http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 08/05/2024
สถิติผู้เข้าชม14,041,323
Page Views16,351,528
« May 2024»
SMTWTFS
   1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

วรรณกรรมเยาวชน กิ่งคำปายกับยายทวด โดยเอื้อยนาง ตอน3. อิ่นอ้อยออยคำ

วรรณกรรมเยาวชน กิ่งคำปายกับยายทวด โดยเอื้อยนาง ตอน3. อิ่นอ้อยออยคำ

วรรณกรรมเยาวชน

กิ่งคำปายกับยายทวด

เอื้อยนาง

๓.อิ่นอ้อยออยคำ

 

กลิ่นดอกไม้ป่า กระดังงา การะเกด และดอกจำปาลาว หอมกรุ่นละมุนละไม  ผีเสื้อตัวใหญ่ลายแปลกขยับปีกผลึบผลับ   มองเหมือนใครโบกพัดใบจิ๋วแต้มลายริ้วอยู่ไปมา

ลมอ่อนๆ  พัดพลิ้ว  กลีบดอกไม้ระริกไหว     แมลงทับสีเขียวใสเกาะใบไม้นิ่งไม่สนใจสิ่งใด    กิ่งคำปายอดใจไม่อยู่ จึงยื่นมือออกไป

 มานี่เถอะอย่าเข้าไปรบกวนมันกำลังวางไข่

เสียงทักท้วง  พร้อมมืออบอุ่นที่เกาะกุมอยู่เหมือนมีพลัง  พาเคลื่อนกายตามไป

กิ่งคำปาย ติดตามหญิงชราร่างเล็ก  ในชุดซิ่นไหมลายมัดหมี่ดอกจิกที่เดินนำหน้าพาเข้าไปในดินแดนสวยงาม  ประหลาด  แปลกตา น่าพิศวง  รู้สึกตัวเบาโหวงราวกับเลื่อนไหลล่องลอยไปได้เอง โดยไม่ต้องก้าวเดิน

หญิงชราเป็นคนแปลกหน้า  ที่กิ่งคำปายไม่เคยรู้จักมาก่อน   แต่เด็กสาวกับรู้สึกคุ้นเคย   และวางใจ  ยอมติดตามร่างเล็ก ๆ  แต่คล่องแคล่วนั้นไปในดินแดนลึกลับ   หอมกรุ่นและชุ่มเย็น  ร่มรื่นด้วยมีต้นไม้ใหญ่สูงสล้าง  โยกไหวกิ่งใบตามสายลมที่กำลังบรรเลงเพลงหวีดหวิว  ขับกล่อมพงไพร  กลีบดอกไม้ที่บานสะพรั่งร่วงพรู  ปลิวโปรยลงมาหวอย ๆ  ไม่ขาดสาย  บ้างหล่นลงบนดิน  บ้างปลิวคว้างไปไกล  หล่นลงไปในสายน้ำใส ที่ไหลเรื่อย แทรกซอนออกมาจากดงไม้ใหญ่

ไกลออกไป  สายน้ำแผ่กว้างใหญ่ขึ้น  ป่าเริ่มโปร่ง  มีทุ่งนาเขียวขจี  และมีบ้านเรือนผู้คน

มองเห็นหลังคาลิบลิบในปลายไม้

คำปลิว  จะไปไหนคำปลิว

                      

เสียงใสๆ ของเด็กสาวๆ หลายคนดังลงมาจากต้นไม้ใหญ่ข้างหน้า  เป็นต้นฉำฉาเก่าแก่  และสูงเสียดฟ้า  แผ่กิ่งก้านสาขาลงมาปกคลุม  ร่มครึ้ม กิ่งคำปายแหงนเงยหาเจ้าของเสียง  สงสัยว่า  ใครกันนะมารู้จักเราได้อย่างไร  และทำไมเรียกชื่อไม่ถูก  ไม่ได้ชื่อว่าคำปลิวสักหน่อย   ครั้นแล้วสายตาที่แลลอดลึกเข้าไปในทิวต้นฉำฉา  บนลานโล่งระหว่างต้นไม้   จึงได้มองเห็นเรือนหลังใหญ่ใต้ถุนสูง  รูปทรงแปลกตา  ดูสง่างามภายใต้เงาไม้  ผู้คนมากมายกำลังยอกรร่ายรำ ไปรอบประรำพิธี  ที่ปลูกขึ้นชั่วคราวบนลานโล่งใต้ร่มพฤกษา   ซึ่งสูงเด่นอยู่ต้นเดียวบนลานดินหน้าเรือนหลังนั้น   ภายในประรำนั้นเปล่งสว่างด้วยโคมไฟ  และสีสันแห่งดอกไม้  ธูปเทียน และเครื่องเซ่นไหว้ 

มาลัยดอกจำปาลาวพวงระย้าห้อยย้อยส่งกลิ่นอวลอบ นักร่ายรำทั้งหลายล้วนเป็นผู้หญิงต่างๆ วัย หน้าตาแฉล้มแช่มช้อย  แต่งตัวสวยงามเหมือนคนที่เดินนำหน้ากิ่งคำปายอยู่นี้

 

แตรแล่นแตร่ แล่นแตร่ ...แล่นแตร

แตรแล่นแตร แล่นแตร..แล่นแตร

 

เสียงแคนดังวอย ๆ อ้อยอิ่ง  เป็นจังวะคล้ายน้ำตกซ่ากระโจนไหลลงมาจากผาสูง กระทบ

โขดหินเบื้องล่าง  แล้วไหลเรื่อยเลาะเซาะซอกหิน   ก่อนรินหลั่งพัดพาเอากลีบดอกไม้ล่องลอยอ้อยสร้อย

มือของนักร่ายรำแกว่งไกว  พลางส่ายเอวสะโพกโยกไหว  เคลื่อนกายละมุนละไม  ไปตามจังหวะแคน  ปากก็ส่งเสียงร้องคลอเคล้าทำนองแคน

เสียงเพลงออดอ้อนวอนเว้า  ที่ร้องคลอสอดประสานจังหวะแคน  เป็นเพลงสวดสรรเสริญเหล่าเทพเทวดา  พญานาค  และฟ้าแถน  บอกถึงความสำนึก ขอบคุณ อย่างอ่อนน้อมถ่อมใจ   ที่ดลบันดาลให้ได้มีชีวิตอยู่ในดินแดนแสนงาม  สะพรั่งพร้อมอุดมสมบูรณ์แห่งนี้

จะไปไหนกันเจ้านางคำปลิว

แต่เสียงใสๆ   ที่ถามมานั้น  กลับดังลงมาจากเบื้องบนของต้นไม้ใหญ่ใบหนา  เหนือหลังคาบ้าน   เปลวเทียนและควันธูปที่ลอยพุ่งขึ้นไป  แผ่ผืนกลายเป็นกลุ่มหมอกควัน ฟุ้งกระจายโอบล้อมกิ่งใบ   

ในท่ามกลางกลุ่มควัน  ปรากฏมีใบหน้าแฉล้มของผู้คน  หลายคนผู้กำลังส่งเสียงลงมาทักถาม   กิ่งคำปายกำลังจะเอ่ยตอบ  แต่หญิงชราผู้นำทางชิงพูดขึ้นไปก่อนว่า

จะพากิ่งคำปายกลับไปส่ง  เขาเป็นเหลนของข้า  และข้าก็เป็นยายทวดของเขาเองแหละ

กิ่งคำปายเป็นเหลนของทวดคำปลิว...    เสียงหัวเราะใสๆ ประสานกันดังพลิ้วลงมา

คำปลิวจะพาเขากลับไปส่ง แสดงว่าเขาไม่มาอยู่กับพวกเราสินะ   เสียงจากบนต้นไม้ยังคงไถ่ถาม

ยังไม่ถึงเวลาของเขานิ  เขายังมีภาระต้องทำ

ผู้ที่ถูกเรียกว่าคำปลิว  และบอกว่าเป็นยายทวดของกิ่งคำปายตอบอย่างร่าเริง เธอผู้นั้น  ผู้ยื่นหน้าลงมาถาม  พยักหน้าพลางถอนหายใจคล้ายผิดหวังนิดๆ  เธอแลลงมาสบตากิ่งคำปาย  แล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตร  พลางโบกมือให้    เด็กสาวนักซิ่งมอเตอร์ไซค์ได้แต่โบกมือตอบอย่างงงๆ และนึกเสียดาย

ลาก่อนแล้ววันหนึ่งคงได้พบกัน

เหล่าเด็กสาวท่ามกลางม่านหมอกส่งเสียงแหลมๆ ลงมาเอ่ยลา

ลาก่อนนะกิ่ง

เสียงสุดท้ายทำให้กิ่งคำปายชะงัก  ด้วยความรู้สึกเคยคุ้นกับเสียงเรียกแบบห้วนสั้นแบบนั้น  เด็กสาวส่งสายตาเพ่งมองอีกที   ใบหน้าที่ส่งยิ้มมาให้และเอ่ยลาเสียงคุ้นๆ นั้น  เป็นเพื่อนรัก  ผู้ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์บินฉวัดเฉวียนอยู่ด้วยกัน เมื่อครู่นี่เอง  จะเป็นใครไปไม่ได้  นอกจากโมบายเพื่อนผู้ซุกซน และชอบสนุกสนานตลอดเวลาของเธอ

แต่ทำไมหนอ  ทำไมเธอจึงมาอยู่ที่นี่ได้  ที่นี่ที่ไหนกัน

                         

                                                               ยายทวด

ยังไม่ทันจะได้คำตอบให้หายสงสัย  แต่กลับมีสิ่งใหม่มาดึงความสนใจของกิ่งคำปายไปก่อน  มีอะไรบางอย่างเคลื่อนที่ตรงมาหาเธอและยายทวด    ครั้งแรกมองเห็นไกลๆ มันเคลื่อนไหวเหมือนงู  แต่เป็นงูตัวแบนเป็นแผ่นผืนสีสดสวยและบินล่องเลื้อยลิ่วปลิวมาในอากาศอันว่างเปล่า  ครั้นมันเคลื่อนมาใกล้จึงเห็นว่ามันเป็นผ้าไหมแพรยาวประมาณหนึ่งวา   ทอขิดลวดลายเป็นรูปพญานาคทอดตัวยาวสอดพันกันอย่างที่เรียกว่า    ลายนาคเกี้ยว สีสันสวยสดและวาววับ สะท้อนแสงระยิบยามมันสะบัดโบก

            แพรวาเนื้อไหมวาววับ  ผืนนั้นสะบัดพริ้ว  บินลอยเลื่อนเคลื่อนได้เองเหมือนพรมวิเศษที่กิ่งคำปายเคยเห็นในหนังการ์ตูน

ไปกันเถิด

ยายทวดคำปลิวจับแขนกิ่งคำปาย  พาก้าวขึ้นไปยืนบนผืนผ้า   เด็กสาวทำตามทั้งยังงงๆ   แต่ก็เต็มใจ

แล้วแพรไหมเนื้อบางพลิ้ว  ก็สะบัดลอยพาสองร่างเลื่อนล่องอย่างรวดเร็ว   ผ่านดินแดนแสนสวย  ขึ้นสู่กลุ่มเมฆเบื้องสูง  และหนาวเย็น 

หนาวเย็นจนกิ่งคำปายสั่นไปทั้งร่าง  หมู่ดาวกะพริบวิบวับประดับฟ้ามองเห็นใกล้ตา  ดูราวกับจะคว้าเอามาได้

หนาวจัง  ยายทวดหนูหนาวน่ะ

เด็กสาวนักซิ่งตะโกนสุดเสียง  แต่ยายทวดกลับทำเป็นเฉยจนเธอฉุนโกรธ  และตะโกนจนก้องดังขึ้นกว่าเก่า  จนราวกับเสียงเธอดังก้องไปทั้งแผ่นฟ้านภากาศ

หนาว  หนูหนาว.....

หนาวหรือจ๊ะ  กิ่งคำของยาย  เอ้ายายจะห่มผ้าให้นะ

ผ้านวมผืนหนาที่ปกคลุมลงมาพร้อมด้วยอ้อมกอดอุ่นๆ  ทำให้กิ่งคำปาย ลืมตาขึ้น  จึงได้พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องแคบๆ  สีขาวนวลสบายตา  ภาพประดับฝาผนัง  ตะกร้าผลไม้  และแจกันประดับห้องตั้งบนโต๊ะ  เคียงข้างจอโทรทัศน์ดึงเธอกลับมาสู่โลกปัจจุบัน

คำเอย  สายใจ  สายคอของยาย

เสียงเรียกอย่างรักใคร่ห่วงใยดังอยู่ข้างหู  ไม่มีใครหรอกที่เรียกเธอว่าคำเอย  หรือสายใจ  สายคอ ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอบอุ่นอย่างนั้น  นอกจากยายสร้อยสายคำ  ที่ทั้งชีวิตมอบให้เธอผู้

เป็นหลานสาวสุดรักสุดหวงเพียงผู้เดียว

ยายเหรอ    กิ่งคำปายเอ่ยออกมาเหมือนละเมอ ริมฝีปากแห้งผากด้วยพิษไข้

ยาย ...นี่เราอยู่ที่ไหนกันคะ

มือเหี่ยวย่นสัมผัสแผ่วเบาที่ใบหน้า  ส่งความรู้สึกอบอุ่นคุ้นเคยมาให้

โรงพยาบาลจ๊ะ หนูสลบไปสามวันรู้ไหม เสียงของยายเครือๆ ด้วยความ สงสารหลานสาว   สงสารจนสุดซึ้ง

กิ่งคำปายพยายามขยับตัวอย่างลำบาก  รู้สึกปวดระบมไปทั้งร่าง  ผ้าพันแผลที่พันรอบศรีษะและแขนขา  ทำให้รู้สึกหนักอึ้ง   เคลื่อนไหวไม่ได้   ขาข้างหนึ่งแขวนโยงให้สูงขึ้นพันด้วยเฝือกขาวโพลน หนาเตอะ และตรึงแน่นอยู่กับที่   ขวดน้ำเกลือ  ขวดเลือดแขวนอยู่เหนือศีรษะ  มี

สายระโยงรยางค์  ต่อลงมาที่ตัวจนดูรุงรัง  ทำให้ต้องหลับตาลงอีกครั้งด้วยความรู้สึกเจ็บปวดทั้งร่างกาย  และจิตใจที่พึ่งนึกได้เป็นเลาๆ  ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับตัวเอง  เสียงเร่งเครื่องมอเตอร์ไซค์  เสียงตะโกนไชโยโห่ร้องของผองเพื่อน เหล่าตั๊กแตนดังอื้ออึงอลวนขึ้นมาในห้วงความทรงจำ

โมบาย  โมบายเธออยู่ไหน

ในความรางเลือน  และเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ภาพของเพื่อนรักปรากฏให้เห็น  ไปโรงเรียนด้วยกัน   ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ท่องไปด้วยกัน  สุดท้ายแม่เพื่อนรักกลับกลายร่างเหมือนล่องลอยได้ในกลุ่มควัน  ยิ้มละไม  เปี่ยมสุข  สงบเย็นเหมือนเป็นอีกคน  โบกมือไหวๆ  และห่างออกไปทุกที

โมบายคอยด้วย

เสียงผ่านริมฝีปากแห้งผากออกมาเบาๆ  แหบแห้ง  ทั้งๆ ยังหลับตา  เรียกยายสร้อยสายคำผู้นั่งเฝ้าเข้ามาชะโงกดู  เห็นยังหลับตาก็รู้ว่าหลานละเมอ

โถ..แม่คุณ  คงฝันร้ายละซี

พูดพลางควานหาจี้คล้องคอ  ตลับเงินใบจิ๋วมาใส่ในมือหลาน  แล้วภาวนาเบาๆ ขอความคุ้มครองจากของสิ่งนั้น  ซึ่งเป็นมรดกตกทอดมาจากรุ่นแม่ของสร้อยสายคำ เป็นของรักของหวงที่เก็บไว้บนหิ้งพระ  กราบไหว้บูชามาตลอดชีวิต ไม่เคยมีใครได้แตะต้อง  นี่เป็นครั้งแรกที่ยายสร้อยสายคำอัญเชิญลงมาจากหิ้ง  นำติดตัวมามอบให้  เพื่อขอให้ของดี ของฮักษาที่สถิตในตลับเงินช่วยปกป้องคุ้มครองหลานสาวคนเดียว

ตลับเงินสลักลวดลายพญานาค  ฝีมือประณีตของช่างลาวจำปาศักดิ์  บรรจุไว้ด้วยเศษชิ้นชายแพรไหม ที่เคยเป็นสไบเก่าคร่ำจนเนื้อผ้าบางขาดปรุ  ใช้ห่อเปลือกหอยตัวเล็กๆ สีเงินอมชมพูที่เรียกว่าตัว อิ่นอ้อยออยคำ และเส้นผมของเจ้านางคำปลิวนี้ เคยสถิตอยู่บนหิ้งบูชามาเกือบร้อยปี  เพิ่งมีโอกาสพ้นออกจากละอองธูป และควันเทียน  สู่กำมือน้อยๆ ของเด็กสาวนักซิ่งมอเตอร์ไซค์  ที่เป็นเชื้อสายของเจ้าของชายสไบและเส้นผมอันหอมกรุ่นด้วยกลิ่นว่านหอมผสมขมิ้น และเกสรดอกไม้

มือที่พันด้วยผ้าพันแผลกำเข้า ความอบอุ่นแผ่ซ่าน  ความเจ็บปวดจางหาย เธอลืมตาตื่น มองดูยายด้วยแววตา และใบหน้าที่แจ่มใสขึ้น

เก็บเอาไว้นะลูก เก็บไว้กับตัว  คล้องคอเจ้าไว้ตลอดเวลา ของฮักษานี้จะช่วยขจัดปัดเป่าเภทภัยทั้งปวงให้ห่างออกไปจากเจ้า

ขอบคุณค่ะยาย

น้ำเสียงนั้นแจ่มใสขึ้น ใบหน้าไม่ปรากฏร่องรอยความเจ็บปวด ทำให้ผู้เป็นยายยกชายสไบ

ลูกไม้สีขาวที่ห่มคลุมขึ้นมาแอบซับหางตา

ยายแต่งชุดขาวจะไปวัดอีกหรือคะ    เอ่ยถามเสียงเบา

ไม่หรอกจ๊ะ   ยายสร้อยสายคำตอบเสียงเครือพลางก้มลงไปเพ่งมองหน้าหลานให้แน่ใจ เห็นนัยน์ตาและใบหน้าแจ่มใสขึ้น น้ำเสียงและสีหน้าของยายก็ค่อยคลายหมอง  ยิ้มให้หลานทั้งน้ำตาแล้วเอ่ยเบาๆ ว่า

ยายแต่งชุดขาว  ถือศีลภาวนาในห้องพระที่บ้าน  สวดมนต์อ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายให้มาช่วยหนูทั้งคืน  ตื่นเช้าจึงมาที่นี่  คำภาวนาของยายเป็นผล หนูฟื้นแล้ว พูดกับยายได้แล้ว

แล้วยายสร้อยสายคำก็พนมมือขึ้น หลับตา  ทำปากหมุบหมิบพึมพำ ขอบคุณพระ ขอบคุณเจ้า ขอบคุณผีสางนางไม้ ผีไร่ ผีนา ฟ้า แถน และพระแม่ธรณี

 

ความเชื่อมากมายเหนียวแน่นยังคงครอบคลุมยายสร้อยสายคำ กิ่งคำปาย เคยชินกับพฤติกรรมแบบนี้ของยายมาแต่เล็กน้อย  เคยว่าตามยาย  เคยช่วยเก็บดอกไม้แต่งขันหมากเบ็ง(บายศรีปากชามแบบลาว)  ทุกวันพระ ทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมาต้องล้างหน้าทาแป้งแต่งตัวสวย   ตามยายไปตักบาตรรับพรจากพระด้วยจิตใจอันสดชื่น แต่เธอกลับมาต่อต้านขัดขืน ฝืนใจ ไม่อยากปฏิบัติตามอีกก็ในช่วงที่เติบใหญ่ไปโรงเรียนมัธยมนี่แหละเพราะผองเพื่อนทั้งหลายล้วนหัวใหม่  ไม่ใส่ใจวัดวา จนคิดว่าเสียงสวดพร่ำนั้นช่างน่ารำคาญ พาลหงุดหงิด ต้องหันหลังให้แล้วเดินหนี

ทุกคราวไป

แต่คราวนี้ความรู้สึกกลับต่างออกไป เสียงสวดมนต์บ่นพร่ำของยาย   เหมือนสายน้ำไหล

ชุ่มเย็นรดราดให้ผ่อนบรรเทาคลายความเจ็บปวด

 

เด็กสาวหลับตาลงอีกครั้ง ปล่อยให้สายน้ำรินไหลพัดพาความฉ่ำเย็นมาให้ ชีวิตของเธอเหมือนเด็กที่เติบใหญ่มากับคนสองยุค  ที่มีอยู่คู่กันเหมือนเส้นขนาน บ้านน้อยในสวนใหญ่ของยายแวดล้อม อบร่ำด้วยกลิ่นธูปควันเทียน อ่อนช้อย  กรุ่นละมุนชุ่มเย็น กล่อมเกลาด้วยเสียงสวดมนต์ กิจวัตรทางศาสนาข้อห้ามและพิธีกรรม ในขณะบ้านของแม่และครอบครัวใหม่ พ่อคนใหม่ น้องใหม่ของเธอปรุงแต่ง ปลุกเร้าด้วยสีสันแห่งความทันสมัย อิสรเสรี สะดวกสบาย เร่าร้อน และเร่งรีบ

น้องชายทั้งสองของกิ่งคำปายถูกเลี้ยงตามตำราสมัยใหม่ ใส่ข้อมูลเพื่อพัฒนาประสบการณ์ทางร่างกายและสมองด้วยของเล่นอันทันสมัยราคาแพงมากมาย เกมคอมพิวเตอร์  ซีดีการ์ตูน ตัวประหลาดทั้งหลายในเกมและภาพยนตร์ คือพระเจ้าองค์ใหม่ที่ครองใจพวกเขา  ในขณะที่กิ่งคำปายอยู่กับยายเพียงสองคน แวดล้อมครอบคลุมด้วยกลิ่นธูป ควันเทียน และความเชื่อแบบเก่า ตื่นแต่เช้าไปตักบาตรหยาดน้ำส่งไปให้เจ้ากรรมนายเวร

สิ่งเหล่านี้เหมือนสีขาวกับดำผสมปนเปรวมกันเป็นสีเทาขุ่นมัวในหัวใจวัยแรกรุ่นของกิ่งคำปาย  ขุ่นมัวจนหมองหมาง ไม่อยากยอมรับข้างใดข้างหนึ่ง  จึงรู้สึกเคว้งคว้างเดียวดาย บางครั้งล่องลอยไร้ทิศทางไม่มีจุดหมาย

ยิ่งโตขึ้นได้พบเพื่อนใหม่ ได้พบเห็นสิ่งแปลกใหม่มากมายในสังคม  กิ่งคำปายก็ยิ่งมองไม่เห็นตัวเอง ไม่รู้ว่าอยู่ตรงจุดไหน เหมือนวาวกระดาษบางเบา ลอยคว้างตามแรงลม พร้อมจะถูกเกาะเกี่ยวให้ขาดวิ่นแม้เพียงถูกปลายกิ่งไม้เล็กๆ สัมผัส

QQQQQQ

 

 

 

 

 

 

 

 

Tags : เอื้ยนาง วรรณกรรมเยาวชน กิ่งคำปายกับยายทวด

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view