“กว่าจะเป็นเทียนพรรษา อุบลราชธานี”
พรหมพร พานิชกิจ
“ฮุ่งเฮืองเมืองธรรม งามล้ำเทียนพรรษา ภูมิปัญญาชาวอุบล” ภายใต้ชื่องานประเพณีแห่เทียนพรรษาที่ยิ่งใหญ่ประจำปี พ.ศ. 2553 ของชาวจังหวัดอุบลราชธานี ที่ผ่านมาไม่นานนี้ค่ะ
เป็นประเพณีทางพุทธศาสนา งานบุญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชาวจังหวัดอุบลราชธานี ที่สืบสานต่อเนื่องมาหลายปี คือ การตกแต่งเทียน อันเป็นภูมิปัญญาของชาวท้องถิ่น ซึ่งใช้งานฝีมือจากบรรดาช่างศิลป์เมืองอุบลฯที่มีอยู่มากมายหลายแขนง เป็นสื่อเล่าเรื่องราว เช่น พุทธประวัติของพระพุทธเจ้า ตั้งแต่ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน และเทิดทูนไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ ผ่านลวดลายเทียน
เทียนแกะโดยศิลปินนานาชาติ..โชว์ที่พิพิธภัณฑ์อุบลราชธานี
มาดูกันนะค่ะว่าเทียนพรรษาที่สวยงามวิจิตระการตา เขาทำกันยังไงและที่นิยมนำมาทำเรื่องเล่าคือ ปางต่าง ๆ ขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า เช่น ตอนพระพุทธเจ้าออกบวช หรือตอนพระพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์หลังจากที่ได้ทรงจำพรรษาครบกำหนดและหมดฤดูฝนแล้ว เป็นต้น
เทียนดิบที่ใช้งาน ขี้ผึ้งดิบที่ใช้งาน
วัสดุอุปกรณ์ที่สำคัญในการทำต้นเทียนคือ ขี้ผึ้ง (ชาวบ้านเรียก เผิ้ง) บรรจุลงในปี๊บนำขึ้นตั้งบนเตาให้ละลายแล้วกรองด้วยผ้ากรองอย่างดี เทลงในแบบหล่อให้เป็นต้นขนาดตามต้องการ แล้วนำไปแกะสลัก หรือติดพิมพ์ตามประเภทของต้นเทียนที่ต้องการ ปัจจุบันมีการพัฒนาต้นเทียนให้เป็นรูปประติมากรรมมากมายหลายรูปแบบ มีการใช้วัสดุอื่น เช่น ปูนปลาสเตอร์ขึ้นรูปร่างก่อนจึงใช้เทียนหล่อดอก หรือพิมพ์ลวดลายแล้วจึงติดปะตกแต่งให้ประณีตและสวยงาม
ลวดลายเทียนที่แกะสลักแล้ว
เทียนพรรษาแบ่งเป็น 2 ประเภท คือประเภทแกะสลัก และประเภทติดพิมพ์ ซึ่งมีความแตกต่าง คือการหล่อเทียนประเภทติดพิมพ์ ใช้ขี้ผึ้งคุณภาพพอใช้ได้ซึ่งมีราคาถูก แต่การหล่อต้นเทียนประเภทแกะสลัก ต้องใช้ขี้ผึ้งคุณภาพดี และราคาแพงกว่า ก็เพราะหากขี้ผึ้งคุณภาพไม่ดี เมื่อแกะสลักลึกและซับซ้อนหลายชั้น ขี้ผึ้งจะแตกหักได้ง่าย
กว่าจะแกะสลักได้แต่ละพิมพ์ ต้องใช้ความปราณีต
ต้นเทียนต้นหนึ่งจะใช้ขี้ผึ้งประมาณ 70 –100 กิโลกรัม โดยใช้ขี้ผึ้งชนิดไม่ดี ในอัตราส่วน 5 ต่อ 1 เรียกต้นเทียน แต่ที่จริงทำมาจากขี้ผึ้ง ในระยะแรก ๆ ชาวเมืองอุบลทำต้นเทียนโดยใช้ฐานไม้ตีเป็นแผ่นเรียบ มัดเทียนเข้าเป็นต้นติดกระดาษให้สวยงามแล้วแห่ไปวัด โดยใช้เกวียนลากไป มีฆ้อง มีกลอง ฟ้อนรำกันไปสนุกสนาน
ขี้ผึ้งสลักลายเพื่อติดพิมพ์
ต่อมาต้นเทียนได้พัฒนาขึ้นเป็นการหล่อ และพัฒนามาเป็นการใช้ปูนปลาสเตอร์เป็นต้นเทียนแทน แล้วใช้ดอกที่หล่อจากแม่พิมพ์เป็นลวดลายต่าง ๆ มาติด เรียกว่า ติดพิมพ์ ขี้ผึ้งที่ใช้หล่อดอก จะใช้คนละสีกับที่ใช้ทำต้นเทียน แรก ๆที่มีการจัดประกวด จึงมีต้นเทียน ๓ ประเภท คือ ประเภทติดพิมพ์ ประเภทแกะสลัก และประเภทมัดรวมติดลาย
แบบพิมพ์เขียนก่อนสร้างเทียนพรรษา
ปัจจุบันมีต้นเทียน ๒ ประเภท คือ ประเภทแกะสลัก และประเภทติดพิมพ์
ต้นเทียนประเภทแกะสลัก ก่อนอื่นต้องหล่อต้นเทียนก่อน สมัยก่อนใช้สังกะสีแผ่นเรียบกว้าง ๖๐ ซ.ม. ยาว ๑๐ (หรือตามต้องการ)ทำแบบหล่อส่วนที่เป็นต้นเทียน และอีกหนึ่งแผ่นกว้างเท่ากัน แต่ยาว ๒ ฟุต ใช้หล่อทำส่วนยอด มีท่อนไม้เป็นแกนตรงกลาง เทเทียนที่ตั้งไฟจนร้อนและกรองแล้วลง ปล่อยให้เย็น ก่อนจะออกแบบลายที่จะแกะสลัก โดยร่างทั้งส่วนฐานลำต้นและยอดเทียน มีท่อนไม้เป็นแกนตรงกลางแล้วเทเทียนที่ละลายลง เครื่องมือที่ใช้แกะสลัก ก็จะมี มีด สิ่ว ตะขอเหล็ก เหล็กขูด และแปรงทาสีชนิดดี ก็จะใช้เซาะ เจาะ ขีด และขูด ให้เป็นรูปสามมิติ เหมือนของจริง หรือรูปที่ร่างไว้
ต้นเทียนประเภทแกะสลัก
ต้นเทียนประเภทติดพิมพ์ มีขั้นตอนและวิธีการหล่อส่วนที่เป็นต้นเทียนคล้ายกันกับต้นเทียนประเภทแกะสลักทุกขั้นตอน แต่มักหล่อให้เล็กกว่าต้นเทียนประเภทแกะสลัก เพราะการหล่อเทียนประเภทติดพิมพ์ จะต้องนำไปกลึงให้เป็นรูปและขนาดเล็กลง ปัจจุบันมักใช้ปูนปลาสเตอร์ หรือโฟมเป็นโครงขึ้นรูปร่างก่อนจึงใช้ขี้ผึ้งฉาบอีกที แล้วจึงติดดอกเสริมโดยรอบให้หนาขึ้น
เทียนพรรษาประเภทติดพิมพ์
เป็นไงค่ะเทียนพรรษาที่เรา ๆ เห็นกันในแต่ละจังหวัดที่มีการจัดงานขบวนแห่เทียนอย่างสวยงามเป็นที่ชื่นชอบชื่นชม ทั้งคนไทยเองรวมถึงชาวต่างชาติ ก็ทึ่งในฝีมือความสามารถแห่งภูมิปัญญาของช่างศิลป์ไทย จนเกิดเป็นความล้ำค่า มาจนถึงทุกวันนี้ มีขั้นตอนไม่ง่ายเลยนะคะ
๐๐๐๐