วัดโลกโมฬี ใกล้คูเมืองเชียงใหม่
โดย ศรัณยา ท้วมเนตร เรื่อง-ภาพ
วัดโลกโมฬีเป็นที่สะดุดตาสำหรับคนที่ขับรถผ่านไปผ่านมาเมื่อขับรถผ่านถนนรอบคูเมืองเชียงใหม่ด้านเหนือ โดยเฉพาะความงดงามของตัววิหารที่สวยสง่าแบบศิลปะแบบล้านนา ภายในยังมีเจดีย์วัดโลกโมฬีที่เป็นโบราณสถานเก่าแก่ของวัด ตามหลักฐานปรากฏอยู่ในตำนานวัดพระธาตุดอยสุเทพฯอยู่นั้น ระบุว่า
เมื่อปี พ.ศ. 1910 ในช่วงสมัยพระเจ้ากือนาธรรมิกราช กษัตริย์ล้านนารัชกาลที่ 6 แห่งราชวงศ์เม็งราย เป็นกษัตริย์ที่มีความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นอันมาก ได้อัญเชิญพระมหาเถระจากเมืองเมาะตะมะมาพักจำพรรษาที่วัด สะท้อนว่าในอดีตวัดโลกโมฬีนั้นจะต้องเป็นวัดที่เหมาะสมใหญ่โตในยุคนั้น
วัดโลกโมฬีมีประวัติมายาวนาน สามารถแบ่งได้ออกเป็นหลายยุคหลายสมัย รวมถึงช่วงที่เป็นวัดร้างหลายครั้ง ก่อนที่คณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่ได้ทำการฟื้นฟูจากการเป็นวัดร้างให้เป็นวัดที่มีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่ ในปี พ.ศ. 2544 แน่นอนอยู่แล้วค่ะว่าการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะศาสนสถานอย่างเช่นวัดเป็นต้นจะต้องมีมุมมหาชนอยู่ที่หนึ่ง
สำหรับภาพของวิหารนี้เพื่อให้ได้เห็นว่าการก่อสร้างวิหารแบบล้านนาที่เน้นส่วนหลังคาให้สวยงามเป็นเอกลักษณ์ ด้านข้างมีทางเดินเข้า-ออกวิหารได้ แต่ที่นิยมกันจะเดินเข้าทางประตูหน้ามากกว่าเพราะด้านหน้ามีความสวยงามมากและมีพระเจดีย์ที่โดดเด่นมองเห็นได้แต่ไกลทำให้มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางมาตลอดทั้งวัน
กุฏิคุ้มพญาเกศสร้างออกมาได้สวยงามมากติดต่อสอบถามเรื่องใดเกี่ยวกับวัดโลกโมฬีเชิญในกุฎินี้ได้ ถ้าท่านเจ้าอาวาสท่านอยู่จะได้สนทนากับท่าน ลานกว้างหน้ากุฎิหลังนี้ถูกแบ่งออกด้วยอ่างบัวเล็กๆ แต่ยาวตรงไปยังกุฎิเสมือนเป็นขอบทางเดิน
ส่วนต่อมาเป็นวิหารเจ้าแม่กวนอิมหรือพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร วิหารเจ้าแม่กวนอิม สร้างด้วยรูปบบสถาปัตยกรรมเดียวกันกับกุฎิคุ้มพญาเกศ และอยู่ติดกันเลยดูกลมกลืนกันอย่างงดงาม
ประวัติของวัดความเป็นมาที่ยาวนานกว่า 600 ปี แต่อนุสาวรีย์พระนางจิรประภาสร้างขึ้นในปีพ.ศ. 2547 พระนางจิรประภา (กษัตรีแห่งราชวงศ์มังรายองค์ที่ 15) เป็นผู้ได้ทำนุบำรุงวัดโลกโมฬี ความเชื่อเล่ากันว่าการได้มาไหว้อนุสาวีย์พระนางจะทำให้สมหวังในความรัก
รูปทรงการสร้างวิหารแห่งนี้เป็นศาลาเรียบๆ ง่ายๆ อยู่มุมสุดของเขตวัดในปัจจุบัน
พระพรหม สำหรับพระพรหมเองก็กำลังมีโครงการก่อสร้างวิหารพระพรหมหรือศาลพระพรหมกันอยู่ค่ะ ท่านใดมีจิตศรัทธาหรือมีโอกาสได้ไปเชียงใหม่อย่าลืมแวะไปชมวัดที่สง่างามวัดหนึ่งของเชียงใหม่ แล้วจะไม่ผิดหวังกันเลยทีเดียวค่ะ
เดินชมบริเวณด้านหน้าของวัดรอบวิหารมาพักใหญ่ ได้เวลาเดินเข้ามายังพระเจดีย์บ้าง จากที่เห็นในภาพจะเห็นว่าพระเจดีย์องค์นี้ยังคงความสมบูรณ์อยู่มาก มีเพียงส่วนยอดที่หักลงมาและได้ทำการบูรณะใหม่ในปีพ.ศ. 2548 ระหว่างพระเจดีย์กับวิหารมีทางถนนคั่นอยู่ตรงกลางและมีกำแพงกั้นรอบพระเจดีย์ เป็นสิ่งที่ยังไม่เคยเห็นมาก่อน ปกติการสร้างวิหารและเจดีย์ตามแบบวัดของชาวเหนือ เจดีย์จะอยู่ด้านหลังของวิหาร หรืออุโบสถแบบชิดกันเสมอ แต่วิหารหลังนี้ได้สร้างขึ้นใหม่ในภายหลังปีพ.ศ. 2545
ในการที่จะเข้าไปสักการะบูชาพระเจดีย์ซึ่งมีกำแพงล้อมอยู่จะต้องผ่านซุ้มประตูแห่งนี้ ลวดลายการสร้างงดงามเหมือนกับซุ้มประตูแห่งอื่นๆ ในวัด มีการประดับด้วยกระจกสีเป็นวงกลมเล็กๆ หลายสีบนลวดลาย มีนกยูงอยู่ทั้ง 2 ข้าง สำหรับนกยูงนั้นถือว่ารูปนกยูงเป็นสัญลักษณ์ของเจ้านายฝ่ายเหนือซึ่งมองดูวิจิตรและสง่างาม เป็นจุดเด่นหนึ่งบนหน้าบันวิหาร
โดยรอบบริเวณฐานพระเจดีย์ประดิษฐานพระพุทธรูปหลายองค์ สถานที่สำหรับจุดเทียนธูปบูชาองค์พระเจดีย์กลางร่มไว้ให้ นอกจากนี้ยังมีส่วนที่ให้ตักบาตรพระประจำวันเกิดและนอกจากนี้ยังมีจุดสำหรับสรงน้ำพระธาตุอีกด้วย
เมื่อสักการะพระเจดีย์ของวัดแล้ว เข้าชมในวิหารแล้ว ก็เป็นเวลาของการเดินหารายละเอียดอื่นๆ เพื่อไม่ให้ตกหล่นจะได้มีภาพมาให้ชมกันได้ทั่วบริเวณของวัด คราวนี้เดินย้อนออกมาด้านนอกของวัด ส่วนกำแพงที่ได้เห็นตั้งแต่แรกเป็นสิ่งที่สะดุดตาผู้คนที่เดินทางผ่านไปมาได้อย่างดีเหมือนกันเพราะมีความสวยงามมาก
กำแพงและซุ้มประตูนี้สร้างขึ้นในภายหลังแต่รูปแบบการสร้างด้วยอิฐให้กลมกลืนลงตัวกับพระเจดีย์เก่าแก่ของวัดเป็นซุ้มประตูสำหรับให้คนเดินออกอยู่ตรงกันกับหน้าวิหารล้านนาข้างซุ้มประตูด้านนอกมียักษ์ยืนถือกระบอง ทั้งสองข้าง
สถานที่ตั้งของวัดโลกมฬี ตั้งอยู่ ถ.มณีนพรัตน์ ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
การเดินทางมายังวัดโลกโมฬีมาได้ 2 ทางคือ เดินทางโดยรถส่วนตัว วัดตั้งอยู่ริมถนนรอบคูเมืองเชียงใหม่ทางทิศเหนือ มาตามถนนมณีนพรัตน์ สังเกตปั๊มน้ำมัน ปตท. วัดโลกโมฬีตั้งอยู่ข้างๆวัดก่อนถึงปั๊ม มีซอยมณีนพรัพน์ซอย 2 ขั้นกลาง และเดินทางโดยรถโดยสารสาธารณะ หรือรถแดงให้บอกว่าลงที่หน้าวัดโลกโมฬีได้เลยค่ะ
นักท่องเที่ยว มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ส่วนผู้ปฏิบัติธรรม บำรุงพระศาสนาเป็นชนชาวเชียงใหม่และผู้อพยพมาตั้งรกรากที่เชียงใหม่ เรียกว่า ศรัทธาวัด