ป.4 ไม่มีเส้น แต่มีปัญญา ก็ดังได้
โดยธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ
ฤดูกาลท่องเที่ยวบ้านเรานี่แปลกแตกต่างกันมาก ถ้าภาคเหนือต้องไปหน้าหนาว ผมก็เป็นอย่างนั้นด้วยคนหนึ่ง ไม่หนาวก็ไม่อยากขึ้นเหนือ การไปคราวนี้แปลกกว่าทุกครั้งด้วยพวกเราปรับเส้นทางขึ้นทางหนึ่งแล้วล่องมาอีกทางหนึ่ง ได้พบเห็นภูมิประเทศแปลกแตกต่างกัน ผู้คนที่ผ่านพบก็แปลกแตกต่างกัน
ที่สำคัญ ได้แวะเยี่ยมชมและสัมผัส เรื่องราวที่แปลกออกไป ล้วนน่าสนใจ
คณะของเราประกอบด้วย น.พ.สุวิทย์ เกียรติเสวี เจ้าของหน้าต่างมองคุณภาพชีวิตและสุขภาพ นสพเดลินิวส์ เป็นผู้นำขบวนเพื่อนๆอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน รวม 6 คน ผมแจมไปในฐานะเพื่อนรุ่นน้องเป็นคนที่ 7 รถตู้สะอาดเอี่ยม พนักงานขับมารยาทดีมาก รู้หน้าที่และบริการเต็มที่ ในรถยนต์แถมกระติกน้ำแข็งเต็มตลอด แก้วน้ำสะอาด น้ำดื่มฟรีเป็นแก้วพลาสติกแช่เย็น ความรู้สึกในการเดินทางอบอุ่นและมั่นใจในความปลอดภัย
รุ่นราวคราวเดียวกัน คุยกันสนุก และปล่อยแก่กันเต็มพิกัด
เป้าหมายการเดินทางครั้งนั้น ไปจังหวัดน่าน เพื่อร่วมประชุมคณะกรรมการมูลนิธิสมเพิ่ม กิตตินันท์ ซึ่งส่งเสริมการศึกษาต่อเนื่อง(อนุบาล-ป.ตรี) การเดินทางขาขึ้นใช้เส้นทางกรุงเทพ-พิษณุโลก-แพร่-น่าน
ขาล่อง มีเหตุให้ต้องไปเยี่ยมรีสอร์ต ปันเจน ไฮ-อะเวย์ อ.วังชิ้น จ.แพร่ ตั้งอยู่เชิงดอยอุทยานแห่งชาติเวียงโกศัย พัก 1 คืนแล้วล่องใต้กลับ กทม. เส้นทางที่เปลี่ยนคือ จากอำเภอวังชิ้น ล่องลงมา อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย
จากภูมิประเทศที่เป็นขุนเขาสูง ลดหลั่นลงมาทีละระดับ จนลงมาถึงที่ราบเนินเขา "บ้านหาดเสี้ยว" หมู่บ้านที่มีเรื่องโด่งดัง 4 อย่างคือ มีบ้านผ้าสาธร บ้านทำทองโบราณ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย ทั้ง 3 อย่างนี้ไปแวะเที่ยวชมได้ทั้งปี แต่พิธีบวชช้าง นั้นต้องไปในหน้าร้อนต้นเดือน วันที่ 7-8 เมย. ของทุกปี (แห่นาค-แห่บวช-ทำขวัญนาค)
ที่นี่ร้านผ้าสาธร พวกเราปรารถนา 2 อย่าง อย่างแรก คอกาแฟอยากดื่มกาแฟสดที่ร้านผ้าสาธร อย่างที่สอง เข้าห้องสุขา ปลดระวางน้ำหนักบรรทุกลง
แต่ก็อย่างที่รู้ๆกันว่า บ้านสาธรหาดเสี้ยวนี่เขาเป็นพิพิธภัณฑ์ผ้าโบราณ จำหน่ายผ้าหาดเสี้ยวโฉมใหม่ และ พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านปัญญาท้องถิ่น ที่ขึ้นหน้าขึ้นตาของชาวหาดเสี้ยว
เหมือนว่า สาธร เป็นโลโก้ของหาดเสี้ยวก็ว่าได้ ไปแล้วไม่แวะก็เสียเที่ยวเชียวละ อย่ากระนั้นเลย แวะเข้าไปเยี่ยมชมกันสักนิด ไม่ซื้อไม่ว่า ขอให้เข้ามาเถอะ
คุณสาธร โสรัจประสพสันติ เกิดที่บ้านหาดเสี้ยว ปีพ.ศ.2484 ปรี่เข้ามาเสวนาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส แล้วก็เล่าให้ฟังว่า เขาเกิดที่หาดเสี้ยว ปัจจุบันอยู่บ้านเลขที่ 477 ม.2 ต.หาดเสี้ยว อ.ศรสัชนาลัย จ.สุโขทัย จบชั้น ป.4 ก็ออกไปฝึกตัดเย็บเสื้อผ้าต่างถิ่น แล้วก็ดำเนินชีวิตไปตามวิถี จนเป็นช่างออกแบบเสื้อผ้า ดาราประกอบหนังหลายเรื่อง แต่เมื่อสูงวัยมากขึ้นๆ กลับมองหาตัวตนที่แท้จริง จึงได้พบว่า ยังชอบเรื่องผ้า อยู่
เขาเดินทางกลับบ้านเกิด เปิดร้านตัดเย็บและออกแบบเสื้อผ้า จุดขายของเขาคือ การออกแบบใหม่แต่ใช้ผ้าของชาวไทยพวนหาดเสี้ยว นำมาประยุกต์ให้ทันสมัย น่าใช้ และสวมใส่แล้วโก้หรู มีระดับ นั่นเองที่ทำให้คุณสาธรได้โอกาสในการสะสมผ้าโบราณชนิดต่างๆของชาวไทยพวน เช่นผ้าตีนจก 9 ลายหลัก คือลายเครือใหญ่ ลายสี่ขอ ลายสองท้อง ลายมนสิบหก ลายสิบสิงหน่วยตัด ลายแปดขอ ลายเครือกลาง ลายเครือน้อย ลายอ่างน้ำ นอกจากนี้เขาได้อนุรักษ์ผ้าทอด้วยทองคำโบราณไว้ด้วย จนกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ผ้าตราบถึงทุกวันนี้
แค่นั้นหรือ ไม่ใช่ ชายสูงวัยคนนี้มีพลังมาก เขาเริ่มสะสมอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ที่สร้างด้วยภูมิปัญญาของชาวไทยพวน เช่น ลันดักปลาไหล สุ่มปลา ข้อง แม้กระทั่งถ้วยตราไก่ และเครื่องใช้โบราณจากเตาเผาสังคโลก ฯลฯ ลีลาการบรรยายสนุกสนานมาก ลูกเล่นแพรวพราว และทีท่าดีอกดีใจที่ได้เล่าขาน
"วันหนึ่ง หลายรอบ เหมือนครูสอนเรื่องเดียวซ้ำๆ มันจดจำได้ทุกเม็ดเลย"
"เรื่องจะซื้อหรือไม่ซื้อเสื้อผ้าจากร้าน แม้เพียงมาเข้าห้องสุขาแล้วไปก็ไม่เป็นไรครับ"
"แต่ถ้าเยี่ยมกรายเข้ามา ผมอยากบรรยายให้ทุกคนได้รู้จัก ได้รู้ว่าคนไทยพวนมีวิถีชีวิตและศิลปะผ้าทอมือขนาดไหน มันเป็นความภูมิใจของผมที่เกิดมาในสายเลือดไทยพวนด้วย"
ผมตัดสินใจใส่เงิน 100 บาท ลงในตู้บริจาคด้วยความเต็มตื้นในความมีน้ำใจของคุณสาธร คนหาดเสี้ยวที่ได้อุทิศกาย อุทิศใจ และอุทิศเวลาให้กับศิลปะวัฒนธรรมของชาวไทยพวนมากมาย ถ้าท้องถิ่นใดได้มีคนเช่นคุณสาธร ท้องถิ่นนั้นก็โชคดี
เป็นอันว่าการเปลี่ยนเส้นทางการไปเหนือครั้งนี้ ได้ผลพวงมาอย่างที่เล่ามาเลย ดีไหมล่ะครับ
สำหรับผมแล้วจ้องไว้ว่า 7-8 เมย.หน้า ผมจะไปบวชช้างให้กระหึ่มเชียว