เมื่อพระพรหมลิขิต โอภาสจึงต้องไปเป็นไกด์ที่ประเทศกัมพูชา โดยธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ

                               เมื่อพระพรหมลิขิต โอภาสจึงต้องไปเป็นไกด์ที่ประเทศกัมพูชา

                                 แต่วันนี้ เป็นเจ้าของ OSK TRAVEL  Co,Ltd.

                                                                         ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ

                ถ้าเบื้องบนลิขิตไว้แล้วจริง โอภาสถึงต้องไปบวชพระที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก อันเป็นวัดเดียวกับบุตรชายของจอมอิทธิพลแห่งประเทศกัมพูชา นายเท้ง บุญมา ที่เข้ามาบวชเรียนในเพศบรรพชิตที่นั้นด้วย พระหนุ่มสององค์เสวนากันปกติ สอบถามสารทุกข์สุกดิบ แล้วประโยคที่โอภาสเล่าว่า จำได้ไม่มีวันลืม "สึกแล้วอยากไปทำงานที่เขมรไหม" และนั่นคือคำตอบหลังสึกจากพระ  โอภาสเดินทางไปทำงานที่ประเทศกัมพูชา ด้วยเพราะไมตรี

                         คุณโอภาส จริยพฤติ เจ้าของนามปากกา ไกด์เถื่อนในพันธ์ทิพย์

                วันนี้โอภาส จริยพฤติ อายุ 37 ปี เล่าท้าวความหลังให้ฟังว่า ผมเป็นคนตลาดพลู กรุงเทพ เรียนจบบริหารการตลาด จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ทำธุรกิจเล็กๆเช่นทำนามบัตร รับพิมพ์งาน ทำกราฟฟิก และทำทัวร์นิดๆ  จนกระทั่งช่วงหนึ่งไปบวชเป็นพระที่วัดโพธิคุณ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ได้พบกับพระจากประเทศกัมพูชา ท่านเป็นบุตรของนายเท้ง บุญมา  นักธุรกิจผู้กว้างขวางของประเทศกัมพูชา และเมื่อท่านจะสึกไปก่อน ท่านถามผมว่า "สึกแล้วอยากไปทำงานที่เขมรไหม"  ผมบวชอยู่ 10 เดือนก็สึก

                                               ท้าวความหลัง ลีลาเข้ม

                เมื่อผมสึกจากเพศบรรพชิตแล้วราวๆปีพ.ศ.2544  ผมตัดสินใจเดินทางไปประเทศกัมพูชา ไปหาทิดสึกใหม่รายดังกล่าว ผมได้ทำงานโรงแรมเสียมเรียบ ได้เป็นบาร์เทนเดอร์ ได้ฝึกหัดเรียนเขียนอ่านภาษาเขมร และได้ประสบการณ์จริงจนกระทั่งสามารถพูดได้ไม่ใช่แท้ๆ แต่ก็ใกล้เคียงนะครับ ประกอบกับมีคนไทยไปทำงานที่กัมพูชาไม่น้อย จึงมีการรวมกลุ่มอยู่ด้วยกัน กินด้วยกัน นอนด้วยกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน  

                      สบายๆ  แต่เหนื่อยครับ                                     เน้นเต็มอัตราศึก

                ช่วงหลังๆ การท่องเที่ยวประเทศกัมพูชาโด่งดังมาก มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก โดยเฉพาะคนไทยเข้ามาเที่ยวกันมาก ทำให้ไกด์ที่พูดไทยได้ขาดแคลน ก็เลยมีคนมาติดต่อให้ผมไปเป็น "ไกด์เถื่อน" ไม่มีใบอนุญาต ไม่มีบัตรอะไรเลยสักอย่าง แต่เขาก็ให้ผมทำกันได้ ระหว่างนั้นผมก็ยังทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์อยู่ครับ  ช่วงนี้ ผมเริ่มรู้แล้วว่า ผมชอบประวัติศาสตร์ ผมรู้สึกได้นะครับว่า ยิ่งหาหนังสือเรื่องกัมพูชามาอ่านมากเท่าไร ผมยิ่งอยากอ่าน อ่าน...อ่าน อ่านแบบหามรุ่งหามค่ำ  ว่าอย่างนั้นได้เลยครับ 

                                       สมัยก่อนนี้ถนนไม่ดี ผมต้องยืนเกาะไปตลอดทาง

                อ๋อ บริษัทนครขอมทัวร์ ครับที่จ้างผมเป็นบริษัทแรก  เหตุผลที่จ้างผมก็เพราะว่า ไกด์เขมรที่พูดไทยได้ ถูกแฮกไป บริษัทไหนจ้างแพงทิ้งงานเลย ไปรับจ๊อบใหม่ทันที ผมก็เลยเกิดครับ นี่ถ้าเขาไม่หนีงานกันแบบนั้น ผมคงเป็นบาร์เทนเดอร์ไปจนตาย ไม่ได้เกิดในวงการนี้ ค่าตัวหรือครับ 20 USD แต่ค่าเข้าปราสาทต่างๆก็ 20  USD ผมใช้เงินค่าตัวนั่นแหละไปซื้อเข้าให้กับตัวเอง 

นั่นคือค่าตัวไม่ได้เลยสักบาท 

                     บรรยายทุกปราสาท                                            ออกไปช่วยปลุกเร้า

                แต่ผมได้ค่าทิปคราวหนึ่งคราวหนึ่งอยู่ได้สบายๆ เดือนหนึ่งหลายหมื่นบาท มีอยู่เดือนหนึ่งได้เกือบแสน โอ้โฮ ผมอยู่อย่างมีความสุขครับ  แต่แล้วเหตุการณ์เผาสถานทูตไทยก็เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2546 ผมต้องหลบอยู่แต่ในบ้าน ชาวกัมพูชาที่นี่เขาก็รู้จักผมกันเยอะมาก แต่ด้วยว่าผมรู้รูปแบบของคนกัมพูชาอยู่แล้ว ผมก็รอเวลาจนมืด แล้วเริ่มแปลงร่างเป็นคนกัมพูชา ใส่กางเกงแสล็ก   ใส่เสื้อแขนยาว  ไม่สวมแว่นตา ใส่รองเท้าทั่วไป และใส่หมวกแก็บ

           ไกด์กัมพูชา..ผู้รอดตายจากเขมรแดง                  หน้าที่ไกด์ ...ทำเองได้ทุกอย่าง

                ผมเดินทางกลับประเทศไทย กลับมาแล้วก็ขายหิน ทราย ตกแต่งสวนหย่อมไปตามเรื่อง แถวสนามหลวง 2 พุทธมณฑล พอสถานการณ์เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ผมกลับไปทำทัวร์อีก แต่คราวนี้ผมตั้งบริษัทเป็นเรื่องเป็นราว ผมขายทัวร์กัมพูชามากกว่าขายทัวร์อื่นๆ ก็ผมมีความรู้เรื่องกัมพูชามากที่สุด ผมไปมาเกือบทุกปราสาทที่ยากๆ เกาะแกร์ผมก็เป็นคนไทยคนแรกที่พาทัวร์เข้าไปท่องเที่ยว  ปราสาทพระขรรค์ ที่กำปงสวาย ผมก็เป็นคนแรกที่เข้าไปชม 9 ปีผมเชี่ยวพอตัว

                            พาไปช็อปปิ้ง                                           ชมปราสาทบันทายศรี

                ผมเคยพาทัวร์จากประเทศไทยไปเที่ยวชมปราสาทต่างๆมากถึง 300 คน แต่ผมไม่ได้ลงไปเล่นเองเลย ผมมีทีมงานกว่า 10 คน ทำงานเป็นระบบ และเป็นทีม ทุกคนรู้หน้าที่ โอย ช่วงนั้นเงินล้นครับ บางรายการนี่ผมได้กำไรถึง 500,000 บาท และมากขึ้นๆ แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ที่พระวิหาร จบชีวิตเลย จากลูกน้องในบริษัทมากกว่า 10 คน เหลือ 2 คน ผมกับคุณสายัณห์ จากลูกทัวร์ ปีละมากกว่า 3,000 คน เหลือปีละ 500 คน จากกำไรปีละ 5 ล้านบาทเหลือปีละไม่กี่แสนบาท 

                                        ความสวยงามของปราสาทบันทายศรี

                 บางคืนผมส่งลูกทัวร์แล้วก็นั่งคุยกับพวกไกด์จากประเทศไทย  ไกด์ท้องถิ่นกัมพูชา ได้ใจความว่า ในรอบ 6 เดือน เพิ่งจะออกทัวร์ เจ็บปวดจริงๆเลย ทุกวันนี้แม้ว่า ผมจะมีความรู้เรื่องกัมพูชามาก มากจนเหลือจะกล่าว มีความสนใจในหน้าที่การงาน มีความตั้งใจสักขนาดไหน มีความเพียรพยายาม มีความจริงใจกับลูกทัวร์และเพื่อนร่วมธุรกิจ มีความชัดเจนเรื่องภาษาก็อย่างว่าไม่ใช่ก็ใกล้เคียง เชี่ยวชาญเรื่องในหน้าที่ไกด์ เรื่องการแก้ไขด้วยปฏิภารไหวพริบ เพียบ

                  แต่เมื่อสถานการณ์บ้านเมืองทั้งของเราและของเขาไม่นิ่ง ผมจบชีวิตทันที 

                                       กำลังอธิบายเสริมความรู้ให้กับนักท่องเที่ยว

                 อยากไปท่องเที่ยวกัมพูชา เรียกหาผมโอภาส จริยพฤติ บริษัท โอเอสเค จำกัด

                                                      รู้ลึก  รู้จริง  และรู้ใจ

             www.oskangor.com  หรือ www.osktravel.com  E-mail: osktravel@ji-net.com

                หรือ E-mail: opas109@yahoo.com โทร.081-4386665 หรือ 02-8915014-5