http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 13/03/2024
สถิติผู้เข้าชม14,001,752
Page Views16,310,549
« April 2024»
SMTWTFS
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930    
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

บทความของเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สว.แต่งตั้ง เขียนเรื่องคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

บทความของเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ  สว.แต่งตั้ง เขียนเรื่องคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ พูดถึงการยึดทรัพย์ทักษิณ ได้ชัดที่สุด อย่างน้อยเชื่อว่านี้คือ กลางที่สุดแล้วในแผ่นดิน หมวด » เรื่องนี้ต้องขยาย » การเมือง » เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ พูดถึงการยึดทรัพย์ทักษิณ ได้ชัดที่สุด อย่างน้อยเชื่อว่านี้คือ กลางที่สุดแล้วในแผ่นดิน

เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เขียนความเห็นส่วนตัวไว้อย่างนี้

               ทักษิณ ชินวัตรถูกทำให้เป็นอดีตนายกรัฐมนตรี ไปตั้งแต่วันที่19 กันยายน 2549 แต่ก็ยังไม่พ้นเวรพ้นกรรมจากการตามล้างตามล่าของฝ่ายที่กลัวว่า...ทักษิณ จะกลับมาเมื่อกลัวทักษิณก็ต้องหาทางขจัดให้ได้ไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อม โดยการอ้างเหตุต่างๆ นานา...เพื่อให้คนรู้สึกเกลียดชังทักษิณ...เพื่อให้ลืมอดีตผู้นำที่เคยครองอำนาจมาร่วม 6 ปีแต่การอ้างเหตุต่างๆ นั้น หาข้อพิสูจน์อะไรที่ชัดเจนได้แค่ไหน เมื่อล่วงเวลาไปกว่า 3 ปี ประชาชนที่เฝ้าดูคงคิดได้เอง...ซึ่งก็อาจจะมีบางส่วนที่สงสัยว่า...จริงๆ แล้วทักษิณทำอะไรผิดเพราะการล้มล้างระบอบประชาธิปไตยทั้งระบบเพื่อกำจัดทักษิณไม่ให้อยู่ในอำนาจ

ต่อไปนั้น ควรต้องพิสูจน์ตามมาให้ได้ว่า
             ...มีการกระทำความผิดอย่างชัดเจนโดยปราศจากข้อสงสัย ดังเช่นที่ยกมากล่าวหากันผลการพิสูจน์ที่ผ่านมา...ยังมีนํ้าหนักที่น้อยเกินไปหรือเปล่า กับสิ่งที่ประชาชนต้องเสียไป ทั้งเวลา ทั้งปัญหาเศรษฐกิจ ระบบความสามัคคีในชาติแถมยังได้ความแตกแยกในสังคมตามมาอีกต่างหากประชาชนบางภาคส่วนจึงเริ่มจะรู้สึกว่า...การกล่าวหาที่ผ่านมานั้น ไม่ค่อยเป็นธรรมเท่าไรนักแถมยังรู้สึกเพิ่มเติมต่อไปว่า...ความไม่เป็นธรรมนั้น มีการ
เลือกปฏิบัติกับบุคคลบางกลุ่มที่ไม่ใช่พวกด้วยอยากให้ประเทศชาติมีความสามัคคี...แต่ปกครองแบบแบ่งแยก เลือกข้างเลือกพวกใช้ระบบที่เรียกว่าสองมาตรฐานหรือเลือกปฏิบัติอย่างนี้ก็คงทำให้มีความมั่นคงในชาติไม่ได้ เพราะประชาชนไม่ได้กินหญ้าเมื่อคนกลุ่มหนึ่งยังกลัวทักษิณก็คงต้องหาทางขจัดกันต่อไป...
             ด้วยเหตุที่บ่งบอกออกมาให้เห็นรางๆ แล้วว่า...ถ้าทักษิณกลับมาก็คงกระทบกระเทือนความมั่นคงหรือเสถียรภาพของรัฐบาลปัจจุบันเป็นอย่างมากใครบาง
คนหรือหลายคนคงตระหนักแล้วก็คงตระหนกตกใจพร้อมทั้งรู้สึกกลัวการสูญเสียอำนาจที่ถือครองอยู่เพราะคงประเมินได้ว่า...หากยุบสภาแล้วให้ประชาชนเลือกตัวแทนกันอีกครั้งประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศจะเลือกใครหรือพรรคใดให้มาบริหารประเทศทุกคนคงรู้ว่า...
             เสียงประชาชนคือ
เ สียงสวรรค์และคงรู้ถึงความรู้สึกของเสียงส่วนใหญ่จึงต้องหาทางครองอำนาจต่อไป ไม่อยากคืนอำนาจให้กับประชาชนถึงกับยกเหตุผลมาอ้างว่า สุจริตไม่โกงกิน ไม่หวงแหนอำนาจ แต่ปากที่พ่นคำพูดออกมานั้นจะตรงกับจิตใจที่ประหวั่นพรั่นพรึงหรือไม่ขาเท่านั้นที่จะแสดงออกมาให้เห็นในลักษณะปากกล้าขาสั่นนั่นเองปัญหาทุกวันนี้...ถ้ามีการยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน แล้วให้ประชาชนเป็นคนเลือกตามวิถีทางประชาธิปไตยความสมานฉันท์ก็จะได้กลับมาแต่กลัวกันมากก็เลยอ้างว่า...ต้องให้สมานฉันท์ก่อนจึงจะคืนอำนาจให้ประชาชนพูดเหมือนกับไม่รู้ว่า...การไม่ยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนนั่นแหละ คือ
              เหตุผลหลักที่ทำให้เกิดการ
แตกแยกอยู่ทุกวันนี้การกล่าวหาเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ยังคงเป็นความคาดหวังของใครบางคนที่อยากจะหยุดทักษิณ เช่น การใช้เรื่องยึดทรัพย์ครอบครัวคุณทักษิณ โดยเฉพาะทรพั ยท์ ไี่ดม้ าจากการขายหนุ้ ใหเ้ทมาเสก็มีการใช้อำนาจของกฎหมาย ป.ป.ช.ไปตรวจสอบทรัพย์สินที่ได้จากการขายหุ้นดังกล่าวซึ่งมีมูลค่าประมาณ 76,000 ลา้นบาทโดยตั้งข้อกล่าวหาว่า...เป็นทรัพย์ที่ได้มาในลักษณะรํ่ารวยผิดปกติ
              รํ่ารวยผิดปกติ หมายถึง การที่เจ้าหน้าที่ของรัฐมีทรัพย์สิน
เพิ่มขึ้นมากผิดปกติในระหว่างที่ดำรงตำแหน่ง และไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าได้มาโดยชอบอาศัยข้อกฎหมายของ ป.ป.ช.แล้วตั้งข้อกล่าวหาว่าเงินขายหุ้น 76,000 ล้านบาท(รวมเงินปันผล) นั้น...เป็นเงินที่ควรถูกยึดเข้าหลวง เพราะถือว่า รํ่ารวยผิดปกติ
              ปัญหาตรงนี้อาจจะมีผลกระทบตามมา เพราะถ้าใครดูบัญชีเป็น ก็คงทราบว่าหุ้นประมาณ
1,487 ล้านหุ้น ของครอบครัวคุณทักษิณที่ขายให้เทมาเส็กเมื่อวันที่23 มกราคม 2549 นั้น คือ หุ้นชินคอร์ปหุ้นชินคอร์ปที่ขาย
นั้น...ครอบครัวคุณทักษิณถือครองมาตั้งแต่ก่อนเล่นการเมือง ด้วยจำนวนที่มิได้มีการเปลี่ยนแปลง ยกเว้นเพียงราคาหุ้นที่เคลื่อนไหวขึ้นลงตามราคาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เท่านั้นเมื่อทราบว่าหุ้นชินคอร์ปมีมาแต่เดิม...จำนวนไม่ได้เพิ่มขึ้น...แต่ต่อมาภายหลังได้ขายให้กับเทมาเส็ก จนได้เงินกว่า7 หมื่นล้านบาทก็เป็นการเพิ่มขึ้นในมูลค่าของทรัพย์สินหาใช่การเพิ่มขึ้นในตัวทรัพย์สินไม่
             ตรงนี้ต้องทำความเข้าใจให้ดี...เพราะกฎหมาย ป.ป.ช. เกี่ยวกับการรํ่ารวยผิดปกตินั้น
เป็นเรื่องของจำนวนทรัพย์ใหม่ที่เพิ่มขึ้นผิดปกติมิใช่ทรัพย์มีจำนวนเท่าเดิมแล้วต่อมาทรัพย์นั้นมีคนมาซื้อในราคาที่สูงขึ้นก็กล่าวหาว่า รํ่ารวยผิดปกติถ้ามองอย่างนี้หลายคนก็อาจจะคิดว่า...บางคนคงอิจฉาคุณทักษิณ หรือบางคนกลัวคุณทักษิณจะกลับมาจึงคิดว่า...
              ถ้าหมดเงิน ประชาชนก็คงไม่นิยม เมื่อไม่นิยม ก็คงกลับมาไม่ได้ประชาชนก็คงจะลืมคุณทักษิณการตั้งข้อกล่าวหาเพื่อยึดเงินที่มาจากการขายหุ้น ถ้ามองเฉพาะจำ นวนหุ้นก็น่าจะอ่อนไปด้วยหลักการความ
คิดเพราะบ่งบอกไม่ได้ว่าทรัพย์สินนั้นมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างไร มีเพียงแค่ราคาขายต่อหุ้นเท่านั้นที่ทำให้มูลค่าขายเพิ่มขึ้นถ้าย้อนไปในวันที่ซื้อขายหุ้นเกิดราคาขณะนั้นอยู่ที่ 24.75 บาทต่อหุ้น แทนที่จะเป็น 49.25 บาทต่อหุ้น เงินที่ขายหุ้นโดยรวมก็คงลดประมาณครึ่งหนึ่งวันนี้ก็คงตั้งข้อกล่าวหาว่า...คุณทักษิณรํ่ารวยผิดปกติด้วยเงินประมาณ 38,000ล้านบาทหรือถ้าวันนั้นขายหุ้นชินคอร์ปในราคาหุ้นละ 98.50 บาท เงินขายหุ้นโดยรวมที่จะตั้งข้อกล่าวหาเพื่อยึดทรัพย์ก็คงจะเป็นประมาณ 152,000 ล้านบาท ใช่หรือไม่ด้วยตัวอย่างที่สมมติราคาหุ้นให้ลดลงหรือเพิ่มขึ้น ก็คงเพียงพอให้พี่น้องผู้อ่านได้มีหลักคิดแล้วใช่ไหมครับว่า...
                 การยึดทรัพย์ครั้งนี้มีหลักเกณฑ์ในการคิดมูลค่าความเสียหายเป็นไปโดยชอบหรือไม่อ่านมาถึงตรงนี้...ยังคิดว่า
ทฤษฎี:-)กินหญ้า...ม้ากินแกลบนั้นจะใช้ได้หรือไม่ กับข้อกล่าวหารํ่ารวยผิดปกติแล้วจะยึดทรัพย์จากการขายหุ้นทั้งหมดพี่น้องผู้อ่านลองไปคิดดูก็แล้วกันถ้าส่วนหนึ่งของเงินที่จะยึดนั้นมีเงินปันผลด้วย
คนที่ดึงดันออกมาอธิบายทฤษฎี  วัวกินหญ้า ม้ากินแกลบ ต่อไปก็น่าจะต้องพิจารณาให้ครบถ้วนตามไปด้วยเพราะชินคอร์ปเป็นบริษัทมหาชนที่มีผู้ถือหุ้นรายอื่นด้วยตามหลักการจ่ายเงินปันผล...บริษัทจะต้องจ่ายให้กับผู้ถือหุ้นทุกๆ คนด้วยจำนวนที่เท่ากัน จึงเป็นการยุติธรรมมิใช่หรือ ที่จะต้องตามไปเรียกเก็บเงินปันผลกับผู้ถือหุ้นรายอื่นที่ได้รับไปในงวดเดียวกันกับครอบครัวคุณทักษิณและที่สำ คัญ...
             บริษัทที่เป็นคู่กรณีเรื่องแปรสัญญาสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามติคือ เอ
ไอเอส ซึ่งเป็นบริษัทที่ชินคอร์ปถือหุ้นเอไอเอสจึงเป็นคู่กรณีโดยตรงกับทีโอทีที่มีข้อพิพาทกันอยู่ในขณะนี้ และเรื่องยังอยู่ที่อนุญาโตตุลาการ หาใช่ชินคอร์ปไม่ที่เขียนมาข้างต้น...ไม่ใช่จะมองว่าที่ผ่านมาคุณทักษิณ ทำอะไรก็ถูกไปทั้งหมด แต่เห็นว่า การ กลัวคุณทักษิณนั้นก็ควรจะตั้งอยู่บนหลักการของเหตุและผลเพราะคุณทักษิณ ¡ก็เป็นคนไทยคนหนึ่งที่มีสิทธิได้รับความเป็นธรรม...ใช่ไหมครับ?!


โดย: หนหวย

ตั้งเมื่อ: 15:20 น. 20 ก.พ. 2010

แท็ก: -

 

Tags : พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ การยึดทรัพย์ 76 000 ล้านบาท

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view