ไคโตซานฉายรังสี
สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน)
โดย ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ
ไคโตซานได้จากสารธรรมชาติ เช่น เปลือกกุ้ง กระดองปู และแกนปลาหมึก ป่นเป็นผงแล้วนำมาผ่านขบวนการฉายรังสีเพื่อตัดขนาดของโมเลกุลให้สั้นลง ส่งผลให้การดูดซึมของพืชทำได้ดีขึ้น ไคโตซานจะกระตุ้นการทำงานในระบบภูมิต้านทานต่อโรคและแมลงของพืช ทำให้พืชเจริญเติบโตได้ดี เพิ่มผลผลิตและมีคุณภาพมากขึ้น เรียกว่า สารละลายไคโตซานฉายรังสี ผู้คิดค้นคือ ดร.ปรารถนา คิ้วสุวรรณ นักวิจัยของสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ
ข้อบ่งใช้ แช่เมล็ดพืช ใช้ในอัตรา 80-100 ซีซี ผสมน้ำ 20 ลิตร ถ้าเป็นท่อนพันธุ์ ใช้ในอัตรา 20-30 ซีซี ผสมน้ำ 20 ลิตร พืชไร่ ไม้ดอก และไม้ผล ใช้ในอัตรา 20-30 ซีซี ผสมน้ำ 20 ลิตร และถ้าใช้เพื่อการปรับสภาพดิน ใช้ในอัตรา 20 ซีซี ผสมน้ำ 20 ลิตร เป็นข้อบ่งใช้ที่ต้องเคร่งครัดเพราะหากผสมในอัตราที่ไม่เป็นไปตามข้อบ่งใช้ ประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ไคโตซานจะไม่เกิดผลดี
ดังนั้น จึงมีเหตุผลที่ต้องเข้าใจให้ตรงกันก่อนว่า ปริมาณน้ำผลิตภัณฑ์ไคโตซานเข้มข้นหรือเจอจาง ส่งผลกระทบต่อผลผลิตของพืชที่ตอบสนองอย่างมีนัยยะสำคัญ ดังภาพการทำลองใช้ผลิตภัณฑ์ไคโตซานในอัตราแตกต่าง กับข้าวโพด ผลผลิตจากต้นข้าวโพดที่ได้รับสารไคโตซานแตกต่างกัน พิสูจน์ว่า มีข้อบ่งใช้ให้ยึดถือตามผลการวิจัยที่ปรากฏ จึงจะให้ผลผลิตสูงสุด คุณภาพดีที่สุด และประหยัดน้ำผลิตภัณฑ์ไคโตซานได้กำลังเหมาะเหม็ง
เช่นกรณีการใช้สารไคโตซานฉายรังสีกับข้าว แปลงที่ไม่ใช้ไคโตซานกับแปลงที่ใช้ไคโตซาน ก็จะทำให้ประสิทธิผลของข้าว ได้ผลผลิตที่แตกต่างกัน ดังภาพข้างล่างนี้ ซึ่งปฏิบัติตามตำแนะนำ ก็จะได้ผลผลิตข้าวในอัตราที่เพิ่มขึ้นถึง 32% ดังจะเห็นได้ชัดเจนว่า ไคโตซานฉายรังสีนั้นส่งผลกระทบต่องพืช เช่น การเคลือบเมล็ดพันธุ์พืชก่อนปลูก ป้องกันการเกิดโรคและแมลงศัตรูพืช การเร่งการเจริญเติบโตของพืชให้ผลเช่นเดียวกับฮอร์โมนเร่งราก และกระตุ้นการงอกส่งผลให้ได้ผลผลิตที่เพิ่มขึ้น
ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา แบคทีเรีย และไวรัสบางชนิด ช่วยให้พืชสร้างระบบภูมิต้านทานโรคและแมลงได้ดีขึ้น ช่วยปรับสภาพดิน เพิ่มความพรุนในดิน และช่วยเพิ่มปริมาณจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในดิน ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรค
ทองประเสริฐ 200 บาท 4 ปีโตเท่านี้จริงๆ
บ้านผมถมด้วยดินก้นบ่อ เป็นดินที่ปราศจากธาตุอาหารของพืช แน่น เหนียว รากพืชที่ปลูกชอนไชได้ยาก ปลูกต้นไม้ไดก็เติบโตช้ามาก ๆ ส่งผลให้ไม่ค่อยได้กินผลไม้ดังหวัง ต้นขนุนที่ซื้อกิ่งตอนมาปลูกหลังบ้าน หวังว่าจะช่วยให้หนุนเนื่องต่อเจ้าของบ้านกลับแคระแกรน นอกจากไม่หนุนแล้วยังกวนอารมณ์ที่เสียตังส์ซื้อกิ่งตอนไป 200 บาท ผิดปกติกิ่งพันธุ์ลักษณะนี้ จึงโทษดินว่า ดินไม่ดี
มะละกอตอแหล
มะละกอข้างรั้ว ต้นสูงสักเมตรเดียว ออกลูกมาก็ดกดีแต่ลูกมีขนาดเล็ก ๆทั้งหมด ตั้งใจว่า ถ้าผลมะละกอต้นนี้สุกเมื่อใด ก็จะหยิบมาฝานเปลือกออกแล้วกัดกินเป็นผลไม้สุกในมือได้เลย ไม่ต้องไปหั่นเป็นคำ ๆ แต่อย่างใด
ต้นพวงโกเมนกิ่งตอนก็เหมือนกัน ปลูกไว้ 2 ต้น แต่ก็ตายไปแล้ว 1 ต้น ต้นที่เหลือนี่ก็ไม่ค่อยจะเติบโต ไม่ได้เห็นดอกยังพอทนแต่เห็นมันแห้งตายไปกับตานี่ซิ ต้นละ 400 บาทเชียวนะ
เพชรราชา ทำท่าจะตาย
ปีนี้ ซื้อพันธุ์ขนุนเพชรราชามา 1 ต้น 200 บาท ตั้งแต่ปลูกลงหลุมไปก็หลายเดือน อาการสุ่มเสี่ยงจะเหี่ยวตาย ขนาดห่มคลุมด้วยใบต้นแผ่บารมี(หูกระจง) แต่ก็ยังไม่แตกใบอ่อน ซึ่งคาดเดาว่า ระบบรากคงไม่สามารถทะลุทวงดินลงไปได้แน่ ๆ ต้นนี้อุตส่าห์ปลูกไว้ใกล้โรงรถ ให้เห็นกับตาว่า มันจะโตหรือมันจะตาย พอดี ได้น้ำไคโตซานฉายรังสีมา 6 ขวด จึงต้องฉีดพ่นไปบนพื้นดินรอบโคนต้นตามข้อบ่งใช้ทุกประการ หากวันใดที่ขนุนเพชรราชาต้นนี้ เติบโตดีขึ้นมา ก็จะถ่ายรูปมาอวดเพื่อนๆ ครับ
มะนาวแป้นๆ จะแกรนหรือโต
ผมกำลังทำตัวเป็นหนูทอลองยาให้กับสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์ อ.องครักษ์ จ.นครนายก อยู่ หากเห็นผลประการใด คงได้เขียนเล่าสู่กันอ่านอีกครั้ง เพราะดินบ้านผมถมด้วยดินก้นบ่อจากบ่อดินที่รับจ้างถมดินใกล้บ้านนี่แหละ ปลูกอะไรๆก็ไม่งามงด แม้แต่ปลูกกล้วยไว้ 125 กอ ยังตายไปทีละกอสองกอ เหลืออยู่ไม่ถึง 50 กอ เศร้าซะไม่มีเชียว พ่อดินก้นบ่อ
ดอกชบาจิ๋ว จะงามไหม
ถั่วพลู จะมีฝักให้กินไหม
ต้นกล้าจากเมล็ดงิ้วแดง