สงกรานต์......หวานแหววหรือ WATER FESTIVAL
มณี บันลือ /เรื่อง นิวัตร เปาอินทร์/ภาพ
หนุ่มตะกรอถิ่นใต้ฝันว่าวันหนึ่งอยากไปสงกรานต์เชียงใหม่ เหมือนหนังที่ฉายให้เห็นช่าง(สาว)ฟ้อนที่งามเหลือแสน ลีลาอ่อนหวานปานน้ำผึ้ง รอยยิ้มเยือนที่วาบหวิวใจ จากนั้นจนวันหนึ่งหนุ่มน้อยได้ไปเยี่ยมกรายสงกรานต์เชียงใหม่จริงๆ บนถนนที่มุ่งสู่สะพานนวรัตน์ ผู้คนทั้งหญิงและชาย เด็กและคนแก่คนเฒ่า ตั้งขันน้ำพานรองไว้หน้าเฮือน(เรือน) ใส่น้ำที่โรยด้วยดอกไม้หลากสี หอมชื่นใจ
สรงน้ำพระ รดน้ำดำหัวญาติผู้ใหญ่
มีขันน้อยๆคอยตักแล้วยิ้มระรื่นเร่เข้ามาสบตา แล้วหยดน้ำใส่ที่ท้ายทอยลงไปในคอเสื้อที่สวมใส่ น้ำเย็นและหอมนั้นพาลให้ใจหวิวๆ ไม่แพ้รอยยิ้มหวานซึ้งตรึงใจกับคำเอื้อนที่เอ่ยช้าๆ
“ฮดน้ำดำหัวฮื้อปี้โชคดีมี๋ชัยนะเจ้า”
ด้วยเสียงเอื้อนที่ลากยาว มันช่างสะท้านใจหนุ่มถิ่นใต้ที่ไม่เคยได้รับอรรถรสคนเมืองเชียงใหม่เช่นนี้มาก่อน มันหล่อหลอมให้หัวใจตกไปอยู่ใต้อุ้งเท้าของนางน้องผู้งามเหลือ สายตาที่จับจ้องซึ่งกันและกันสานสัมพันธ์หนุ่มใต้ได้เยือนเรือนของเธอและอยู่จนได้ไปร่วมรดน้ำดำหัวญาติผู้ใหญ่ แล้วพากันไปสรงน้ำพระด้วยน้ำส้มป่อยตามประเพณี สุดท้ายที่ขนทรายเข้าวัดนั่งก่อเจดีย์ทราย มันช่างสุขสม
ตีกาบมะพร้าว ก่อเจดีย์ทราย..งามแต๊ๆ
ทุกจังหวัดในภาคเหนือ เริ่มวันสงกรานต์ตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน เรียกกันว่า วันสังขารล่อง วันนี้เขาจะทำความสะอาดบ้านเรือนเพื่อเป็นสิริมงคล วันที่ 14 เมษายน เรียกว่าวันเนาหรือวันกลาง วันนี้เขาห้ามด่าทอพูดจาไม่ไพเราะ ถ้าพูดจะเป็นอัปมงคลชีวิต ไปตลอดทั้งปี และวันที่สาม 15 เมษายน เรียกว่าวันพญาวัน หรือวันเถลิงศก วันนี้ชาวบ้านจะตื่นแต่เช้า อาบน้ำล้างหน้าจนสะอาดแล้วถือขันข้าวไปตักบาตรทำบุญ ฟังธรรม แล้วเลยไปรดน้ำดำหัวญาติที่เคารพ วันที่ 16 เรียกว่าวันสุดท้ายเรียกว่าวันปากปี (ปี๋)17 เมษายน ภาคกลางก็คล้ายกัน
แรมโบ้...ลุย บรรยากาศ......ชุ่มช่ำ
คำว่าสงกรานต์มาจากภาษาสันสกฤตมีความหมายว่า การเคลื่อนย้าย จักรราศี จึงถือกันว่าวันที่ 15 เป็นวันเถลิงศกหรือเถลิงปีใหม่ ไทย พม่า กัมพูชา ลาว เวียตนาม(ชาวไต) มณฑลยูนนาน จีนตอนใต้ ศรีลังกา และตะวันออกของอินเดีย ล้วนมีวัฒนธรรมวันสงกรานต์เหมือนๆกัน
นักฆ่าหน้ายิ้ม เละ.......ไปด้วยน้ำ
ประเพณีที่นิยมทำกันในวันสงกรานต์เกือบจะเหมือนกันทั่วไป ได้แก่การทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ การสรงน้ำพระสงฆ์ พระพุทธรูป การรดน้ำดำหัวญาติผู้ใหญ่ที่เคารพ การขนทรายเข้าวัดและก่อเจดีย์ทราย การละเล่นของหนุ่มสาวชาวบ้านทั่วๆไปเช่น มอญซ่อนผ้า โยนลูกช่วง ทอยสะบ้า ฯลฯ
โหด...โหด......โหด หนวดหล่อ.......นิ
แต่ปัจจุบันนี้ เกิดวัฒนธรรมใหม่ที่ยากจะแก้ไขได้อีกต่อไป นั่นคือการใช้แป้งดินสอพองลูบหน้าสาวๆหนุ่มๆ (สมัยก่อนทำไม่ได้ถือเป็นการลวนลาม) การฉีดน้ำ การสาดน้ำ ไม่มีการรดน้ำด้วยความสวยงามอย่างแต่ก่อนเก่าอีกต่อไป ไม่มีสาวใส่ผ้าถุง(ซิ่น)สวยๆ เสื้อแต้มลูกไม้ ขันใบเล็กๆไว้รดน้ำ และขันน้ำใบใหญ่ที่อบร่ำด้วยน้ำหอมจากดอกไม้และเทียนหยด
มุง.....มุง หนุกค่ะ
ไม่เชื่อก็ดูได้ในภาพตัวอย่างที่ถนนข้าวสาร เป็นปืนพลาสติกบรรจุด้วยน้ำ กลายเป็น “เทศกาลน้ำ” ภาษาอังกฤษเรียกว่า “WATER FESTIVAL” ทางภาคเหนือ อีสาน ใต้ ภาคกลาง ก็เปลี่ยนพฤติกรรมไปหมดเฉกเช่นกัน เป็นความงามโฉมใหม่ที่ไม่เหมือนเดิม และนี่คือวิวัฒนาการ
เงา..พิฆาต ปืนฉีดน้ำจ้ะหนู