กาแฟสดเมืองรถม้า :ปริญญาตรีก็ขายได้
โดยลุงดำ คำโต เรื่อง-ภาพ
ต้องยอมรับว่า วันนี้บทบาทของร้านกาแฟสดเข้าถึงทุกอณูของผู้คน ไม่จำเป็นว่าต้องเฉพาะนักเดินทาง หากแต่แม้คนที่ใช้ชีวิตปกติในบ้านเรือน จนหรือรวยก็ดื่มกาแฟ คนทำงานทั่วไปนิยมซื้อจะซื้ออย่างทรีอินวัน ส่วนนักธุรกิจหรือนักเดินทางประเภทคอกาแฟพันธุ์แท้ต้องดื่มกาแฟสด ร้านกาแฟที่ตั้งตู้ขายกันทั่วไปวันนี้จึงอยู่ที่กลุ่มเป้าหมาย แต่อย่างไรก็ตาม กาแฟกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปแล้ว
ต้น-ใบ-ดอก-กาแฟ
จากบันทึกของวิหารซูฟีในเยเมนแถบอาระเบีย อันเป็นดินแดนของโลกมุสลิม พบว่ามีการพบกาแฟครั้งแรกที่ เยเมนแถบอาระเบีย และตะวันออกเฉียงเหนือของเอธิโอเปีย ราวๆศตวรรษที่ 15 และแผ่กระจายไปยังยุโรป,อินโนเซีย,อเมริกา ราวๆต้นศตวรรษที่ 17 แต่พอปลายศตวรรษที่ 17 ก็ส่งผ่านไปยังซิซิลี อิตาลี ตุรกี,กรีช,ฮังการีและออสเตรีย ส่วนว่ามาถึงประเทศไทยเมื่อไรไม่รู้เลย รู้แต่ว่า มีกาแฟกินกันตามร้านค้าในวัด ตลาดสด และในวงสังคมชั้นสูง
ต้นกาแฟเป็นไม้พุ่มขนาดเล็กที่มีใบเดี่ยวแตกตรงข้าม ดอกสีขาว ผลกาแฟรูปไต อ่อนสีเขียว แก่สีแดงเข้ม นิยมปลูกกันมาก 2 ชนิดคือ โรบัสต้า (Coffea canephora) รสเข้มกว่าชนิดที่เรียกว่า อาราบิก้า (Coffea arabica ) จากผลการศึกษาและวิจัยพบว่า กาแฟช่วยลดมะเร็งเต้านม อัลไซเมอร์ พาร์กินสัน โรคหัวใจ โรคเบาหวานประเภท2,โรคตับแข็ง,โรคเกาต์, ไมเกรน ,ระงับอาการเจ็บปวด, โรคหืด, นิ่วและถุงน้ำดี ฯลฯ
กาแฟบ้านเราแต่เก่าก่อนนั้น บดเมล็ดกาแฟจนแหลกเป็นผงบรรจุในปี๊บ ขายส่งให้ร้านขายกาแฟยกปี๊บ เวลาชงก็ใช้กาต้มน้ำร้อนจนเดือด ตักกาแฟผงใส่ถุงผ้าบางแล้วแช่ในน้ำเดือดจนได้น้ำกาแฟสีคล้ำๆไหลลงแก้ว ถ้าเป็นโอวยั้ว(กาแฟร้อน)จะใส่น้ำตาลและนมข้น แกว่งด้วยช้อนกาแฟขนาดเล็ก แก้วรูปปากบานก้นสอบเข้า เสียงช้อนกระทบแก้วดังกรุ๋งกริ๋งๆ "คน"จนกาแฟและน้ำตาล-นมกลมกลืน ซดร้อนๆทีละนิดๆ ช้าๆ นั่งคุยกันไปก็ดื่มกาแฟแกล้มด้วยปาท่องโก๋ไปด้วย
ช่างเจรจาวิสาสะกับลูกค้า..น่ารัก
วันนี้กาแฟรูปลักษณ์เช่นที่กล่าวเรียกกันว่า กาแฟโบราณ พ่อค้าแม่ค้าก็โบราณๆ มักเป็นคนแก่ๆที่ชงกาแฟขาย แต่แล้วโลกก็วิวัฒนาการรูปแบบกาแฟใหม่ถอดด้าม กลายเป็นกาแฟสด บดสดๆต่อหน้าลูกค้า กลิ่นหอมกระจาย ชงด้วยรสเข้มข้น ใส่ในถ้วยกาแฟเล็กๆน่ารัก ร้านกาแฟก็เปลี่ยนโฉมจากเพิงหมาแหงนเป็นร้านรูปกระทัดรัด สี่เหลี่ยมเล็กๆ ขนาดกำลังหมุนตัวได้คล่อง ส่วนที่นั่งดื่มกาแฟมักจัดโต๊ะเก้าอี้ขิกขุๆไว้รองรับลูกค้า
และวันนี้แม่ค้าขายกาแฟไม่ใช่คนแก่ๆ โบราณๆอีกต่อไป แต่เป็นคนหนุ่มคนสาว คนรุ่นใหม่ไฟแรงเลยเชียว ลุงดำไปเชียงใหม่เพื่อทำงานตักบาตรเที่ยงคืน จึงต้องอดตาหลับขับตานอน อ่อนเพลียเหลือกำลัง เมื่อเดินทางกลับผ่านเข้าไปเก็บรูปรถม้าลำปาง ก็เกิดอาการง่วงซึมกระทือกันไปทั้งคันรถ พอผ่านจะออกเส้นทางหลักพบร้านกาแฟเล็กๆอยู่มุมถนน คนขายกาแฟอะแหร่มแจ่มแจ๋ว สดใสและสวยมาก ผมยาวสยายดังนางในเทพนิยาย
โชว์เฟอร์จอดรถพรืดที่ข้างๆร้าน ทุกคนรีบลงไปสั่งกาแฟสารพัดชนิด เช่น เอสเปรสโซ่ มอคค่า ฯลฯ โหลบรรจุกาแฟโชว์ให้เห็นจะจะ เปิดเผย และทำการบดแล้วชงอย่างปราณีตบรรจง เสิร์ฟพร้อมน้ำชาร้อนๆสำหรับกาแฟร้อน และบรรจุแก้วพลาสติกสำหรับกาแฟเย็น ราคาก็ 25-30-35 บาท ถ้าวิปครีมเพิ่มอีก 5 บาท โอ้..เหลือจะกล่าว
บัณฑิตปริญญาตรี ปาลิกา ณิชากุลศิริ แม่ค้าขายกาแฟสดเมืองลำปาง
ลุงดำซุกซนกว่าคนอื่นๆ ก็เลยได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า
"หนูจบปริญญาตรี สาขาการจัดการ จบแล้วก็ลงร้านกาแฟ ซื้อร้านและอุปกรณ์มาทั้งหมดราวๆ แสนสองหมื่นบาท ค่าเช่าที่ต่างหาก แต่ไม่แพง ขายตั้งแต่เช้าจดค่ำ จะว่าลำบากก็ไม่นะคะ งานเบาๆ เพียงแต่ดูว่ากิจการเล็กไปนิด รายได้พออยู่ได้ค่ะ" หนูปาลิกา ณิชากุลศิริ (หลิน) เจ้าของร้านกาแฟคอฟฟี่เลิฟ โทร.085-5999545 กิจการนี้ก็เท่ากับว่าคุณปาลิกาเป็นเจ้าของกิจการ หรือเป็นเฒ่าแก่เนี้ย
ร้านกาแฟนี้เป็นอาชีพที่หนึ่งของเธอหลังสำเร็จปริญญาตรี ต่อไปอาจจะขยายกิจการเพิ่มหรือพัฒนารูปแบบธุรกิจไปอีกหลายกิจการก็ได้ ถ้าเธอไม่ยอมหยุดนิ่งเพียงเท่านี้ ขอให้รวยๆ
ดื่มกาแฟกันจนเกลี้ยงก็ยกก้นขยับขึ้นรถ ออกเดินทางกลับกรุงเทพเพื่อทำงานต่อไป แต่ก็อดถกกันไม่ได้ว่า อนาคตของเธอจะก้าวไปอีกสักเพียงไหน ในเมื่อเธอเป็นคนรุ่นใหม่และกล้าตัดสินใจทำในสิ่งที่คนอื่นอาจไม่กล้าทำ วิชาการจัดการได้ทำให้เธอได้จัดการกับชีวิตของสาวรุ่นใหม่ให้ "เกิดและก้าว" เมื่อมีโอกาสมาถึงแล้ว
ผ่านไปลำปาง แวะเยี่ยมยามถามหากาแฟสดของเธอด้วยนะ กาแฟเจ้านี้แถมยิ้มฟรีครับ