ดอกไม้เทศและดอกไม้ไทย
ต้น 91.เดลฟิเนียม
โดย ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ
ช่อดอกเดลฟีเนี่ยม
ชื่อสามัญ Delphinium, Candle Larkspur
ชื่อวิทยาศาสตร์ Delphinium elatum Hybrids
ชื่อวงศ์ RANUNCULACEAE
ถิ่นกำเนิดและการกระจายพันธุ์
ในต่างประเทศ พบทางตอนใต้และตอนกลางของยุโรป แถบเทือกเขาพีรีนีส ระหว่างฝรั่งเศสและสเปนถึงไซบีเรีย ในระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางระหว่าง 1.900-2,100 เมตร
ในประเทศไทย พบน้ำเข้ามาปลูกประดับที่ดอยอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่
การกระจายพันธุ์ กระจายไปทั่วภูมิภาคยุโรป
สถานภาพ เป็นพืชต่างถิ่นกำเนิด เป็นไม้ดอกประดับอายุสั้น นำเข้ามาปลูกประดับ
ลักษณะประจำพันธ์
ต้น เป็นพุ่มสูง 0.50-1.50 เมตร ลำต้นมีขน
ใบ ใบรูปนิ้วมือ 5-7 แฉก แต่ละแฉกรูปรีแกมใบหอก ปลายแหลม ใบสีเขียวอ่อน
ดอก ออกเป็นช่อ ช่อดอกยาว 30-60 เซนติเมตร มีทั้งดอกชั้นเดียวและดอกซ้อน ขนาด 5-7 เซนติเมตร ขนาดดอกย่อยแต่ละดอก 5.5-6 ซม.กลีบดอกมีตั้งแต่ 5 กลีบขึ้นไป มีสีขาว ชมพู ม่วง และฟ้า โคนกลีบหนึ่งมีเดือยยาว ภายในมีต่อมน้ำหวาน โคนกลีบดอกมีกลิ่นหอม ย้ายกล้าปลูก-ออกดอกแรก 85-90 วัน
ผล เมล็ดขนาดเล็ก สีดำเป็นมัน 400-500 เมล็ด/กรัม วันเพาะเมล็ด-วันย้ายกล้าไปปลูก 30-35 วัน
ใบเดลฟีเนี่ยม
สภาพที่เหมาะสมและการขยายพันธุ์ แสงแดดเต็มวัน อากาศหนาวเย็นกระตุ้นการออกดอก สีของดอกจะเข้ม คุณภาพดอกเป็นที่ต้องการของตลาด ปลูกกลางแจ้ง ดินปลูกสมบูรณ์ ระบายน้ำดี หลีกเลี่ยงพื้นที่ลมแรง การขยายพันธุ์ นิยมเพาะเมล็ด ใช้เวลาตั้งแต่เพาะเมล็ดจนถึงออกดอกราวๆ 140 วัน
ผมถ่ายภาพต้นเดลฟีเนี่ยมจากดอยอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่
เป็นการปลูกประดับแบบลงแปลง ปลูกเพื่อการตัดช่อดอกไปจำหน่าย เมล็ดเดลฟีเนี่ยมมี alkaloids 1.7 % ใช้เป็นยากำจัดแมลงได้ดี ในทางสมุนไพร ทั้งต้น โดยเฉพาะเมล็ดเป็นยาขับพยาธิ ยาระบาย ขับปัสสาวะ และแก้การอาเจียน