ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร
“พอแพง”
เป็นความเชื่อดั้งเดิม ของคนในแถบสุวรรณภูมิมาแต่โบราณ ในการจะปลูกบ้านแปงเมือง ลงหลัก ปักเสา จะต้องมีพิธีการยกเสาเอก เสาหลักบ้าน หลักเมือง เป็นเสาที่ผ่านการทำพิธีปลุกเสกเอาสิริมงคล บอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางให้ปกปักรักษา ขอความคุ้มครองให้อยู่เย็นเป็นสุข เพราะเชื่อว่า ทุกสถานที่ล้วนมีเจ้าของ มีผี มีเจ้า มีเทวดาสิงสถิต ไม่ว่าจะเป็นหัวไร่ ปลายนา ป่า เขา ลำเนาไพร แม่น้ำ ห้วย หนอง คลอง ทะเล แม้แต่ต้นไม้ใหญ่ก็จะมีรุกขเทวดาสิงสถิตอยู่ประจำ
หลักเมือง เป็นหลักไม้ที่ผ่านการทำพิธีศักดิ์สิทธิฝังไว้กลางใจเมือง หรือหมู่บ้าน ในเมืองใหญ่จะมีการสร้างศาลเป็นที่ประดิษฐานหลักเมือง เรียกว่าศาลหลักเมือง ซึ่งทำจากต้นไม้สิริมงคลที่มีอายุมากๆ เชื่อว่าเป็นที่สิงสถิตของรุกขเทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ ก่อนตัดโค่นต้องจัดเครื่องบัตรพลีสังเวยบอกกล่าวขออนุญาต อัญเชิญท่านไปสถิตเป็นหลักชัย คุ้มครองปกปักรักษาผู้อยู่อาศัยชาวประชาและบ้านเมือง
มณฑปศาลหลักเมืองกรุงเทพ
ด้วยธรรมเนียม และความเชื่อนี้ แรกที่สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชได้โปรดเกล้าฯ ให้กระทำพิธียกเสาหลักเมืองเมื่อวันอาทิตย์ เดือน ๖ ขึ้น ๑๐ ค่ำ ตรงกับวันที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ.๒๓๒๕ เวลา ๖.๔๕ นาฬิกา พิธีนี้เรียกว่า “พระราชพิธีนครฐาน” โดยใช้ไม้ชัยพฤกษ์เป็นเสาหลักเมืองประกับด้านนอกด้วยไม้แก่นจันทน์ มีเส้นผ่าศูนย์กลาง ๒๙ เซนติเมตร สูง ๑๘๗ นิ้ว ฝังลงดิน ๗๙ นิ้ว พ้นเหนือดิน ๑๐๘ นิ้ว มียอดรูปดอกบัวตูมลงรักปิดทอง ภายในเป็นช่องบรรจุดวงชะตาเมือง
เสาหลักเมืองกรุงเทพ
ปัจจุบันบริเวณที่ตั้งศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร คือบริเวณใกล้พระบรมมหาราชวัง ถนนหลักเมือง แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร สถิตสถาพรเป็นศูนย์รวมความศรัทธา เป็นที่สักการบูชาของปวงชนทุกหมู่เหล่ามาจนชำรุดทรุดโทรมตามกาลเวลา ในสมัยรัชกาลที่ ๔ พระบาสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้าฯให้สถาปนาเสาหลักเมืองต้นใหม่โดยใช้แก่นไม้สักประกบนอกด้วยไม้ชัยพฤกษ์ ๖ แผ่น ตั้งอยู่บนฐานเป็นแท่นกว้าง ๗๐ นิ้ว มียอดเสาทรงมัณฑ์บรรจุดวงชะตาเมือง มีการสร้างศาลหลักเมืองใหม่ตามแบบอย่างศาลหลักเมืองกรุงศรีอยุธยา
มีตำนานเล่าถึงพิธีฝังเสาหลักเมืองเล่าสืบต่อกันมาตั้งแต่สมัยอยุธยาว่า พิธีสร้างพระนครต้องทำพิธีฝังอาถรรพ์ ๔ ประตูเมืองโดยฝังร่างคนทั้งที่ยังเป็นๆ ๔ คนที่มีชื่อ อิน จัน มั่น คง ลงในหลุมทำพิธีกลบฝังเพื่อให้วิญญาณคนทั้ง ๔ อยู่เฝ้าหลักเมือง เฝ้าประตูเมือง เฝ้าปราสาท คอยคุ้มครอง และป้องกันอริราชศัตรู (อ้างจาก วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี)
เทพารักษ์ทั้งห้า
ต่อมามีการปฏิสังขรณ์ศาลหลักเมืองอีกหลายครั้ง โดยมีการซ่อมแซมครั้งใหญ่ให้สวยงามบริบูรณ์ ก่อนการฉลอง ครบ ๒๐๐ ปี กรุงเทพมหานคร พ.ศ.๒๕๒๕ มีการสร้างซุ้มสำหรับประดิษฐานเทพารักษ์ทั้ง ๕ คือ พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระกาฬไชยศรี เจ้าเจตคุปต์ และเจ้าหอกลอง
พระเสื้อเมือง ทรงทำหน้าที่คุ้มครองป้องกันภัยทั้งทางบกและทางน้ำ รักษาบ้านเมืองให้ร่มเย็นเป็นสุขปราศจากอริราชศัตรูมารุกราน
พระทรงเมือง ทรงทำหน้าที่ดูแลทุกสุขของปวงชนให้ร่มเย็นเป็นสุขสวัสดี
พระกาฬไชยศรี และ เจ้าเจตคุปต์ ทรงทำหน้าที่เป็นบริวารพระยม
เจ้าหอกลอง ทรงทำหน้าที่รักแผ่นดินในเวลาย่ำรุ่ง ย่ำค่ำ และเที่ยงคืนเป็นต้นไม่ให้มีเหตุเภทภัยในพระนคร
ละครชาตรีแก้บนและดนตรีไทยบรรเลง
ปัจจุบันศาลหลักเมืองได้รับความศรัทธาจากปวงชนทั่วสารทิศ ทุก ๆ วันมีผู้คนหลั่งไหลมาสักการบูชาขอพรขอบุญบารมีปกป้องคุ้มครอง มีสิ่งให้ผู้ศรัทธาได้ทำบุญนำโชคชัย เช่น พระประจำวันเกิด องค์พระสำหรับยกเพื่อเสี่ยงทาย ตั้งจิตอธิษฐาน มีบริการธูป เทียน แผ่นทอง พวงมาลัย ดอกไม้ และผ้าสีสดใสสำหรับผูกเสา ตามศัรทธา ซึ่งมีการสร้างศาลหลักเมืองจำลองไว้ด้านนอกให้จุดธูปเทียนสักการบูชาก่อนเข้าไปไหว้องค์จริงด้านใน เมื่อสมปรารถนาก็มักมาแก้บนที่ได้อธิษฐานไว้ เช่นมีละครชาตรีแก้บน 1 วัน หรือ 3 วัน ตามแต่ศรัทธา
การเดินทางไปสักการศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร สามารถทำได้ไม่ยากเพราะตั้งอยู่ตรงกันข้ามกับวัดพระแก้วที่ใคร ๆ ก็รู้จัก หรือหากใครมีโอกาสไปเดินที่สนามหลวงก็อยู่ไม่ไกลนัก ตรงหัวมุมทางด้านพระราชวัง เดินข้ามถนนไปทางที่ตั้งกระทรวงกลาโหมก็พบศาลหลักเมืองได้ทันที .