เสือกลิ่นสาบ
ตอน 7. ตีตราไม้
โดย อินทรี ดำ
ในความรับผิดชอบของสำนักพัฒนาป่าไม้ที่นน.2 มีป่าสัมปทานทำไม้ระยะยาวทั้งป่าไม้สักและป่าไม้กระยาเลยอยู่ 2 ป่าคือป่าแม่น้ำน่านฝั่งซ้าย(นน.2) และป่าแม่น้ำน่านฝั่งขวา(นน.3) พื้นที่ป่าสองโครงการรวม 1,460 ตร.กม. ตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย สำนักพัฒนาป่าไม้มีหน้าที่ป้องกันรักษาป่าไม่ให้เกิดการกระทำผิด พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 บุญสม ฤทธิ นักวิชาการป่าไม้ 6 เป็นหัวหน้าฝ่ายจัดการป่าไม้ รับผิดชอบภารกิจป่าสัมปทานทั้งสองป่าดังกล่าว ขอเชิญข้าราชการสำนักพัฒนาป่าไม้ประชุมเรื่องการตีตราไม้ที่ต้องรับผิดชอบ โดยขอให้มณีเป็นประธานการประชุม พี่ชัย เกียรติ ธวัช โตมร เอก พจน์ และอร่าม เข้าร่วมด้วย
“ที่เชิญท่านมาประชุมเพื่อจะแจ้งให้ทราบว่า ท่านทั้งหมดในห้องนี้ยกเว้นผม ทุกคนต้องไปตีไม้ในป่าสัมปทานทำไม้ระยะยาว โดยมีรายละเอียดดังที่บุญสมจะกล่าวต่อไปนะครับ ขอเชิญหัวหน้าฝ่ายครับ” มณีทิ้งภาระให้บุญสมทำหน้าที่ต่อไป
“ขอบคุณครับหัวหน้า ผมขอเข้าเรื่องเลยนะครับ ผมได้รับแนวทางปฏิบัติจากหัวหน้าให้จัดคนไป”คัดเลือกตีตราไม้”ดังนี้คือ
เกียรติ โตมร เอก คัดเลือกตีตราไม้ป่า นน.2 แปลง 4-5-6 ให้เกียรติเป็นหัวหน้าสาย ส่วนธวัช พจน์ อร่าม ไปคัดเลือกตีตราไม้ป่า นน.3 แปลง 4-5-6 ให้ธวัชเป็นหัวหน้าสาย
ในการออกไปปฏิบัติงานคงต้องสลับเวลาให้เหลื่อมกันหน่อย เพื่อจะได้มีคนทำหน้าที่ป้องกันและปราบปรามด้วย ไม่งั้นคงเหลือแต่สายตรวจสำนัก ซึ่งก็คงจะทำให้งานปราบปรามด้อยลงไป”
. “ในการไปคัดเลือกไม้ ผู้คัดต้องมี “ตราต.” ซึ่งเป็นตราประจำตัวของแต่ละคน ใครไม่มีก็ไปเบิกที่กรมป่าไม้ กองการอนุญาตเสียนะ ส่วนตราตัดและเลขเรียงที่ต้องใช้ผมเบิกจากป่าไม้เขตแพร่มาไว้ประจำสำนักเราเรียบร้อยแล้ว” บุญสมเว้นระยะพักแล้วกล่าวต่อ
“ส่วนการตีตราชักลากไม้ มีตรา “ช.ลาก” นั่นผมจะเสนอคำสั่งให้หัวหน้าอีกครั้งเมื่อถึงเวลาที่ต้องปฏิบัติการ แต่ก็เตรียมไว้ประจำให้เบิกไปใช้ได้เช่นกัน ส่วนเรื่องขวาน น้ำมันดิน คนงาน ค่าอาหารและการบริการต่างๆ ทุกคนที่ได้รับคำสั่งไปประสานงานกับบริษัทได้เลยโดยตรง เพื่อนัดแนะการเข้าไปทำงาน”
“ส่วนพี่ชัยและผมจะไปตีตราชักลากไม้หลังการตัดไม้แล้ว เรื่องรายได้จากการตีตราไม้ขอให้เป็นไปตามกติกาที่ได้เคยพูดกันไปแล้ว ทุกสตางค์ที่เข้ากองกลางเพื่องานของสำนักซึ่งยังไม่มีงบประมาณโดยตรงจากระบบราชการเลย หวังว่าทุกคนคงเข้าใจและให้ความร่วมมือ เมื่อท่านออกไปคัดเลือกไม้ขอให้อ่านระเบียบการคัดเลือกไม้กระยาเลยและไม้สักและยางให้เข้าใจ โดยเฉพาะขนาดจำกัดไม้ที่คัดเลือก ไม้เชื้อ ไม้สงวน ไม้โทน ไม้สันปันน้ำ ไม้ใกล้ห้วยและขุนต้นน้ำ เมื่อผมไปตรวจงานหวังว่าคงไม่ต้องตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงนะครับ”
บุญสมกล่าวจบลงด้วยรอยยิ้มของทุกคน ที่ได้แบ่งปันผลประ
โยชน์จากการทำไม้ป่าสัมปทาน ซึ่งรู้ๆ กันอยู่ว่า บริษัททำไม้จังหวัดจะเป็นผู้จ่ายตามอัตราที่บริษัทกำหนดไว้
ป่าสัมปทานระยะยาว นน.2
มณีรับรู้จากทางบุญสมมาว่า การตอบแทนการคัดเลือกไม้กระยาเลย ทางบริษัทจังหวัดทำไม้จัดจ่าย ส่วนไม้สักองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้(ออป.) ไม่มีงบนี้ ฟรีครับฟรีเพราะว่าเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจของรัฐบาล เมื่ออยู่กันสองคนบุญสมเล่ารายละเอียดให้ฟังว่า
“พี่ครับ บริษัททำไม้จังหวัดที่ผมไปประสานงานมาแล้ว เขาจ่ายจากการคัดเลือกไม้ดังนี้คือ ท่านป่าไม้เขตแพร่ตอละ 10 บาท หัวหน้าฝ่ายจัดการป่าไม้ตอละ 7 บาท คนคัดเลือกไม้ตอละ 5 บาท หัวหน้าฝ่ายสำนักตอละ 3 บาท ส่วนของสำนัก” บุญสมนิ่งสีหน้าเจื่อนจืดอย่างยากจะกล่าว มณีนิ่งฟัง สีหน้าราบเรียบ
“ตอละ 1 บาทครับพี่”
บุญสมกล้ำกลืนพูดออกมาด้วยความลำบากใจ มณีมองหน้าสบตาบุญสมแล้วนิ่ง
“เหรอ? ได้มาก็ส่งมอบให้ประเสริฐรวมเป็นกองกลางการบริหารงานสำนักทั้งหมดนะ”
มณีพูดเรียบๆเหมือนไม่ติดใจ แต่บุญสมหลบสายตาด้วยหน้าตาที่อมทุกข์หนัก
“พี่ไม่แบ่งไว้ใช้บ้างเลยหรือครับ ?”
“ก็ใช้ในการบริหารสำนักไงล่ะ ผมก็กินอยู่ฟรีอยู่แล้วเหมือนทุกคนแหละ” มณียืนยันปณิธานเดิมที่เคยกล่าวไว้
“ส่วนการตีชักลากไม้ บริษัทเขาแจ้งผมดังนี้ครับ ป่าไม้เขตแพร่ลูกบาศก์เมตรละ 10 บาท หัวหน้าฝ่ายจัดการป่าไม้ลูกบาศก์เมตรละ 7 บาท คนตีคือผมและพี่ชัย ลบ.ม.ละ 5 บาทครับ”
บุญสมเกิดอาการเหมือนเดิมอีกครั้ง มณีมองเหมือนถามคำถาม
“ลูกบาศก์เมตรละ 1 บาทครับพี่”
บุญสมเหมือนจะขาดใจตายไปตรงหน้า มณีหัวเราะด้วยเสียงดังและขำกลิ้งเหมือนฟังเรื่องตลกขบขัน
“ส่งมอบประเสริฐเหมือนเดิมนะบุญสม”
มณีกล่าวจบก็ยิ้มแล้วลุกไปทำงานปกติ บุญสมนั่งนิ่งด้วยความไม่สบายใจนัก
วันประชุมประจำเดือนที่สำนักงานป่าไม้เขตแพร่ หัวหน้าสำนักพัฒนาป่าไม้ทุกสำนักทั้งแพร่และน่าน หัวหน้าฝ่ายทุกฝ่ายทั้งแพร่และน่าน เข้าประชุมเพื่อรายงานผลงานประจำเดือนและปรับกลยุทธ์การปฏิบัติ แต่ละสำนักรายงานด้วยความตั้งใจ มากบ้างน้อยบ้าง ตามกรอบของงาน
เลื่อยยนต์ ตัดไม้ได้รวดเร็วมาก
แต่เมื่อเลิกการประชุมเย็นนั้น ทุกคนอยู่ร่วมงานสังสรรค์กันที่ศาลาร่มพฤกษ์ ดนตรีบรรเลง นักร้องสาวดีดดิ้นไปตามลีลาของเพลงและจังหวะที่เร้าใจ มณีถือแก้วน้ำเปล่าดื่มไปคุยไปในขณะที่ทุกคนถือแก้วสีชารสแซบ ใช่ มณีเลิกกินเหล้ามานานนับสิบๆปีแล้ว แต่ถึงจะดื่มน้ำเปล่าก็ยังพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานได้ด้วยความสนุกสนานเสมอ
จังหวะหนึ่ง หัวหน้าสำนักเขตน่าน 5 สำนักมารวมหัวซุบซิบคุยกันแผ่วๆ สีหน้าเคร่งเครียด แววตาของแต่ละคนระคนทุกข์แสนสาหัส
“มึงสั่งไปตีไม้หรือยัง”
ประชาหัวหน้าสำนักพัฒนาป่าไม้นน.3 ถามมณี ๆ หันไปมองกำพลหัวหน้าสำนักพัฒนาป่าไม้ที่นน.1 พี่เชี่ยวหัวหน้าสำนักพัฒนาป่าไม้ที่นน.4 และพี่ชาญหัวหน้าสำนักพัฒนาป่าไม้ที่นน.5 ซึ่งยืนเรียงกันอยู่ใกล้ๆ
“ยัง แต่ตกลงในหลักการ และได้รับแจ้งจากหัวหน้าฝ่ายจัดการป่าไม้เรื่องผลประโยชน์แล้วว่าได้ตอละ 1 บาทกรณีการคัดเลือกไม้ และลูกบาศก์เมตรละ 1 บาท กรณีตีช.ลาก ทุกคนได้เหมือนกันไหมครับ”
มณีตอบแล้วหันไปถามพี่ๆและเพื่อนร่วมงาน ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ได้รับแจ้งเหมือนกันทุกคน ทุกคนมีสีหน้าไม่ค่อยแฮปปี้มากๆ พี่เชี่ยวซึ่งอยู่เมืองน่านมานานและผ่านงานมาทุกด้านพูดขึ้น
“กูว่ามันแปลกๆ นะมึง เราเป็นหัวหน้าสำนักควบคุมการตีตราคัดเลือกไม้และตีตราชักลากไม้ โดยตรง ผิดถูกเราต้องรับผิดชอบเต็มๆ แต่นี่บริษัทกลับไม่ให้ความสำคัญกับพวกเราเลย พวกมึงว่าไหม”
พี่เชี่ยวรุ่นพี่วนศาสตร์จอมเก๋าหงุดหงิด
“กูก็ว่าอย่างพี่เชี่ยวว่า กูอดีตหัวหน้าฝ่ายจัดการป่าไม้ป่าไม้เขตเชียงรายนะโว๊ย พอย้ายตามเมียคนที่สองมาแพร่กูก็ยอมลดตำแหน่งลงนะ แต่นี่ฟังแล้วก็ไม่ถูกเรื่องเหมือนกัน เอาไงดีวะ” พี่ชาญซ้ำ
“ไอ้กำพลมึงว่าไง”
กำพลเพื่อนอีกคนหนึ่งของมณีไม่เคยผ่านงานตีตราไม้จากป่าไม้เขตใดๆ ตอบ
“ผมไม่รู้เรื่องมาก่อน เคยแต่อยู่งานต้นน้ำปลูกป่าครับ พี่เอาไงก็เอาด้วยแล้วกัน” พี่เชี่ยวหันมาทางมณีและประชา
“ผมเคยตีตราไม้จากงานจัดการป่าไม้ ป่าไม้เขตอุบลราชธานีครับ ก็พอจะรู้เรื่องบ้างแต่ก็ต่างที่ต่างตอบแทนครับ”
“ผมว่าพวกเรานัดประชุมกันที่ ส.นน.2 กันสักครั้งดีไหม” ประชาเสนอ
“เอาพวกหัวหน้าฝ่ายจัดการป่าไม้เข้าประชุมด้วย” มณีเสนอ
“เฮ้ย ประชุมเฉพาะพวกเราเถอะ จะให้มันรู้ทำไม บางคนมันสนิทกับบริษัททำไม้จังหวัดมากนะ บางคนก็ลูกน้องเก่าหัวหน้าฝ่ายจัดการป่าไม้แพร่” พี่เชี่ยวว่า
“ถ้าเอาพวกเขาเข้าประชุมด้วยยิ่งดีพี่ จะได้มีการสื่อสารครับ”
มณีสรุป แล้วนัดวันกันคืนหนึ่ง มณีลงทุนเลี้ยงข้าวและเหล้าพร้อมที่นอน ถ้าจะนอนค้าง
ที่ประชุมคืนนัดหมาย ทุกคนมารวมตัวกันกินอาหารค่ำด้วยความอร่อยและได้บรรยากาศแบบเพื่อนพ้องน้องพี่ที่รับผิดชอบงานแนวทางเดียวกัน พวกเราหัวหน้าสำนักทำทีท่าปกติเหมือนปรึกษาหารือกันธรรมดา หัวหน้าฝ่ายจัดการป่าไม้ทุกสำนักพัฒนาที่มาร่วมงาน สนุกครึกครื้นกันทุกคน การประชุมสรุปได้ความว่า
ขอให้เดือนหน้าทุกสำนักไปตรวจตามเงื่อนไขสัมปทานทำไม้ระยะยาว แล้วบันทึกแจ้งบริษัททำไม้จังหวัด พร้อมสำเนาแจ้งป่าไม้เขตแพร่อีกทางหนึ่ง ได้ผลอย่างไรก็ขอให้มานัดกันอีกทีหนึ่ง แล้วเดือนถัดไปตรวจตามเงื่อนไขสัมปทานทำไม้ระยะยาว แล้วแจ้งและรายงานแบบเดิม จากนั้นฟังผลการประชุมที่บริษัททำไม้จังหวัดและป่าไม้เขตแพร่จะต้องมีการเคลื่อนไหวทางใดทางหนึ่ง ขอให้ทุกสำนักนัดหมายบริษัทนำตรวจตามรูปแบบปกติด้วยเพื่อให้การตรวจเป็นไปตามระเบียบอย่างครบถ้วน
หลังจากนั้น เดือนถัดมา ทุกสำนักไปตรวจตามเงื่อนไขสัมปทานแล้วรายงานคล้ายคลึงกันหมดว่า พบการกระทำผิดตามเงื่อนไขสัมปทานทำไม้ระยะยาวดังนี้คือ เส้นทางชักลากไม้เดิมไม่ได้ทำลาย ไม่มีการป้องกันไฟป่า เกิดไฟไหม้จำนวน....จุด เป็นพื้นที่........ไร่ รวม............ไร่ พบการบุกรุกแผ้วถางทำไร่เลื่อนลอย........แห่ง พื้นที่..........ไร่ มีชาวบ้านสร้างบ้านในเขตป่าสัมปทาน......แห่ง.........หลัง เป็นความผิดตามเงื่อนไขสัมปทานทำไม้ระยะยาว ข้อ....
หลังหนังสือรายงานไปถึงบริษัททำไม้จังหวัดๆ รีบไปปรึกษาหัวหน้าฝ่ายจัดการป่าไม้เขตแพร่ และตอบหนังสือมาว่าจะดำเนินการแก้ไขตามที่ตรวจพบการกระทำผิดเงื่อนไขสัมปทานทำไม้ระยะยาว เรื่องนี้สร้างความขุ่นมัวให้กับหัวหน้าฝ่ายจัดการป่าไม้เขตแพร่มาก ข่าวแว่วๆ มาว่า
“พี่ธนูโกรธพวกเรามากนะพี่”
“พี่เขาทำตัวเป็นผู้บงการบริษัททำไม้จังหวัดเองนี่นา น่าจะปล่อยวางให้พวกเราบริหารได้แล้ว ก็เรารับผิดชอบไม่ใช่หรือ ?”
อีกเดือนถัดมา คณะสำนักพัฒนาป่าไม้ทั้ง 5 สำนัก ตรวจติดตามเงื่อนไขสัมปทานทำไม้ระยะยาว ครั้งที่สอง แจ้งว่า เหตุที่เกิดขึ้นเดือนก่อนบริษัทยังไม่ได้แก้ไขใดๆ และได้พบการกระทำผิดในป่าสัมปทานทำไม้ระยะยาวเพิ่มเติมดังนี้คือ......................แล้วรายงานป่าไม้เขตแพร่และบริษัททำไม้จังหวัดเหมือนเดิม เรื่องนี้เข้าที่ฝ่ายจัดการป่าไม้เช่นเดิม และยิ่งทำให้ฝ่ายจัดการป่าไม้เขตแพร่แค้นมาก ถึงกับผรุสวาทว่า
“มันจะเอายังไงของมันวะ ถ้ามันตรวจตามเงื่อนไขสัมปทานอีกครั้งเดียว แล้วมันเสนอให้ป่าไม้เขตแพร่ปิดสัมปทานทำไม้ระยะยาว 90 วันก็บรรลัยกันหมด”
“นั่นน่ะซิครับ อีกครั้งเดียว ก็ปิดตามระเบียบทุกประการ บริษัทจะทำยังไงดีครับ” ผู้ประสานงานของบริษัทแสดงความวิตกกังวล
อีกสัปดาห์ถัดมา ผลการประชุมและตรวจติดตามงานตามระเบียบ ได้ผล 2 ประการคือ มีหัวหน้าฝ่ายจัดการป่าไม้สำนักพัฒนาป่าไม้ทุกสำนัก ไปแจ้งให้บริษัททราบความเคลื่อนไหวทั้งหมด และเป็นสายให้กับหัวหน้าฝ่ายจัดการป่าไม้เขตแพร่ ตามที่คาดกันไว้
รวมกองที่หมอนไม้
สัปดาห์ที่สองถัดมา ประชา หัวหน้าสำนักพัฒนาป่าไม้ที่ นน.3มาหามณีที่สำนักแล้วพูดไปหัวเราะไป
“มึงนี่เขี้ยวจริงๆ บริษัทเขามาหากู เขาไม่กล้ามาหามึง” ประชามองหน้ามณียิ้มกว้าง มณีงงแต่ก็ยิ้มแล้วถาม
“เขี้ยวยังไงวะ” ประชาหัวเราะก๊าก
“เขารู้ทุกคำพูดที่มึงเสนอในที่ประชุมพวกเรา และวางกลยุทธ์ไล่ต้อนเขา” มณีฟังแล้วก็ยิ้มมุมปากนิด
“เขายอมแพ้ เขาเสนอมาว่าขอให้ไม่มีการตรวจตามเงื่อนไขสัมปทานครั้งที่ 3 และอัตราค่าบริการสำนักเปลี่ยนไปดังนี้คือ ทั้งคัดเลือกไม้ ตอละ 15 บาท และตีชักลากไม้ ลูกบาศก์เมตรละ 15 บาทเหมือนกัน มึงว่าไง”
ประชาหัวเราะเสียงดังจนตาหยี ขนคิ้วยาวๆของประชาแทบจะคลุมดวงตาหยีเล็กของเขา มณีหัวเราะแล้วพูด
“อำนาจการควบคุมป่าสัมปทานเป็นของสำนักพัฒนาป่าไม้ และฝ่ายจัดการป่าไม้เขตแพร่ต้องทำหน้าที่พี่เลี้ยงเท่านั้นว่ะ มันก็ถูกต้องดีแล้วนี่”
มณีหัวเราะตามประชา แต่ต่างความหมายกัน
“พี่เชี่ยวกับพี่ชาญเขาว่ายังไง ไอ้กำพลล่ะ”มณีย้อนถาม
“ทุกคนเขาแฮปปี้ เหลือแต่มึงแหละที่ไม่มีใครกล้ามาบอก โอเคไหม”
ประชามองหน้า มณียิ้มพยักหน้า แต่รอยยิ้มช่างเป็นรอยยิ้มที่แสนจะขมขื่น เหมือนหมาที่ยื้อแย่งเนื้อกันและกัน มันเป็นความเจ็บปวดที่เบื้องหลังการทำงานต้องมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น
สำหรับมณีมีความต้องการแค่อยากรู้ว่า บทบาทและหน้าที่ตรงนี้ในสถานการณ์เช่นนี้ ใครควรเป็นผู้จัดการโครงการทดลองสำนักพัฒนาป่าไม้ที่นน.2 หรือที่เรียกกันเล่นๆว่า ป่าไม้เขตน้อยที่แท้จริง
อำนาจการบังคับบัญชามันควรจะอยู่ที่ส่วนไหน