เสือกลิ่นสาบ
ตอน 14. ตีงูให้กากิน
โดยอินทรี ดำ
ทุกค่ำคืนเดือนมืด สายตรวจสำนักที่นน.2 อดใจไม่ออกตรวจไม่ไหวสักวัน มันเหมือนมีลางสังหรณ์ว่า เดือนมืด งานมืดๆ น่าจะสมพงษ์กันดี เรียกว่าบรรยากาศอำนวยให้การขนไม้เถื่อนเป็นไปโดยง่ายดาย ยิ่งอากาศหนาวเย็นในคืนเดือนสิบสองยิ่งทำให้รู้สึกขี้เกียจ
“หนาวนะ อย่าลืมเสื้อกันหนาวและผ้าห่มติดไปด้วย ไฟแช็คอาจใช้ก่อไฟผิงระหว่างนั่งซุ่มรอ มีดพร้าอย่าลืม” มณีสำทับทีมงานด้วยความเป็นห่วง
“ผมมีน้ำยากันหนาวติดไปด้วยแบนหนึ่งได้ไหมครับ” สาถาม
“เฮ้ย จะพอหรือ “ สมชายท้วง ประเสริฐพยักหน้าเห็นด้วย
“จอกในรถมีอยู่นี่ ประเสริฐขึ้นไปเอาน้ำยามากันหนาวอีกหน่อยซิ” มณีหันไปสั่งประเสริฐทุกคนยิ้ม
“หัวหน้า ผมมีเนื้อแดดเดียวติดไปด้วยนะครับ” สวัสดิ์บอกกล่าว ยิ้มเสนอหน้าดำๆ
“ผมมีข้าวนึ่งกับไก่ทอดอีกหน่อย” ทวีรายงานบ้าง
“ดี งั้นคืนนี้ถ้าได้ผลงาน ไม่จำเป็นต้องตกรางวัลในเมือง” มณีพูดจบทุกคนร้อง “ว้า”
“ขว้างทิ้งไปเถอะ พาขัดลาภปาก” สมชายบ่นพึม ส่วนยืนยิ้มพรายเหมือนทุกคราว
หยอกเย้ากันแล้วก็ขึ้นประจำที่ ปีศาจขาวตะบึงออกจากที่ทำการเมื่อเวลาพลบค่ำราวๆ18.20 น. ทุกคนทำหน้าที่ของตนเองด้วยความเคยชิน
“ขวาหรือซ้ายพี่”
สมชายยังคงถามเหมือนเดิม เพราะว่าทุกครั้งที่ออกไปตรวจ ถ้าสายไม่รายงานชัดเจนจะเดาสุ่มไปตามเรื่องเข้ากับสำนวน “เหวี่ยงแห”
“ซ้าย”
รถวิ่งผ่านสำนักพัฒนาป่าไม้ที่นน.3 สวนสักแม่สาลีก ผ่านบ้านส้าน หมอนไม้บริษัททำไม้จังหวัด ทะลุผ่านอำเภอเวียงสา มุ่งหน้าไปตามที่มณีแจ้งให้รู้กันแล้ว “บ้านจระเข้ปูหอม” ถนน ร.พ.ช.บดอัดแน่น แต่ฝุ่นหนาเตอะ การคืบคลานเข้าไปซุ่มรอเป็นงานที่ง่ายๆ ไม่มีกรรมวิธีอะไร พอวิ่งเข้าไปราวๆ 10 กม.ก็หลบรถเข้าข้างทาง ในคืนเดือนมืดยังมองเห็นกระบะสีขาวได้ง่ายๆ สมชายขยับหลบไปบังต้นไม้ริมทางอีกครั้งอย่างลงตัว
“ตั้งวง หาฟืนมาก่อไฟผิงด้วย ชักหนาวขึ้นทุกที”
มณีสั่ง ทุกคนปฏิบัติเหมือนรู้งานดี ขอนไม้ ก้อนหิน อันเป็นวัสดุธรรมชาติใกล้ตัวถูกวางเป็นที่นั่งเช่นเคย ฟืนไหม้ลุกโชน ไอร้อนเริ่มมีพลัง แต่ช้ากว่าน้ำยาลดความหนาวสีชา เว้นแต่มณีซึ่งไม่ได้ดื่มแม้แต่หยดเดียวตามเคย
การซุ่มโป่งรถไม้เถื่อนวังเวงจนแทบท้อใจ ยิ่งดึกเท่าไรก็ยิ่งหนาวเย็นมากขึ้นเท่านั้น มณีหลบไปนั่งหลับเอาแรงบนรถเมื่อเที่ยงคืน ประเสริฐสมชายและคณะพรรคยังสนุกกับเรื่องจากชาวป่า ต่างก็งัดไม้เด็ดออกมาเล่าคลายเครียดได้ไม่เลว แต่เวลาที่ผ่านไปกับหมอกที่ลงหนามากขึ้น บางคนกระชับเสื้อกันหนาวให้แน่นมากขึ้น บางคนใช้ผ้าขาวม้าโพกหัวเพิ่มความอบอุ่น และไขว้ปลายผ้าลงคลุมคอและไหล่ เสียงคุยเงียบลงไปทุกที จนเหลือแต่สมชายคนเดียวที่ยังนั่งทนกับน้ำยาลดความหนาวเหน็บ
เสียงไก่ป่าขานขันขึ้นเมื่อใกล้รุ่งสาง ราวๆตีห้า ปลุกมณี ประเสริฐและทุกคนจากหลับใหล สมชายแอบไปยืนฉี่ริมทาง ส่วนยืนระวังเมื่อเห็นแสงไฟรถวิ่งมาแต่ไกล แสงสว่างจากท้องฟ้าเริ่มรำไรจนเห็นขนแขน สมชายรีบเด็ดหยดฉี่ แล้วรี่มาตั้งรับเหมือนทุกคน มณีชะเง้อดูจากบนรถด้วยความระมัดระวัง ขยับตัวเลื่อนไปที่นั่งคนขับ เตรียมพร้อมหากเป็นรถขนไม้เถื่อน
เสียงรถวิ่งดังเข้ามาใกล้ๆ แสงไฟสว่างจ้า และเมื่อรถวิ่งผ่านไปอย่างเร็ว ทุกคนเห็นกับตาว่าเป็นรถคอกหมูโดยสารประจำทางจากบ้านจระเข้ปูหอมไปเวียงสามีผู้โดยสาร 3 คน หน้ารถมีคนขับและมีผู้โดยสารชายนั่งอยู่อีก 2 คน เสาหลังคาทาสีเหลืองอมเขียว บนหลังคามีกระสอบบรรจุพืชไร่ อาจจะเป็นข้าวโพด ฝ้าย หรือกระเทียม อย่างใดอย่างหนึ่ง กระสอบกองทับกันอย่างเป็นระเบียบ มีเชือกรัดแน่น ถ้าไม่แน่นคงกระดอนตก
สายตรวจสำนักพัฒนาป่าไม้ถอนหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน ทุกคนมองดูขอบฟ้าแต่ไม่เห็นแสงที่เรื่อเรืองด้วยว่าหมอกลงหนากว่า จึงดูขาวโพลน ส่วนดับกองไฟ ขนย้ายสรรพสิ่งขึ้นรถ มณีขยับตัวไปนั่งที่เดิม ประเสริฐและสมชายเข้าที่ประจำ บนกระบะท้ายรถทีมงานรู้หน้าที่อย่างดี สมชายสตาร์ทรถ แล้วเคลื่อนตัวกลับไปทางอำเภอเวียงสา
“กลับ เหนื่อยกันมาทั้งคืน เดี๋ยวเลี้ยงข้าวเช้าที่ใต้ต้นมะขามเจ้าเก่า ป้าแอ๊วหน้าโรงเรียนเวียงสา”
มณีพูดขึ้นเบาๆ สมชายรู้หน้าที่บึ่งรถไปจนผ่านตลาดเวียงสา มอเตอร์ไซด์จ่ายตลาดวิ่งสวนกันไปมาหลายสิบคัน รถคอกหมูจากอำเภอนาน้อยบ้าง บ้านน้ำมวบบ้าง วิ่งเข้าไปกลางตลาด ทีมงานสายตรวจหมดความสนใจใดๆ มุ่งหน้าไปที่ต้นมะขามโภชนา
รถจอดเข้าที่ข้างๆร้านต้นมะขามป้าแอ๊วเหมือนเคย ทุกคนลงไปนั่งล้อมวงที่โต๊ะไม้เก่าๆ ด้วยนิสัยที่ฝึกปฏิบัติจนชาชิน มณีนั่งหันหน้าออกถนน "ใครจะมาทางไหนจะเห็นก่อน"
สมชายเดินไปเปิดฝาหม้อแกงดูแล้วสั่งมากิน 5 อย่าง ทุกคนทำหน้าที่กินได้อย่างมีระบบ ไม่พูดแต่ตักข้าวใส่ปากเป็นระยะ รถยนต์วิ่งผ่านไปมาหลายคัน อากาศยังคงหนาวเย็นจับใจ หมอกลงหนามากขึ้น
มีรถคอกหมูคันเสาหลังคาสีแดงวิ่งผ่านมา กระสอบพืชไร่ยังเรียงตัวบนหลังคา แต่มณีจำได้ว่าเป็นรถโดยสารคันที่วิ่งผ่านจากบ้านจระเข้ปูหอม จึงเพ่งมองไม่ขยิบตา
ทันใดรถวิ่งไปตกหลุมกระดอนจนรถถลา เสียงดังปัง ทุกคนเงยหน้ามองตามแล้วเหมือนถูกสะกดจิต ทิ้งช้อนและจานข้าววิ่งไปขึ้นรถทันที
สมชายสตาร์ทเครื่องได้ก็พุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว
“เสียงไม้กระทบหลังคารถ” มณีเปรยลอยๆ
“ผมก็ว่าใช่แน่ๆ ไม่น่าพลาดเลยนะเมื่อเช้ามืด” สมชายบ่นด้วยความเสียดาย
“ทำไมมันต้องวิ่งมาทางนี้ ซวยจริงๆที่พวกเรามานั่งกินข้าวตรงนี้”
ประเสริฐพูดด้วยความมัน
“ใช่ มันแปลกที่วิ่งมาทางนี้ อ้อมไปบ้านนาคแล้ววกมาเจอปังตอพอดี มันช่างโชคร้าย แต่เราช่างโชคดี”
สมชายไม่พูดพล่ามทำเพลง ขับรถกวดจี๋ หลบซ้ายหลบขวาเพื่อหลีกรถสวนและมอเตอร์ไซด์ที่วิ่งมาตลาดเช้า
ในขณะที่รถคอกหมูเหมือนจะรู้ตัว ไม่ยอมวิ่งเข้าท่ารถ หากแต่วิ่งแหกโค้งไปทางจังหวัดน่าน พอปลอดคนและรถมอเตอร์ไซด์กลางตลาด มณีตะโกนสั่ง
“สวัสดิ์ ยิงยาง หรือไม่ก็ยิงขึ้นฟ้าขู่มันหน่อย”
สิ้นเสียงปืนลูกซองห้านัดดังเปรี้ยงๆ ผู้โดยสารนั่งเกาะเสาหลังคาแน่น เสียงร้องหวีดว้ายด้วยความตกใจกลัว ผู้ชายสองคนที่นั่งคู่กับคนขับปีนขึ้นไปบนหลังคาแล้วตัดเชือกมัดกระสอบให้หล่นมาขวางทางรถ สมชายหลบด้วยความเชี่ยวชาญการกวดจับ
อีกคนหนึ่งที่ปีนตามขึ้นไปพุ่งไม้แปรรูปลงจากหลังคา ไม้ตกกระแทกพื้นถนน กระดอนกระเด็น ใส่รถปีศาจขาว สมชายต้องคอยหลบไม้ที่พุ่งใส่ และเหยียบคันเร่งประกบไปติดๆ ประเสริฐจดเบอร์ทะเบียนรถคอกหมูโดยสาร และสีรถ
ไม้หมดหลังคารถคอกหมู รถปีศาจขาวก็ยังไล่กวดไม่ทัน ฝีมือคนขับรถโดยสารคันนี้ไม่เบา สมชายพยายามเร่งเครื่องตามแต่ดูท่าจะไม่ทันเสียแน่แล้ว ชาวบ้านที่เห็นต่างวิ่งออกมาดูกันด้วยความมัน เป็นที่ตื่นตระหนก เสียงรถขับกวดกันยังพอแรงนี่เสียงปืนที่ยิงใส่สร้างความตื่นตกใจในยามเช้าที่เคยเงียบเหงาอักโข
“วกกลับ เก็บไม้ของกลางแล้วส่งคดีพร้อมทะเบียนรถคอกหมู” มณีสั่ง
สมชายชะลอรถแล้วเลี้ยวกลับ เพื่อวนไปหาไม้ของกลาง แต่ไม้สักแปรรูปหน้า 10 นิ้วหนา
“ใครเก็บไม้สักแปรรูปหน้าสิบนิ้วซึ่งเป็นของกลางการกระทำผิดไป มีความผิดนะครับถ้าไม่คืน หรือค้นพบที่หลังบ้านของท่านยิ่งผิดนะครับ ช่วยแบกกลับมาทิ้งข้างทางให้ด้วยครับ”
ทุกคนช่วยกันเดินตะโกนไปทีละบ้านๆ ในที่สุดได้ไม้สักแปรรูปคืนทั้งหมด 40 เล่ม
“ไปโรงพักเวียงสา ส่งคดีไม่มีตัวและรถ ได้คดีเหมือนกันเนาะ” มณีพูดลอยๆ แล้วขึ้นนั่งประจำที่ ทุกคนปีนขึ้นไปนั่งบนไม้แปรรูป
การส่งมอบคดีป่าไม้ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดไม่ยาก เพราะครั้งนี้สายตรวจมอบเบอร์ทะเบียนรถนำโชคให้ไปด้วย ร้อยเวรซึ่งคุ้นหน้าคุ้นตากันมาแต่ครั้งยังเป็นจ่าอยู่โรงพักนาน้อยรีบมาทำหน้าที่ด้วยรอยยิ้มอิ่มใจ สายตรวจขนไม้ของกลางไปเก็บรักษาที่สำนักงานเช่นเคย
“สวัสดีครับพี่มณี ขอบคุณครับที่ทำหน้าที่มือปราบมอดไม้ได้อย่างดีเยี่ยม ผมจะพยายามตามจับรถคอกหมูโดยสารคันนี้มาลงโทษให้ได้ “
หมวดมองดูหมายเลขทะเบียนรถแล้วยิ้มไม่หุบ มณีและคณะลากลับเหมือนเคย
“ไปกินข้าวต่อ” พอรถจอดนิ่งที่ใต้ต้นมะขามข้างร้านป้าแอ๊ว ทุกคนลงไปมองหาจานข้าว แต่ไร้ร่องรอย ป้าแอ๊วเดินตุ๊ต๊ะมาหาแล้วบอก
“ป้าก็คิดว่าคงไม่กลับมาแล้ว แต่ก็จดไว้แล้วนะว่าค่าข้าวแกงเมื่อเช้าเท่าไร” ป้าพูดเสร็จก็หัวเราะร่วน อารมณ์ดี
“ป้า เอามาอีกที คราวนี้มีอะไรแค่ไหน ยกมาได้เต็มที่เลย เอาพวกเราช่วยป้าตักและเสิร์ฟด้วย หิวจนตาลายแล้ว”
บำเหน็จคนทำงานปราบปรามมาอย่างหนัก นั่งกินข้าวแกงใต้ต้นมะขามข้างทาง แต่หมวดที่รับคดีเมื่อครู่ น่าจะได้นั่งกินในห้องหรูที่โรงแรมในตัวเมืองอย่างสมบูรณ์แบบ
“เลี้ยงดูปูเสื่อเต็มที่ แถมเงินติดกระเป๋า”
นี่ก็เป็นอีกงานหนึ่งที่ “ตีงูให้กากิน” หลังอาหารที่กินกันจนอิ่มหนำสำราญ ไม่มีเสียงพูดคุยกันต่อ สมชายทำหน้าที่สารถีได้ดีเช่นเคย ประเสริฐนั่งนิ่ง มณีเหม่อลอยไปกับความคิดติดปีก คณะพรรคหลังกระบะนั่งจับโรบาร์รถปกติ ท่าทีเหนื่อยอ่อนกันไปหมด
พอรถจอดที่ทำการ ส่วน สา ทวี สวัสดิ์ กระโดดลงแล้วช่วยกันขนไม้ของกลางเข้าที่เก็บรักษา ไม้สักแปรรูปหน้ากว้างขนาด
“หายไปหมดทั้งคืน ไปตรวจทีท้องกันมาอีกละซินี่ หัวหน้านี่พาผัวฉันเสียคนเสียแล้วมั้ง” นางใบเมียส่วนแหวใส่ มณียืนนิ่งมองด้วยสายตายิ้มๆ
“เออใช่ไปตรวจที่ท้องโว๊ย “
พูดเสร็จมณีเดินหัวเราะจากไป แต่นางใบหน้าบึ้ง อารมณ์เสียหันไปตบส่วนเปรี้ยง วงแตกกระเจิงไปคนละทิศละทาง งานหนักแล้วยังถูกเมียเข้าใจผิดอีก ฮ่วย