ดอกไม้เทศและดอกไม้ไทย
ต้น93.กระดุมหยก
โดย ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ
ดอกกระดุมหยก
ชื่อสามัญ กระดุมไพลิน Lark daisy, Creeping daisy
ชื่อวิทยาศาสตร์ Centratherum punctatum Cass.
ชื่อวงศ์ ASTERACEAE
ถิ่นกำเนิดและการกระจายพันธุ์
ในต่างประเทศ พบที่ประเทศไนจิเรีย จากฟิลิปปินส์ถึงออสเตรเลีย และเขตร้อนทั่วไป
ในประเทศไทย พบทั่วไปตามที่รกร้าง
การกระจายพันธุ์ ปัจจุบันเริ่มได้รับความนิยมนำมาปลูกประดับมากขึ้น
สถานภาพ เป็นไม้ล้มลุกอายุหลายปี เป็นพืชในถิ่นกำเนิดของไทย
ลักษณะประจำพันธุ์
ต้น พุ่มสูง 25-
ใบ เดี่ยว เวียนสลับ รูปรี ปลายมน กว้าง 2-
ดอก เดี่ยว กลีบดอกวงนอกสีม่วงสด รูกดอกเข็มปลายแยก 3 แฉก กลีบดอกวงในรูปท่อ สีขาวอมม่วง มีใบประดับติดฐานรองกลีบดอกรูปถ้วยสีเขียว 4 ใบ กลีบรองดอกสีเขียวปลายมน มีขนสีขาวสั้นๆ ดอกบานเต็มที่กว้าง 2.5-
ผล แห้ง แตก เมล็ดขนาดใหญ่ บาง รูปรี แต่แข็ง สีน้ำตาลดำมีขนติด
สภาพที่เหมาะสมและการขยายพันธุ์ =v[ดินร่วนปนทราย ระบายน้ำดี ปริมาณน้ำปานกลาง อุณหภูมิระหว่าง 20-38 ‘c ความสูง 100-
บันทึกผู้เขียนและผู้ถ่าย
1. ปลูกเป็นไม้ประดับ ปลูกเป็นแปลงรูปแบบต่างๆ ให้สีสันม่วงสดใสหวานได้ใจเลย แต่ถ้าปลูกลงกระถางรูปแบบต่างๆ ก็จะได้ความสวยงามอีกมิติหนึ่ง
2. ปลูกเป็นพืชสมุนไพร สรรพคุณ ไม่ระบุส่วนที่ใช้ ให้กระตุ้นให้เกิดพลังงานสูงตามธรรมชาติ (Energy Booster)
3. ปลูกเป็นเครื่องประทินผิว กระดุมหยกสกัดน้ำมันได้จากใบ พบว่ามีสารเคมีสำคัญ globulol, sesquisabinene, 1,8-cineole, β-selinene, caryophyllene oxide, β-eudesmol, bicyclogermacrene and elemol.