http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 08/05/2024
สถิติผู้เข้าชม14,043,115
Page Views16,353,389
« May 2024»
SMTWTFS
   1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

ประเพณีการแต่งงาน :เมื่อความรักสุกงอม โดยป่าน ศรนารายณ์ เรื่อง // ภาพ-พี่โบว์

ประเพณีการแต่งงาน :เมื่อความรักสุกงอม           โดยป่าน ศรนารายณ์ เรื่อง // ภาพ-พี่โบว์

                  

                               ประเพณีการแต่งงาน:เมื่อความรักสุกงอม

                                                                          ป่าน ศรนารายณ์ เรื่อง//ภาพ-พี่โบว์

 

                  เมื่อความรักสุกงอม หนุ่มเหน้าสาวสวยมักลงเอยที่งานแต่งงาน จุดเริ่มต้นของชีวิตคู่ที่ไตร่ตรองอย่างเข้มข้น แม้ต้องเสี่ยงเหมือนซื้อหวย ผิดหรือถูก นั่นเป็นเรื่องของคนสองคนที่ต้องเดินทางไปคู่กัน อาจสิ้นสุดที่ได้ถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร หรืออาจสิ้นสุดที่การแยกทางกันเดิน แล้วต่างไปร่วมเดินทางใหม่อีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตาม วัฒนธรรมประเพณีที่ดีงามและแสนสวยเช่นงานแต่งงานนั้น มันช่างมีมนต์ขลังที่ใครๆก็ปรารถนา คุณล่ะ ตัดสินใจหรือยัง

                         เหลนสาวน่ารักมากๆ                                  เสียงเพลงไพเราะขับกล่อม

              ป่านอายุกว่า 30 ปี ไม่มากแต่ก็ไม่น้อยแล้วค่ะ แม้วันนี้จะยังไม่มีใครเข้ามาเกี่ยวมาเกย ไม่เคยมีใครมาชวนนอนหนุนแนบเขนย แต่ก็ไม่ได้กังวลจนเป็นทุกข์ รู้นะคะว่า พระพรหมเบื้องบนท่านลิขิตไว้แล้ว(หวังอยู่) คงมีสักวันที่จะเดินทางมาบรรจบพบรักกัน แต่จะนานแค่ไหน จะห่างไกลกันสักเพียงใด ขอเพียงเมื่อวันนั้นก้าวผ่านกาลเวลามาถึง ป่านคงยอมรับด้วยความสุขใจเหมือนกับงานวิวาห์คืนนี้ ที่น้องชายของป่านได้ร่วมเรียงเคียงหมอนกับ "คนที่เขาร่วมกันตัดสินใจ" 

            คุณลุงช่วงชัย เปาอินทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรีคล้องพวงมาลัยบ่าวสาว

              งานแต่งของน้องชายป่านคนนี้ ทำให้ป่านอยากเขียนเรื่องวัฒนธรรมประเพณีการแต่งงาน อันเป็น "งานมงคล" ที่ดีงามและสืบสานต์กันมายาวนาน แต่ป่านไม่รู้จริงๆว่ามีมาแต่ครั้งกรุงสุโขทัย หรือกรุงศรีอยุธยา หรือว่ากรุงรัตนโกสินทร์ หรืออาจเป็นเพราะว่าป่านยังค้นคว้าไม่ถึง แต่อย่างไรก็ตาม ป่านอยากเล่าเรื่องราวโดยสังเขปสักนิดหน่อยว่า มีพิธีการตามวัฒนธรรมไทยๆมีดีอย่างไรบ้าง

              ถือว่าเป็นเกร็ดความรู้ก็ได้ค่ะ  รู้ไว้ใช่ว่าก็ได้ หรือเป็นบทเรียนก่อนวิวาห์ก็ได้อีกละค่ะ

                    

                                                กล่าวอวยพรให้กับหลานศิรา-ศิวาพร

              แม่เล่าให่ป่านฟังนะคะว่า เมื่อเก่าเล่ามาแต่ก่อนนั้น สังคมชนบทของชาวไทยหากชายจะได้พบหญิงแล้วต้องอาศัยไปทำบุญวันพระ  ทอดผ้าป่า ทอดกฐิน งานเทศกาลวันลอยกระทง  งานวันสงกรานต์ฯลฯ อันถือกันว่า พ่อแม่มักปล่อยให้ลูกๆที่เป็นหนุ่มสาวได้ประสบพบพักตร์กัน  ได้สานสัมพันธุ์ฉันท์เพื่อนบ้าน หรือต่างบ้าน แต่ด้วยวัฒนธรรมประเพณีดีงามของคนไทย จึงไม่มีการล่วงละเมิดเกินเลย หากสบตาต้องใจก็มักขอให้พ่อแม่มาสู่ขอ "เข้าตามตรอกออกตามประตู"

                     

                               คุณพ่อคุณแม่เจ้าบ่าวและคุณแม่เจ้าสาวร่วมอวยพร...ดีใจๆ

               "แม่พบพ่อวันสงกรานต์ พ่อมาจากหมู่บ้านใกล้เคียง เมื่อเล่นมอญซ่อนผ้าก็สนิทสนมกันมากขึ้น เพียงแค่ได้พบกันตามงานสองสามครั้งพ่อก็ให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอ  อ๋อ..คนอื่นเขาให้เฒ่าแก่มาสู่ขอ แต่คุณปู่กับคุณย่าของลูกมาสู่ขอด้วยตนเอง"  แม่เล่าความหลังแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แม่คงมีความสุขเมื่อนึกถึงพ่อที่เสียไปแล้วหลายปี พ่อปานหล่อด้วยนะคะ

                   

                                              แววหวาน.....วันวิวาห์ศิวาพร-ศิรา

              "คุณตากับคุณยายของหนูเรียกค่าน้ำนมแค่ สองหมื่น เป็นสินสอด ส่วนทองหมั้นก็แค่ห้าบาทเท่านั้น ตอนนั้นทองบาทละ 350 แต่ก็เยอะนะสมัยนั้น" แววตาของแม่ดูช่างสุขสมนัก

              "งานแต่งของแม่รวบรัดประหยัดเยอะ ตักบาตรหลวงพ่อเจ้าอาวาสองค์เดียว ท่านทำน้ำมนต์ให้มาขันหนึ่ง พร้อมกับกล่าวว่า "ถือเอาฤกษ์สะดวกดีที่สุด" แล้วพอสายๆก็มีการแห่ขันหมากมาหมั้นพร้อมกับขันหมากแต่ง ใช้น้ำมนต์ของหลวงห่อนั่นแหละเป็นน้ำสังข์ให้แขกเหรื่อเข้ามาหลั่งน้ำสังข์อวยพร พ่อกับแม่ยกสำรับผ้าไปไหว้ญาติผู้ใหญ่ที่มารับไหว้ด้วยซองเงิน หลังจากเสร็จพิธีก็มีการเลี้ยงอาหารกลางวันแขก  อิ่มหนำสำราญกันแล้วก็ทำพิธีส่งตัวเจ้าสาวให้เจ้าบ่าว  งานของแม่เป็นแบบ"วิวาหมงคล" แต่งแล้วพ่อต้องมาอยู่กับแม่ที่บ้านคุณตาคุณยาย ก็บ้านเรานี่แหละจ้ะ"

                     

                                             ห้าพี่น้องบันทึกภาพกับเจ้าบ่าวเจ้าสาว

               "อาบุญกับอาพรรณ เป็นคนทำพิธีปูที่นอนและส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาว พ่อนอนรอบนเตียง แม่ต้องกราบเท้าพ่อก่อนขึ้นไปนอนเคียง อาทั้งสองอวยชัยให้พร"

               "แม่จำได้ไหม อาอวยพรว่าอะไรคะ" ป่านอดใจไม่ไหว เอ่ยปากถาม

               "จำได้ซิลูก อาบุญพูดสั่งสอนว่า  ขอให้เย็นเหมือนฟัก  ขอให้หนักเหมือนแฟง  ให้อยู่เรือนเหมือนก้อนเส้า  ให้เฝ้าเรือนเหมือนแมวคราว(แมวตัวผู้ที่ชรา)" แม่ท่องเหมือนสวดมนต์เลย

               "แต่คุณปู่หนูน่ะเป็นคนเมืองเหนือ อวยพรตอนพ่อกับแม่ยกสำรับผ้าไปไหว้แปลกหน่อย"

                     

                                                           คุณลุง...และลูกหลาน                                            

               "ปู่อวยพรด้วยคติง่ายๆ เหมือนเป็นทำนองการครองเรือน "อย่าอู้(พูด)ความเก่า อย่าเล่าความหลัง" ก็เหมือนว่าอย่าฟื้นฝอยหาตะเข็บอะไรทำนองนั้น พ่อกับแม่เมื่อทะเลาะกันทีไร ก็เลิกรากันคราวนั้น ไม่เคยยกคำเก่ามาเล่ายอกย้อนอีกเลย จนพ่อหนูจากไป แม่ก็ยังจำได้เสมอ" แม่เสียงเครือเมื่อเล่าถึงความดีงามของพ่อและคำสอนของคุณปู่ 

                             

                                                        น่ารัก...ก็คือน่ารัก                                                      

               "ส่วนการแต่งอีกแบบหนึ่งคือ การแต่งงานแบบอาวาหมงคล อันเป็นการแต่งงานที่ตกลงกันว่าเมื่อแต่งแล้ว ฝ่ายหญิงจะต้องไปอยู่กับฝ่ายชาย  แต่เดียวนี้ไม่มีแล้วลูก แต่งแล้วก็ไปเช่าห้องคอนโดหรืออพาร์ทเม้นท์อยู่กันเอง ก็อิสระดี เพราะว่าทุกคนต้องทำงาน และมีความเป็นส่วนตัวดีเหมือนกัน ไม่ใช่ครอบครัวขยายเหมือนอดีตแล้ว ประกอบกับสิ่งแวดล้อมของสังคมเปลี่ยนไปเยอะ วัฒนธรรมประเพณีต่างๆก็หมุนเวียนเปลี่ยนตามกาลเวลาไป" แม่เล่าเสริมความอยากรู้

               "แต่งแล้วแยกเรือนไปเลย  อย่างนี้ก็ไม่ใช่ทั้งอาวาหมงคลและวิวาหมงคลซิแม่" ป่านอดถามไม่ได้จริงๆ

                                    

                                                              คนเดียวร้องทั้งงาน

               "โอย สมัยก่อนยิ่งกว่านี้นะลูก เขาเรียกว่า "วิวาห์เหาะ"(พากันหนีหรือหนีตามกันไป) เพื่อนแม่ก็วิวาห์เหาะไปหลายคน บางคู่ก็อยู่กันไม่ยืด บางคู่ก็อยู่กันยาว แต่สมัยลูก น่าจะเรียกว่า วิวาห์ลัดวงจรนะ" แม่หัวเราะ แม่เห็นป่านทำทีสงสัยก็เฉลยด้วยอารมณ์ดี

               "ก็ไม่มีการบอกกล่าวเล่าความให้พ่อแม่รู้สักอย่าง ไปเช่าห้องอยู่กันเป็นคู่ๆ เหมือนที่หอพักนักศึกษาข้างบ้านเรานี่ไงล่ะลูก" แม่เล่าจบก็หัวเราะด้วยเห็นขัน ป่านหัวเราะตามไปอีกคน

               วิวาห์ลัดวงจรของแม่เป็นเช่นนี้เองหนอ

               แต่ว่าในยุคสมัยใหม่ งานแต่งเกือบไม่มีพิธีการแห่ขันหมากใดๆ หรือแต่งตามประเพณีนัก ส่วนใหญ่จัดงานแต่งที่ภัตตาคารหรือโรงแรม ก่อนค่ำงานฉลองสมรสก็มักจะรดน้ำตามประเพณีนิดหน่อย แขกเหรื่อก็คนใกล้ชิดสองฝ่าย แขกส่วนใหญ่ที่มาร่วมงานก็มักจะเข้างานค่ำครั้งเดียว ด้วยว่าภาระหน้าที่การงานเอย รถราติดแหงกเอย มีกิจธุระมากมายหลายเรื่องเอย มาเพียงครู่เดียวก็ถือว่าให้เกียรติแก่เจ้าภาพและบ่าวสาวแล้ว

                              

                                                            พี่โบว์กับพี่เหมียว

                ในการฉลองสมรสมักเชิญเจ้าภาพฝ่ายชาย หรือฝ่ายหญิง หรือทั้งสองฝ่าย ได้คล้องพวงมาลัยให้พรคู่บ่าวสาว แล้วก็มีการอวยชัยให้พร พร้อมกับมีการดื่มอำนวยอวยพรให้กับบ่าวสาวพร้อมเปล่งเสียงไชโยโห่ร้อง  มีการให้พ่อแม่คู่บ่าวสาวได้ขอบคุณแขกผู้มีเกียรติ และที่ขาดไม่ได้ ก็ต้องให้คู่บ่าวสาวกล่าวคำขอบคุณแขกที่มาเป็นเกียรติของงาน หลังจากนั้น เพื่อนๆของเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็มักจะขอให้หอมแก้มกันบ้าง ป้อนขนมหรือผลไม้กันบ้าง แต่เจ้าศิราร้ายกว่า

                "ขอเปลี่ยนเป็บจูบแกเลยได้ไหม"

                สุดท้ายต้องให้เจ้าสาวหันหลังโยนช่อดอกไม้ให้เพื่อนๆที่ยังไร้คู่เสี่ยงทายคล้ายประเพณีฝรั่ง เป็นที่สนุกสนานกันทั่วหน้าเลยค่ะ 

                      

                                                          โต๊ะนี้รวมพี่ๆน้องๆ

                ช่วงเวลานี้ ป่านถูกกระเซ้าเหย้าแหย่ให้ออกไปรับช่อดอกไม้เสี่ยงทายอยู่เรื่อย ออกไปรับคราวใดก็ไม่เคยรับได้สักครั้ง  สิบกว่าปีมาแล้วละค่ะ งานแต่งงานน้องชายของป่านคราวนี้ ป่านก็เลยนั่งนิ่งๆ สงวนทีท่าดีกว่าอิอิ 

                ประเพณีแห่ขันหมากเอย การกั้นประตูเงินประตูทองเอย การนับสินสอดทองหมั้น ล้วนเลิกราไปเกือบไม่เหลือด้วยว่า วันนี้อย่างเก่งก็แค่สวมแหวนหมั้นเป็นสักขีพยาน มอบเงินสินสอดทองหมั้นก่อนรดน้ำวันวิวาห์ แต่ในต่างจังหวัดอาจยังมีการสืบทอดประเพณีเหล่านี้เหลืออยู่ 

                                 

                                             ชิงช่อดอกไม้เสี่ยงทาย...เอ้าอึบ

               ในงานแต่งน้องชายของป่านคืนนั้น มีคุณอาช่วงชัย เปาอินทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี เป็นประธานในฐานะคุณลุงของเจ้าบ่าว เจ้าบ่าวชื่อศิรา สุขสมบัติเจริญ ลูกชายคนสุดท้องของคุณอามณี-วัลลภ สุขสมบัติเจริญ ส่วนเจ้าสาวชื่อศิวพร ตอนนี้ก็เปลี่ยนนามสกุลเป็นสุขสมบัติเจริญไปแล้ว (15 สค 53) มีญาติสนิทมิตรสหายมากมายหลายครอบครัวมาร่วมเป็นเกียรติและเป็นสักขีพยานในงาน เห็นความสุขของ น้องชายและน้องสะไภ้ของป่านแล้วก็อดอิจฉาไม่ได้ ฮึฮึ

               "เมื่อไรหนอ จะถึงวันของเรา" ป่านขอให้น้องมีความสุขตลอดไป มีหลานให้ป่านชื่นชมไวๆ และขอให้มั่งมีศรีสุขในชีวิตคู่ดังที่วาดหวัง

ปล. ข้อมูลเกี่ยวกับพิธีกรรมต่างๆโดยสังเขป เช่น         

ขันหมากหมั้น ประกอบด้วยหมาก 8 ผล พลู 4 เรียง ๆ ละ 8 ใบ แล้วใส่ลงในขัน ผ้าคลุม  หมากแต่ง ประกอบด้วยหมาก 3 ขัน ใส่หมากพลูเหมือนขันหมากหมั้น 2 ขัน มีผ้าคลุมสินสอดใส่เกินไว้เป็นดี เป็นเคล็ดว่าเงินงอกได้ ขันสินสอด ประกอบด้วยถั่วเขียว,งาดำ, ข้าวเปลือก, ข้าวตอก, ใบเงิน ,ใบทอง ,ใบนาก เหมือนขันหมากหมั้น ธูปเทียน ผ้าขาว(ไหว้ผี) สำรับผ้าไหว้บิดา มารดา และญาติผู้ใหญ่ที่รับไหว้

Tags : การแต่งงาน วิวาหมงคล พิธีมงคลสมรส wedding ประเพณีการแต่งงาน

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view