http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 08/05/2024
สถิติผู้เข้าชม14,040,905
Page Views16,351,086
« May 2024»
SMTWTFS
   1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

วรรณกรรมเยาวชน :กิ่งคำปาย กับ ยายทวด โดยเอื้อยนาง ตอน5. เพื่อนรักสองเรา

วรรณกรรมเยาวชน :กิ่งคำปาย กับ ยายทวด โดยเอื้อยนาง  ตอน5. เพื่อนรักสองเรา

กิ่งคำปาย กับ ยายทวด

                                                   “เอื้อยนาง”

๕.เพื่อนรักสองเรา

ตลับเงินเปิดแง้ม   กลิ่นดอกจำปาลาว ผสมขมิ้น ว่านหอม  หอมกรุ่นละมุนโชยออกมาจากร่างของหญิงสาวในชุดผ้าซิ่นไหมตีนจกสอดดิ้นเงินพราวระยับ  ที่ปรากฏขึ้นข้างเตียงพยาบาล  ในห้องพิเศษ  แย้มยิ้ม  ดั่งดอกบัวได้รับแสงแรกแห่งดวงตาวัน  อิ่มใจกับโลกใหม่ และอิสรภาพที่ได้รับ  นัยน์ตาหวานซึ้ง คมเฉียบนั้นส่งมาปรามกิ่งคำปาย  เป็นสัญญาณเตือนว่า ให้เงียบไว้เมื่อเด็กสาวอ้างปากเหมือนอยากจะท้วงทัก   ขณะพยาบาลกำลังสาละวนอยู่กับการทำแผลให้โดยไม่มีทีท่าว่าจะเห็นร่างนั้นสักนิด

“เจ็บไหมจ๊ะ ทนหน่อยนะ ไม่เจ็บมากหรอก เก่งนี่ เก่งอย่างนี้ไม่นานคงได้กลับบ้าน...”

พยาบาลทำงานไป  พูดไป ตามหน้าที่ แต่กิ่งคำปายกลับไม่ได้ยิน มัวเพ่งพิศใครอีกคนที่เหมือนภาพซ้อนขึ้นมาจากมิติหนึ่ง ใบหน้าสวยหวานนั้นมีส่วนคล้ายแม่ และยายผสมผสาน ผมดำขลับเกล้ามวยดอกจันทน์ พันไว้ด้วยแพรสีแดงมัดขอดเป็นปมไว้ตรงกลางด้านหน้า   เพิ่มความเก๋ไปอีกแบบ   ซิ่นไหมมัดหมี่ครึ่งแข้งต่อตีนจกลงไปยาวกรอมปลายเท้า   นุ่งทับเสื้อแขนกระบอกสีนวลคาดไว้ด้วยเข็มขัดเงินลายดอกกุหลาบวาววับ  พันรอบตัวอีกชั้นด้วยผ้าสไบไหมสีเหลืองดอกบวบ  ขิดลายด้วยสีดำ และแดงดูเด่นสะดุดตา เพิ่มบุคลิกให้สวยประหลาดล้ำ

“ขอบใจที่ช่วยไขกะแจให้นะ”

สำเนียงและน้ำเสียงนั้นฟังคุ้นหูอย่างยิ่ง

“ไขกะแจหรือคะ”

คนเจ็บทำปากขมุบขมิบ พยาบาลทั้งสองสบตากันแล้วพยักหน้าให้กันอย่างเข้าใจ  คิดว่ายาที่ฉีดเข้าไปในสายน้ำเกลือออกฤทธิ์แล้ว   ทำให้คนป่วยง่วงนอนจนละเมอ   จึงพากันออกจากห้องไปเงียบๆ  และเมื่อยายสร้อยสายคำเข้ามาในห้องอีกครั้งก็เข้าใจเช่นเดียวกัน  จึงหันหลังกลับหิ้วตะกร้าหมากย่องออกจากห้องไปอีกครั้ง ทิ้งให้กิ่งคำปายหลับตาพริ้ม ยิ้มละไมคุยกับเงาร่างใครอีกคนที่เธอเท่านั้นมองเห็น

“ก็จี้ห้อยคอในมือเจ้านั้นไง เจ้าไขสลักมันออกแล้วรู้ไหม”

“หมายความว่า...”

“ใช่ข้าอยู่ในนั้น ข้าคือยายทวดของเจ้าไง”

ยายทวดหรือ....แต่ว่ายายทวดคำปลิวคนที่พากิ่งคำปายกลับมาจากที่สูงๆ จากดินแดนแสนสวย คนนั้นเป็นหญิงชรา อายุมากแล้วนี่นา  กิ่งคำปายเพียงแค่คิด ใบหน้านั้นก็เปลี่ยนเป็นเหี่ยวย่น ผมมวยดำขลับกลับหงอกขาวให้เห็นทันตา พร้อมยิ้มอวดฟันดำ แถมยักคิ้วให้นิดหนึ่งแบบคนขี้เล่น อันเป็ยบุคลิกที่สร้างความคุ้นเคยวางใจให้เกิดขึ้นกับเด็กสาวอย่างรวดเร็ว

“โอ้ย...หนูงงไปหมดแล้วค่ะ”  เด็กสาวนักซิ่งที่ตอนนี้นอนแบบเป็นคนเจ็บโอดครวญ

“มาเถอะจะพาไปดูให้หายงง”

เพียงมือสัมผัสกัน ร่างของกิ่งคำปายก็เบาโหวง ลอยออกจากเตียงปลดเปลื้องออกจากเครื่องไม้เครื่องมือมากมายรุงรัง  ก้าวโย่งๆ เหมือนไร้น้ำหนักตามติดคนในชุดประหลาดออกจากห้อง

ผ่านส่วนที่เป็นเคาน์เตอร์   ผ่านพยาบาลเวรที่กำลังนั่งก้มหน้าอ่านเอกสารในมือไปอย่างเงียบกริบ ผ่านทะลุสู่หลายห้อง  เห็นคนป่วยมากมายนอนบนเตียงเรียงราย บ้างครวญครางโอดโอย  บ้างนอนนิ่งไม่ไหวติงแพทย์พยาบาลทำงานกันขวักไขว่คร่ำเคร่ง จนมาถึงหน้าห้องคนป่วยหนัก  บุรุษพยาบาลกำลังเข็นร่างไร้ชีวิตร่างหนึ่งออกมา มีคนหลายคนคอยที่ประตูห้อง     ล้วนเป็นคนที่

กิ่งคำปายคุ้นเคย  พ่อ แม่ และน้องของโมบายนั่นเอง  รวมทั้งกรองทองแม่ของเธอเองด้วย ใบหน้าของแต่ละคนปริ่มเปื้อนด้วยคราบน้ำตา

โดยเฉพาะแม่มาลีของโมบายนั้นแทบทรงตัวไม่ได้  เด็กสาวสะกดความประหลาดใจไว้ไม่อยู่ จึงโผเข้าไปหาร่างของผู้เป็นแม่ของตนเองอย่างรวดเร็ว

“หมายความว่าอย่างไรคะแม่”

ทันทีที่กิ่งคำปายปล่อยคำถามออกมา แม่ก็หันมาตะลึงมอง อ้าปากค้างอยู่เป็นครู่ ครั้นเห็นร่างคนถามถนัด   เลยหน้าตื่นเอะอะโวยวายเสียงลั่น เดือดร้อนถึงหมอและพยาบาล  ต่างโจษขานกันไปใหญ่   ว่าคนป่วยลงมาจากเตียงเองได้อย่างไร  ใครช่วยปลดเครื่องไม้เครื่องมือ  ขาที่หัก บาดแผลตามตัว  หายเป็นปกติได้อย่างไร

“คือว่า...”   เด็กสาวพยายามอธิบาย   แต่ไม่มีใครยอมรับฟัง   ต่างแสดงอาการเดือดร้อนวุ่นวาย  บุรุษพยาบาลคนหนึ่งอุ้มร่างของเธอขึ้นบนรถคนป่วยตามคำสั่งของหมอโดยพลัน   ไม่ยอมฟังคำอธิบายของกิ่งคำปาย  พอดียายสร้อยสายคำหิ้วตะกร้าหมากวิ่งกระหืดกระหอบมา โทษตัวเองและพยาบาลเวรวุ่นวาย  จนเด็กสาวเหนื่อยใจ  คร้านจะอธิบาย  ยายทวดก็เอาแต่นิ่งเฉย  แต่อันที่จริงไม่มีใครมองเห็นยายทวดนั่นแหละ  จึงเถียงใครไม่ขึ้น  ชี้แจงใครไม่ได้  ที่สุดก็จึงได้แต่ยอมแพ้   เก็บปากเก็บเสียง ให้เขาจับตัวมานอนบนเตียงติดเครื่องไม้เครื่องมือรุงรังเหมือนเดิม

“เกิดความผิดพลาดนิดหน่อย”

                                       

ผู้มีถิ่นพำนักในตลับเงินพึมพำ   เดินไปเดินมารอบเตียงคนไข้อย่างใช้ความคิด  กิ่งคำปาย  นิ่งทำเป็นไม่สนใจ  แท้ที่จริงทั้งหู ทั้งตาคอยสังเกตอยู่อย่างสนใจ

“สนุกดี”  เธอคิดในใจตามประสาวัยรุ่นผู้แสวงหาความสะใจอย่างเธอ  และผองเพื่อนร่วมแก๊ง  แต่เมื่อคิดไปถึงโมบาย และยายทวดกลับทำให้เกิดความงุนงงสับสน

“โมบายตายแล้วหรือคะ”

“ใช่เขาไปสบายแล้ว อย่าห่วงเขาเลย”

คำตอบนั้นมาจากคนหลายคนที่รุมล้อมอยู่ข้างเตียง   รวมทั้งนายแพทย์ผู้แปลกใจนักหนาว่าคนป่วยลงไปจากเตียงได้อย่างไร   จึงต้องมีการประชุมวินิจฉัยกันใหม่โดยด่วน  แผ่นชาร์จประวัติคนป่วยถูกเรียกหามาตรวจสอบ   เครื่องไม้เครื่องมือขนเข้ามาในห้องอีก  พยาบาลวิ่งกันวุ่น  ขณะยายทวดก็กำลัง  วุ่นวาย  ครุ่นคิดแผนการของตนเองอยู่เช่นกัน

“แปลกมาก...”   คุณหมอตรวจบาดแผล  พลิกลำตัว  เคาะโน่น  เคาะนี่  ที่สุดให้นำคนป่วยไปฉายเอกซ์เรย์ กระดูกกันใหม่

“แปลกมาก”  นั่นคงเป็นทั้งคำถาม  คำตอบของหมู่คนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด   เมื่อผลการตรวจสอบแสดงว่าไม่มีอะไรผิดปกติในร่างคนป่วย   กิ่งคำปายมองหน้ายายทวดที่ยิ้มเผล่อยู่ใกล้ๆ

แอบยกนิ้วโป้งให้อย่างรู้กัน

“ดูอาการอีกวัน   ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติก็ให้กลับบ้านได้ก็แล้วกัน”

หมอบอกพยาบาลก่อนออกไปหาคนไข้รายอื่นตามหน้าที่

“สาธุ..สาธุ ช่างเป็นบุญอะไรอย่างนี้”

ยายสร้อยสายคำยกมือท่วมหัว  ขอบคุณคุณพระคุณเจ้า  เทวดา  ฟ้าแถน  พร้อมกับบนบานศาลกล่าวยาวเหยียดไม่หยุดปาก  สรุปก็คือเมื่อหลานสาวกลับถึงบ้านแล้วจะต้องมีการจัดงานใหญ่โตบายศรีสู่ขวัญ ปลอบจิตปลอบใจให้คลายหมอง

“ คงจะต้องมีหมอลำ มาประชันวงโปงลางเป็นการแก้บน”

ยายสร้อยสายคำวางแผน  ยิ้มแป้นแสนดีใจ  แต่หลานสาวกลับพะวงมองหาแต่คนที่ไม่มีร่างที่มาปรากฏตัวเดี๋ยวเดียว  เดี๋ยวมา เดี๋ยวไป  แล้วสุดท้ายก็หายไปเลยได้ยินแต่เสียงแว่วๆ ว่าขอเวลาสักเดี๋ยวแล้วจะกลับมาพำนักในตลับเงินจี้ห้อยคอเหมือนเดิม

เรื่องกลับไม่ใช่ง่ายอย่างที่ยายสร้อยสายคำคิดวางแผนไว้   เพราะเมื่อหลานสาวคนเดียวรอดตายกลับบ้านแล้ว  กลับมีเหตุอื่นให้ต้องวุ่นวาย  กินไม่ได้ นอนไม่หลับกันทั้งบ้านอีก  เมื่อพ่อของ

โมบายไม่ยอมให้เรื่องยุติ   เพราะถือว่ากิ่งคำปายเป็นคนขับมอเตอร์ไซด์  พาลูกสาวคนเดียวของเขาไปตาย

“ทำให้คนตายโดยประมาท จะต้องติดคุก”

นั่นคือข้อกล่าวหาที่ยายสร้อยสายคำอยากจะเป็นลมแล้วเป็นลมอีก  เป็นลมเป็นแล้งแล้วพัดหายละลายไป  จะได้ไม่มารับรู้ความทุกข์ที่หลานจะได้รับ

“ยายคะ  หนูอยากไปงานศพโมบาย หนูอยากเห็นเขาเป็นครั้งสุดท้าย อยากรู้ว่าเขาตายจริงหรือ”   กิ่งคำปายผู้หลาน กลับคิดไปอีกอย่างคนละทางกับยาย

“โอ้ย..โผล่หน้าไปเมื่อไหร่  พ่อเขาจะได้จับเอาตัวไปเข้าคุกนะซี  นี่ก็ได้ข่าวว่าเขาประกาศต่อหน้าใครๆ ทั้งงาน  ว่าเสร็จงานเมื่อไหร่จะมาลากตัวไปให้ตำรวจ”

ยายพูดแล้วมองหน้ามองหลัง  ก่อนลุกไปล็อคประตูให้แน่ใจว่าไม่มีใครเปิดเข้ามาในบ้านได้  สามวันที่ออกจากโรงพยาบาลมา  กิ่งคำปายก็ถูกขังไว้ในบ้าน ไม่ให้ออกไปไหน ไม่ให้ใครพบหน้า  แม้แต่โทรศัพท์ก็ถูกห้าม  นอกจากยายแล้วก็มีแต่แม่กรองทองเท่านั้นที่ได้พบ  วันละครั้งเอาอาหารการกินมาให้  เอาข่าวคราวมากระซิบบอก

“เราเป็นคนตระกูลเก่า  เชื้อเจ้าเมืองรู้ไหม  ทำอะไรต้องคิดเรื่องหน้าตา”

หน้าตา  ชื่อเสียง  เป็นเรื่องสำคัญที่ร้อยรัดชีวิตของสมาชิกในครอบครัวนี้เสมอมา และโดยเฉพาะลูกหลานที่เป็นผู้หญิงด้วยแล้วยิ่งถูกสายบังเหียนแห่งเกียรติยศชื่อเสียงนั้นผูกมัด รัดรึงและบีบบังคับไว้ให้เดินตามมาตลอดหลายชั่วอายุคน

“ลูกผู้หญิงในตระกูลเราต้องงามชื่อ  งามช้อย  เรียบร้อยสวยสม  จึงจะมีผู้ชายที่ดีมีเกียรติเสมอกันมาเกี่ยวดอง ครองรัก และจะได้ช่วยกันรักษาชื่อเสียงวงศ์ตระกูลให้เกรียงไกรตลอดไป”

ยายยังกำชับกำชา  แม้ว่าจะสงสารหลานนักหนาที่ต้องมาเจ็บปางตาย  หน้าที่ของลูกผู้หญิงจะทอดทิ้งไม่ได้  ต้องแบกรับไว้แม้ตัวเองต้องตาย

เพราะยายมีบทเรียนมาแล้วในรุ่นลูก  จึงไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยในรุ่นหลาน

สร้อยสายคำมีลูกสาวสองคน คนหนึ่งคือแม่กรองทองของกิ่งคำปาย  ที่มีความหลังไม่งามนัก  แต่ยังโชคดีที่สามารถเรียกชื่อเสียงหน้าตาคืนกลับมาได้   เพราะได้แต่งงานกับชายหนุ่มผู้เป็นคนมีระดับเทียบเท่าเจ้าเมือง  แต่ลูกสาวคนโตนั่นซีกลับมีสามีเป็นคนต่างด้าวเป็นท้าวต่างแดน  และติดตามเขาไปอยู่ยังประเทศออสเตรเลียอันแสนไกล  ทำให้ยายสร้อยสายคำสุดแสนสลด หดหู่จนกลายเป็นโกรธกรุ่น  พานไม่พูดถึงเธอผู้นั้นอีกเลย  ทั้งๆฝ่ายลูกสาวสองพี่น้องยังติดต่อถึงกันสม่ำเสมอ

“ลูกผู้หญิงเป็นเหมือนพวงมาลัยเกียรติยศสำหรับวงศ์ตระกูล รู้ไหม ถ้าทำตัวไม่ดีไม่มีค่าก็เป็นได้แค่มาลัยเปลือกหอย”

ดังนั้น  เพื่อชื่อเสียงเกียรติยศของวงศ์ตระกูล กิ่งคำปายจึงต้องถูกขังไว้ในบ้านก่อน จนกว่าเรื่องราวจะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น

“ ท่านนายอำเภอกำลังหาทางที่จะเจรจากับฝ่ายนั้นเขาอยู่  เราคงต้องใช้ทั้งเงินและบารมีของเขาให้ฝ่ายนั้นยอมความ”

กรองทองกระซิบบอกแม่  เมื่อนำอาหารและสิ่งจำเป็นต่างๆ  สำหรับยายหลานมาให้ในตอนเย็นของวันที่สาม   มาถึงวันนี้คนเคยเป็นเพื่อนรักเพื่อนซี้ก็กลายเป็น “ ฝ่ายนั้น”ไปเสียแล้ว  การต่อสู้ห้ำหั่นด้วยชั้นเชิงจะต้องมีขึ้นเพื่อคนที่ตนรักของทั้งสองฝ่าย

เมื่อฝ่ายนั้นประกาศว่า   คนหนึ่งตายไปแล้ว   คนที่ยังอยู่ก็ต้องชดใช้   ฝ่ายนี้จึงต้องคิดหาประตูสู้

“โธ่..แม่มาลีก็เป็นเพื่อนแกแท้ๆ เขาไม่น่าเอาเป็นเอาตายขนาดนั้น”   ยายสร้อยสายคำใช้มือทาบอกตัวเอง  เหมือนจะคลำดูว่าหัวจิตหัวใจไม่ได้หล่นหายไปไหน

“ก็มาลีเขากำลังเสียใจ”  กรองทองทำท่าเหมือนเห็นใจ แต่ครั้นนึกอะไรได้ก็เปลี่ยนน้ำเสียง

ทันที มองหน้ามองหลังทั้ง ๆ ไม่มีใครเลย  ก่อนกระซิบกับแม่ว่า

“ นี่...แม่รู้ไหมยัยโมบายน่ะมีท้องด้วย  เด็กมันตายทั้งกลม  มาลีเขาแทบช๊อคเลยที่รู้เรื่องนี้” พูดถึงแค่นี้กรองทองก็เปลี่ยนสีหน้าและน้ำเสียงเป็นมีความหวังขึ้นทันที   “ เหตุผลนี้แหละจะทำให้ง่ายขึ้นสำหรับฝ่ายเรา”

โมบายมีท้องหรือ...กิ่งคำปายตกตะลึงกับข่าวนั้น   ส่วนยายสร้อยสายคำใช้มือทาบอกทำปากขมุบขมิบ

โมบายที่เพิ่งผ่านมัธยมต้นมาเมื่อปีกลาย นะหรือจะเป็นแม่คนมีผลผลิตอยู่ในท้อง

โอนอ..มะม่วงต้นเล็กที่ริมสวน   เจ้าถูกติดตาต่อกิ่ง เพิ่มปุ๋ยเร่ง

ให้แตกยอด  ถอดดอก  ออกผลเร็ววัน ทันกินทันใจ

ตั้งแต่รากของเจ้ายังไม่ฝังแน่นแผ่ขยาย

ลำต้นของเจ้ายังไม่เติบโตใหญ่ แข็งแรงเพียงพอจะแบกรับน้ำหนัก

เพื่อจะพยุงลำต้น กิ่งใบของเจ้าไว้ได้ด้วยซ้ำ

เพียงสายลมแผ่วพัดผ่าน ก็พร้อมหักโค่นโยนทิ้งทั้งกิ่งใบและดอกผลไปแล้ว

“ ใช่โมบายมีท้อง”   กรองทองไม่ได้บังคับเสียงของตนเองให้เปล่งออกมาแบบเมตตาและเห็นใจเหมือนตอนพูดอยู่กับคนอื่นๆ ที่ซึ่งต้องรักษามรรยาท ทุกคำพูดที่เจรจาพาทีออกไปต้องดำรงไว้ซึ่งบุคลิกแห่งความเป็นคุณนาย นายอำเภอผู้มีแต่เมตตาปรานี น้ำเสียงตอนนี้จึงมีแววหยามเหยียดดและสะใจอยู่ในที

“โมบายมีท้อง  ดังนั้นเขาอาจตายเพราะแท้งลูก และตกเลือดมากก็ได้ นั่นคือผลดีของฝ่ายเราไงล่ะแม่ ถ้าเราเอาเหตุผลนี้ขึ้นมาต่อสู้ พ่อแม่เขาต้องยอม เพราะเขาพยายามปิดปากเงียบอยู่แล้ว เขาไม่อยากให้ใครๆ รู้ ไม่อยากประจานลูกสาวหรอก  ถึงแม้จะตายไปแล้วก็ตามเถอะ นี่หละผลของการเลี้ยงลูกแบบปล่อยปะละเลย และตามอกตามใจ เด็กวัยรุ่นสมัยนี้ถ้าผู้ใหญ่รู้ไม่ทัน เขามีอะไรๆที่จะทำโดยผู้ใหญ่ไม่รู้ออกมากมาย”  กรองทองยิ่งพูดก็ยิ่งเหมือนสะใจพูดเลยเถิดจนลืมตัว ลืมว่าคนที่พูดถึงคือเพื่อนของตน และของลูกสาวตนด้วย

กิ่งคำปายที่แอบฟังอยู่ถึงกับวิ่งเข้าห้องแล้วปิดประตู กระโดดขึ้นบนเตียงแล้วหลับตา มือกุมจี้ที่ห้อยคอขอพบเจ้าของที่สิงสถิตอยู่ในนั้น  แม่กรองทองของเธอยังเป็นคนเดิมที่รักและปรารถนาดีต่อลูกเสมอ  พร้อมจะจัดการทุกอย่างเพื่อลูกไปตามแนวคิดของตน โดยไม่เคยถามว่าลูกต้องการหรือไม่   แม่เป็นคนคล่องแคล่วเข้มแข็ง  เป็นนักจัดการ  แม้ยายสร้อยสายคำผู้เป็นแม่ก็ยังยอมแพ้ให้แก่ลูกสาว

เด็กสาวนั่งนิ่ง  อยากปิดหูปิดตา  ไม่อยากรับรู้ปัญหาที่แม่กับยายกำลังช่วยกันจัดการ

สิ่งเดียวที่เรียกร้องร่ำหาตอนนี้คือใครคนหนึ่งซึ่งไม่มีตัวตน   แต่ใครคนนั้นเป็นที่พึ่งสุดท้าย   เหมือนเป็นฟางเส้นหนึ่งไหลลอยมาตามน้ำให้นกน้อยที่เปียกปอนนเพราะตกน้ำร่างล่องลอยไปตาม

ยถากรรมได้เกี่ยวไว้  เกาะพยุงตัว  เธอจึงนั่งนิ่งไม่ติงไหวพยายามทำสมาธิอยู่เป็นเวลานาน เพื่อเรียกหายายทวด  แต่ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น

ทำไหมหนอ  ยายทวดหายไปไหน ยายทวดมีจริงอยู่หรือเปล่า   หรือว่าตัวเองแค่ฝันไปในขณะร่างกายป่วยไข้   จริงๆ แล้วไม่มียายทวดหรอก

แล้วทำไมจึงหายป่วยราวปาฏิหาริย์  กลับมาบ้านได้ในเร็ววัน  จะต้องไม่ใช่ความฝันแน่ๆ เรื่องยายทวดก็มีอยู่จริง  ยายสร้อยสายคำก็บอกอยู่แล้วว่า  ตลับเงินใบจิ๋วเก่าคร่ำที่ห้อยอยู่ที่คอนี่ไงงคือพยาน หลักฐาน ใครๆ ทั้งตระกูลก็รู้ว่ามันเป็นของยายทวด หลายคนออกจากกลัวๆ ไม่กล้าแตะต้อง บางคนไม่กล้าแม้แต่จะมองตรงๆ ด้วยซ้ำ

“ยายทวด  ยายทวดอยู่ไหน...”

เด็กสาวกุมจี้ห้อยคอแน่นแล้วพูดกับจี้ ย้ำเรียกหา “ยายทวด  ยายทวดจ๋า  ไปอยู่ที่ไหน  ทำไมไม่ตอบคำ  หา...หา...ทำไม  ทำไม”

พูดไปสะอื้นไป  แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จึงละความพยายามอีกครั้ง ทิ้งตัวลงนอนกลิ้งเกลือก ตีอกชกตัว  แล้วตะโกนก้องร้องกู่ระบายความกลัดกลุ่มที่สุมอยู่ในทรวง จนมีเสียงเคาะประตู และผู้อยู่ข้างนอกร้องถามเข้ามาเบาๆ  อย่างเกรงอกเกรงใจ

“คำเอ้ย...เป็นอะไรไปหรือเปล่าลูก....”

นั่นแหละเจ้าของห้องจึงเปิดประตูโผล่หน้าแดงก่ำ ผมเผ้ายุ่งเหยิงออกมาให้ยายอ้าปาก

ค้างราวกับเห็นสัตว์ประหลาด  ก็เลยยิ่งทำให้หลานคลั่ง พอดีได้ยินเสียงรถยนต์ของแม่กำลังสตาร์ทเครื่องเคลื่อนออกไป  จึงผลุนผลันดันประตูออกไป พลางร้องตามให้หยุด

“แม่รอหนูด้วย  หนูจะไปหาโมบาย”

แต่ช้าไปเสียแล้ว  รถยนต์คันงามของแม่จากไปลิบๆ  ทิ้งไว้แต่ฝุ่นควันให้ลูกสาวสูดเอาเข้าจมูกเข้าปากขณะวิ่งตาม ไม่นำพาว่าผู้เป็นยายพาร่างแก่หง่อมวิ่งกระหย่องกระแย่งตามมา

“ กลับมาก่อนลูกอย่าออกไป”

ร่างเพรียวสมส่วนยังอยู่ในชุดอยู่กับบ้าน  แต่ไม่สนใจสิ่งใดแล้ว  ออกจากประตูรั้วได้ก็วิ่ง ๆ  .... วิ่ง  ไม่คิดชีวิต  มีรถสวนมาบีบแตรดังลั่น  แต่หูนั้นกลับอื้อไม่ได้ยินเสียงใด  ตาก็ออกจะลายมองไม่เห็นหนทาง  แต่ขาเจ้ากรรมยังคงพาวิ่ง  วิ่งจนหมดแรงล้มลง   ก็มีมือเย็นๆ ยื่นมาพยุงให้ลุกขึ้น

เป็นมือเหี่ยวๆ  แต่แข็งแกร่งและอบอุ่น มีพลังประหลาดนั้นอีกแล้ว

“ ยายทวดหรือ” กิ่งคำปายละล่ำละลักถามไป แม้จะดีใจแต่ก็ยังไม่วายต่อว่าต่อขาน

“ไปอยู่ไหนเพิ่งมา หนูเรียกหาสามวันสามคืน หนูถูกขังอยู่ในบ้าน หนูจะติดคุก หนูทำให้โมบายเขาตายจริงหรือ...ฮื่อ...ๆ...ๆ”

คำพูดหลั่งไหล สุดท้ายร้องไห้แทบขาดใจ แต่ฝ่ายนั้นกลับยังยิ้มเย็น  มองมาด้วยนัยน์ตาขี้เล่น สนุกเขาละซี ที่มีคนร้องไห้เรียกหา

ก็นั่นละคือ ยายทวดของกิ่งคำปายแท้ๆ ที่มีแต่ยั่วโมโหคนนั้นแหละ

QQQQ

Tags : เอื้อยนาง OUYNANG วรรณกรรมเยาวชน กิ่งคำปายกับยายทวด

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view