์ท มากมายหลายระดับ และควรจองมาจากกรุงเทพก่อนการเดินทาง ส่วนใหญ่อยู่ในชุมชนใกล้ๆอำเภอ ริมแม่น้ำมาง ซึ่งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางกว่า 730 เมตร ภูมิอากาศในฤดูหนาวหนาวเหน็บเจ็บกระดูก บางปีลดลงถึง 3-4 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว กินนอนที่พักแรมสะดวกที่สุด ค่ำคืนนี้แหละหลับลึก
ชมทะเลหมอกที่อช.ขุนน่าน
หรือถ้าชอบนอนตามอุทยานแห่งชาติก็มีอุทยานแห่งชาติขุนน่าน ซึ่งเปิดบ้านให้พักแรมได้ ควรจองจากกรมอุทยาน สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งก็มีอาหารบริการเช่นกัน เช้าตรู่ ไปชมทะเลหมอกก่อนอาหารเช้าซึ่งไม่ไกลไปจากที่พักแรมนัก 9 กม.เท่านั้นเอง ชมจนเบื่อก็กลับที่พักอาบน้ำแต่งตัวพร้อมลงไปรับไอหนาว ดื่มกาแฟร้อนและข้าวต้มเครื่องอุ่นๆ
ไฮไลท์ของการมาเที่ยวอำเภอบ่อเกลืออีกอย่างหนึ่งซึ่งหลีกเลี่ยงยาก นั่นคือการไปชมบ่อเกลือโบราณ ซึ่งเป็นบ่อเกลือสินเธาว์ที่ปราศจากสารไอโอดีน(ภายหลังเติมจนมี) ด้วยว่ากันว่าเดิมอำเภอบ่อเกลือและดอยภูคาเป็นทะเลโบราณที่ยกตัวเป็นเขาสูง หินเกลือจึงฝังอยู่ใต้ดิน เป็นแหล่งเกลือสำคัญของเมืองน่าน และเป็นทรัพยากรสำคัญของแผ่นดินล้านนา
ลำน้ำมาง
หลังอาหารเช้าวันอาทิตย์วันที่ 3 และดื่มด่ำกับบรรยากาศของสายหมอกที่ไล้โลมไปทั่วขุนเขา จึงออกเดินทางไปยังบ่อเกลือบ้านบ่อหลวง อำเภอบ่อเกลือ ปัจจุบัน บ่อเกลือที่ชาวบ้านใช้ประโยชน์มีจำนวน 5 บ่อ คือ บ้านบ่อหลวง หมู่ที่ 1 ตำบลบ่อเกลือใต้ 2 บ่อ, บ้านบ่อหยวก หมู่ที่ 3 ตำบลบ่อเกลือเหนือ 2 บ่อ และบ้านนากิ๋น หมู่ที่ 2 ตำบลบ่อเกลือเหนือ 1 บ่อ
จอดรถยนต์เข้าที่ในหมู่บ้านบ่อหลวง ได้เห็นภาพที่เปลี่ยนไป มีร้านขายของฝากของที่ระลึก ร้านขายของจิปาถะโดยผู้สูงอายุ ร้านขายเสื้อผ้าที่ถักทอด้วยมือของพี่น้องชาวบ่อเกลือ ร้านกาแฟสด แหม มีหลายร้าน ผลิตภัณฑ์ที่ขายก็พัฒนาไปจากการห่อใบตอง แต่มีการจัดการแพคกิ้งอย่างสวยเก๋ โดยเฉพาะดอกเกลือสินเธาว์ที่ใช้เป็นเครื่องประทินผิว
มัคคุเทศก์น้อย เด็กหญิง 9-11 ขวบ 2 คนเดินมาสวัสดีด้วยชุดแต่งกายแบบสาวบ้านป่าเมืองน่าน พูดด้วยภาษาไทยชัดเจน ใบหน้าเปื้อนยิ้มตลอดทริป พร้อมกับทำหน้าที่มัคคุเทศก์น้อยชาวดอยอย่างดีเยี่ยม เธอนำแต่ละกลุ่มไปชมบ่อเกลือโบราณ และอธิบายด้วยน้ำเสียงใสๆ ไร้มารยา ช่างน่ารัก แต่ด้วยว่าผมพลาดที่ไม่ได้จดชื่อเสียงเรียงนามของเธอมาด้วย แก่แล้วขี้ลืมเสียจริง เธอเล่าว่า
ขั้นตอนการผลิตเกลือสินเธาว์
ขั้นตอนแรกคือการเตรียมเตาต้มเกลือโดยใช้ดินเหนียวเป็นรูปโดม ปากเตา มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 เมตร ตั้งกระทะใบบัวไร้หูบนใบตองรองก้นกระทะ เพื่อป้องกันไม่ให้กระทะติดเตา ตักน้ำขึ้นจากบ่อลงถังพักเพื่อให้สิ่งปนเปื้อนมากับน้ำตกตะกอน โดยพักน้ำไว้ประมาณ 1 คืน นำน้ำในถังพักไปต้ม ให้น้ำระเหยออก ต้มด้วยไม้ฟืนแห้งใช้เวลาต้มประมาณ 3 ชั่วโมง คนต้มต้องเฝ้าเตาตลอดเวลาจนกว่าจะได้เกลือแล้ว เมื่อน้ำระเหยจะมีเกลือสินเธาว์ตกตะกอนอยู่ก้นกระทะ จากนั้นตักใสเปาะ(ชะลอม)ให้สะเด็ดน้ำ นำเกลือที่ผลิตได้มาผสมกับสารไอโอดีนในอัตราส่วนเกลือ 12-15 กิโลกรัม/น้ำไอโอดีน 30 ซีซี. ขั้นตอนสุดท้าย
นำเกลือบรรจุลงถุงพลาสติก ติดฉลาก เพื่อจำหน่ายให้กับลูกค้า/นักท่องเที่ยว ถุงละ 4 กิโลกรัม ราคาถุงละ 20 บาท ปีหนึ่งหมู่บ้านของเราผลิตเกลือออกไปจำหน่ายได้ถึง 850 ตัน
อ้อ ขอประทานอภัยนะคะ ในการตักน้ำเกลือจากบ่อนั้น จะมีพิธีไหว้เจ้าพ่อบ่อเกลือและเจ้ารักษาบ่อเกลือ ในวันแรม 8 ค่ำ เดือน 5 เรียกว่า งานแก้ม อดีตเคยไหว้คราวละ 7 วันแต่ปัจจุบันนี้ไหว้เพียง 3 วัน เครื่องเซ่นไหว้จะใช้หมูสลับกับควาย ก่อนการตักน้ำจากบ่อ และห้ามมิให้ผู้หญิงขึ้นไปตักน้ำเกลือโดยเด็ดขาด
ไปเยือนบ่อเกลือโบราณที่มีมานานนับพันปีแห่งนี้แล้ว จะพิศวงว่า ภูเขาสูงลิบลิ่วบนเทือกเขาเหล่า เคยเป็นท้องทะเลมาก่อนได้อย่างไร ซึ่งที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคามีการพบหอยทะเลล้านปี อันเป็นเครื่องพิสูจน์
บนเขาสูงของบ่อเกลือนั้นสูงที่สุดคือดอยดงหญ้าหวาย สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 1,648 เมตร ความลาดชันของเทือกเขากว่า 40% มีที่ราบเพียง 1.5% ภูเขาสำคัญๆได้แก่ ภูคา ภูแว ภูผีปันน้ำ และภูฟ้า ลำน้ำสำคัญคือลำน้ำมาง ลำน้ำว้า และลำน้ำน่าน ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 1,300 มม./ปี อุณหภูมิในช่วงหนาว 0-7 องศาเซลเซียส
ขากลับ สามารถขับรถกลับทางอำเภอบ่อเกลือ-ปัว อยากไปเยี่ยมยามอุทยานแห่งชาติดอยภูคา ก็เลี้ยวรถไปได้ อาหารกลางวันที่ตลาดอำเภอปัวมีให้เลือกกินเยอะ อิ่มแล้วก็ขับรถไปเที่ยววัดหนองบัว อำเภอท่าวังผา วัดของพี่น้องชาวไทลื้อ ชมภาพเขียนสีบนผนังอุโบสถแล้วจะฉงนว่าทำไมคล้ายคลึงกับภาพเขียนสีบนผนังอุโบสถวัดภูมินทร์ นักหนาหน้อ
ก่อนกลับ อย่าลืมหาซื้อผ้าถักทอด้วยมือจากลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ของชาวไทลื้อได้ด้วย ซื้อสาหร่ายน้ำจืดที่เรียกว่า “เตา” กรอบเค็มไปกินเล่นระหว่างนั่งรถกลับด้วยนะ การเดินทางกลับจนถึงเมืองน่าน สบายๆ หาซื้อข้าวหลามเมืองน่านชิมด้วยนะ จะติดใจ คืนนี้ ไม่อยากให้รีบเดินทางกลับกรุงเทพเลย เพราะเหนื่อยกันมาหลายวัน ถ้าให้ปลอดภัยหาที่นอนตามชอบอีกสักคืน สุโขสโมสรทีเดียวเชียวครับ