http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 07/08/2024
สถิติผู้เข้าชม14,276,332
Page Views16,602,937
« September 2024»
SMTWTFS
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930     
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

วรรณกรรมเยาวชน กิ่งคำปายกับยายทวด โดยเอื้อยนาง ตอน 8.นางจิงโจ้ผู้มีกระเป๋าหน้าท้อง

วรรณกรรมเยาวชน กิ่งคำปายกับยายทวด โดยเอื้อยนาง ตอน 8.นางจิงโจ้ผู้มีกระเป๋าหน้าท้อง

กิ่งคำปายกับยายทวด 8

                                     โดย เอื้อยนาง

8.นางจิงโจ้ผู้มีกระเป๋าหน้าท้อง 

           เสียงเด็กร้องดังแว่วๆ ในความสงัดเงียบของเวลาค่อนรุ่งปลุกกิ่งคำปายให้สะดุ้งตื่น อากาศในโพรงไม้อับชื้นและหนาวเย็น หญิงชราที่นอนข้างกายขดตัวจนกลมป้อมเช่นเดียวกับเจ้าวอมแบตที่ส่งเสียงหายใจสม่ำเสมอ

            แสงไฟที่ด้านนอกส่องเข้ามาวับแวม   เด็กสาวลุกขึ้นโผล่หน้าออกไปดู ไฟกองโตลุกโพลงให้ความอบอุ่นแก่ร่างที่นอนตะแคงเหยียดยาวอยู่ข้างกองไฟ

            ฮือๆ ๆ...

            อื่อ อื้อ..ๆ ...ๆ...

          เสียงร้องของเด็กสลับกับเสียงปลอบโยนของนางแม่ ดังออกมาจากสัตว์ตัวหนึ่งที่นอนนิ่งอิงแอบอยู่กับร่างของคนผู้นอนหลับอยู่ข้างกองไฟ

         “สัตว์อะไรเสียงร้องเหมือนเด็กทารก”

                                             

         กิ่งคำปายแปลกใจนักหนา และมันก็กระโดดลุกขึ้นนั่งทันทีที่เธอเดินโหย่งๆ เข้าไปใกล้ ลูกน้อยทิ่อิงแอบอยู่กับมันกระโดดหลบเข้าไปอยู่ในถุงหน้าท้องของแม่มันทันทีที่มองเห็นกิ่งคำปาย     เสียงร้องแบบเด็กๆ ก็เงียบหายไปทันทีเช่นกัน

          “จิงโจ้”

          กิ่งคำปายชะงักเท้าที่ก้าวเดิน มันเป็นสัตว์พื้นเมืองของถิ่นนี้เช่นเดียวกับวอมแบต แต่วอมแบตนั้นมีสีเทาปนดำ และขนยาวมากกว่า   แต่เจ้าตัวนี้  มองไกลๆ ในแสงสลัวของเปลวไฟดูคล้ายลูกวัว  หรือหมาตัวโตๆ   เพราะขนของมัน เป็นสีน้ำตาลและ มีขาหน้าสั้น   ยามมันยืดตัวขึ้นยืนด้วยสองขาหลังที่เหยียดยาวและ แข็งแรง  ทำให้ขาหน้าทั้งคู่ที่สั้นจู๋มองเหมือนคนพิการแขนสั้น ขายาว ดูตลกพิลึก   ครั้นหันมามองสบตากับกิ่งคำปายมันก็ส่งเสียงพูดด้วยสำเนียงที่เด็กสาวคุ้นเคยยิ่ง

          “หวัดดีกิ่ง”

          เสียงห้วนสั้นอย่างชาวแก๊งมอเตอร์ไซค์ที่กิ่งคำปายทิ้งมานั่นเอง

          “โมบายหรือจ๊ะ”

           คนพลัดถิ่นจำได้ทันที แต่ยังถามออกไปให้แน่ใจ       

          “ไม่ใช่เค้าแล้วจะเป็นใครกันล่ะ ตัวว่าฮึ” หางเสียงเง้างอดเหมือนน้อยใจเต็มที

           “ถ้างั้นที่ส่งเสียงร้องแงๆ อยู่นั่นก็คือลูกของตัวละสิ”

            “แหงละ”

            พร้อมกับเสียงตอบเงาร่างของเด็กสาวเจ้าของผมสั้นหยิกฟูหลายหลากริ้วสี กางเกงยีนรัดติ้วสั้นจู๋ กับเสื้อสายเดี่ยวตัวจิ๋วอย่างไม่หวั่นความเหน็บหนาวแบบชาวนักซิ่งมอเตอร์ไซค์ก็ปรากฏให้เห็น ลอยเลื่อนออกจากร่างของจิงโจ้ตัวนั้น

            กิ่งคำปายตื่นเต้น ดีใจ ยิ่งกว่าได้รู้ว่ายายทวดอยู่ในร่างของวอมแบตเสียอีก ยิ่งเหงาๆ เศร้าๆ  คิดถึงบ้าน คิดถึงยายสร้อยสายคำอย่างนี้มีเพื่อนเป็นผีก็ยังดีกว่าไม่มีใครเลยละ

          “ตัวมาพร้อมกับยายทวดหรือ”

          ถามแบบไม่ต้องการคำตอบ โผผวาเข้าไปหาและโอบกอดอย่าลืมตัว แต่กลับทะลุผ่านร่างนั้นไปแทบล้มคะมำ ฝ่ายนั้นกลับหัวเราะฮิๆ น่าหมั่นไส้ยิ่งนัก

          “ใช่แล้ว ตัวเอาลูกน้อยมาด้วย เค้ามองเห็นยายทวดพาตัวออกไปฉวัดเฉวียนอยู่กลางอากาศตอนเช้าตรู่เมื่อเครื่องบินมีปัญหาลงพื้นที่เมืองซิดนีย์ไม่ได้” กิ่งคำปายตื่นเต้นดีใจจนไม่สนใจเสียงน่าหมั่นไส้ของเพื่อน”

           “สนุกเหลือเกิน รู้สนุกยิ่งกว่าแข่งมอเตอร์ไซค์เป็นไหนๆ  “

            โมบายยังคงเป็นคนเดิมที่เห็นโลกรื่นรมย์ตลอดกาล

           “เชอะ...สนุกจะตายล่ะ ปล่อยให้เค้านั่งหง่าวอยู่คนเดียว เป็นห่วงแทบแย่ ที่ไหนได้ทั้งทวดทั้งหลานท่องอากาศกันสนุก”

            กิ่งคำปายกลับเป็นฝ่ายเง้างอด  อิจฉาเพื่อนในโลกใหม่ที่มีแต่ความอิสระ เสรียิ่งนักแล้ว

           “อิจฉาก็ตายซะสิจะได้มาอยู่โลกใหม่ด้วยกัน”  เพื่อนที่เป็นผีแนะนำ

            “โอ้ย...ไม่เอาจ้า  อยู่อย่างนี้ก็เหมือนอยู่ด้วยกันอยู่แล้วนี่”

            ปฏิเสธเสียงดังลั่น ครั้นนึกได้ว่ามีใครอีกคนนอนหลับอยู่ข้างกองไฟก็รีบปิดปากตัวเอง และเถิดถอยออกไปไกลห่างอย่างเกรงอกเกรงใจ

            “อย่ามัวพูดคุยอยู่เลย  มานี่กันเถอะ”

            ทวดคำปลิวผู้ที่ถูกสองสาวหนึ่งผีกับหนึ่งคน   เอ่ยถึงปล่อยให้ร่างเจ้าวอมแบตนอนนิ่งอิงแอบอยู่กับเฒ่านาไบต่อไป แล้วเปลี่ยนร่างเป็นเจ้านางคำปลิวผู้แสนสวยคนเดิม ก้าวเดินออกจากโพรงไม้เหมือนนางฟ้าประจำพงไพร ไม่พูดพล่ามทำเพลง  มาถึงก็คว้ามือเหลนพาลอยล่องลัดลอดทิวไม้ โมบายกระเตงห่อผ้าลักษณะคล้ายกระเป๋าเป้บรรจุลูกน้อยที่ระเห็ดเข้าไปอยู่ในนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ขึ้นสะพายหลัง และติดตามไปทันทีไม่ยอมห่าง

           “จะไปไหนกันค่ะทวด แล้วไม่ใช้แพรเหาะหรือคะ แล้วโรบินสันล่ะ”

           กิ่งคำปายพยายามดึงมือตัวเองออกจากการเกาะกุมของยายทวด ซึ่งไม่เคยทำได้ แม้ฝ่ายนั้นเพียงแตะเบาๆ ก็ทำเอาเธอล่องลอยตามติดไปด้วยทุกหนทุกแห่งอยู่แล้ว

           “ไม่ต้องใช้ไปแค่ใกล้ๆ นี้เองเดี๋ยวก็กลับมา ปล่อยหนุ่มนั่นให้นอนคอยอยู่ที่นี่ก่อน”

ทวดปฏิเสธ พลางลดเลี้ยวเล็ดลอดกิ่งไม้กิ่งไร่ พระจันทร์ข้างแรมอ่อนๆ เคลื่อนสูงเหนือทิวไม้ ส่องแสงนวลใสไปทั่วราวป่า อากาศหนาวเย็นแต่กระแสพลังจากปลายนิ้วที่สัมผัสได้ของยายทวดส่งความอบอุ่นแผ่ซ่านทั่วร่าง

            “แต่หนูอยากขี่ไปบนแพรนี่คะสนุกกว่า” ทำเสียงเง้างอดออดอ้อน แต่อีกฝ่ายกลับทำเป็นไม่ได้ยิน

           “ฮึ...อย่าให้หนูทำได้เองบ้างก็แล้วกัน จะท่องโลกคนเดียวไปไม่ง้อเลย”

           “ไว้ให้กลายเป็นผีเสียก่อนเถอะ แล้วจะรู้ว่าถ้าบารมีไม่ถึงก็ทำไม่ได้หรอก อย่างโมบายถ้าไม่มีข้าจ้างก็มาถึงที่นี่ไม่ได้”

          “จริงหรือโมบาย”

          เธอหันไปถามเพื่อนผู้กระเตงลูกน้อยล่อยลอยอยู่เคียงข้าง

         “จริงซี อย่างเค้าน่ะ ไม่กลายเป็นเปรตก็บุญนักแล้ว เกิดมาไม่เคยสร้างบุญกุศลอะไรเลย ได้แต่ทำให้พ่อแม่ทุกข์ร้อนอ่อนใจอยู่ตั้งแต่เกิดจนถึงวันตายนะ”

           “เค้าเองก็เหมือนกันนะโมบาย ทำให้ยายสร้อยสายคำต้องพร่ำบนอยู่ทุกวี่ทุกวันไม่เคยเว้น

           “ตัวยังดีไม่ได้ทำผิดอะไรมากมาย เพิ่งมาริทำตอนโตแล้วซึ่งก็ไม่ถือว่าสร้างความเดือดเนื้อร้อนใจให้ใครมากมาย แต่เค้าซี...”

            พูดมาถึงตรงนี้เสียงโมบายกลายเป็นสั่นสะท้าน ปนเสียงสะอื้นฮักๆ แถมมีเสียงเด็กร้องไห้แงๆ   จากกระเป๋าสะพายหลังประสานเป็นลูกคู่ขึ้นมาอีก ทำเอากิ่งคำปายน้ำตาเล็ดไปด้วย จนยายทวดดุเข้าให้นั่นแหละ ทั้งสองสาวหนึ่งผีกับหนึ่ง  คนจึงค่อยเงียบเสียงลงได้

            ล่องลอยกันมาจนผ่านพ้นทิวไม้สู่ลานโล่งริมลำธารที่ไหลเลื้อยลงสู่บึงใหญ่แห่งหนึ่ง ภูเขาสีดำทะมึนทอดตัวยาวสูงต่ำลดหลั่นอยู่ใต้แสงจันทร์อยู่ฝั่งงตรงกันข้าม

            เสียงรัวกลองในจังหวะเร้าใจประสานกับเสียงร้องเพลงที่เปล่งเป็นทำนองคล้ายเพลงสวดอ้อนวอนเหล่าเทพเทวาฟ้าดินดังมาจากลานโล่งที่มีไฟกองใหญ่ลุกโพลง  บางครั้งเสียงแปรเปลี่ยนเป็นความเศร้ารันทดสลดหดหู่ บางครั้งคร่ำครวญญหวนไห้ บางครั้งกลับเร้าใจกลายเป็นเพลงศึกสู้รบ

            ทวดคำปลิวพาสองสาวเข้าไปจนใกล้กลุ่มคนผู้กำลังตีกลองร้องเพลง และเต้นรำอยู่รอบกองไฟ แล้วจึงหยุดลงไปสังเกตการณ์อยู่ภายใต้ต้นไม้ใหญ่ริมบึง

            เสียงกลองและเสียงเพลงดังมาจากกลุ่มผู้หญิงที่นั่งรวมกันอยู่ใต้ต้นไม้ไกลออกไปจากวงที่เต้นรำอยู่รอบกองไฟ

            นักเต้นรำรอบกองไฟทั้งหมดเป็นชายฉกรรจ์ และทั้งร่างกายเปลือยเปล่า ผิวกายที่ดำสนิทราวกับย้อมด้วยครามนั้น ถูกแต่งแต้มลวดลายเป็นเส้นสายลายพร้อยด้วยสีแดงและขาว ทั้งหน้าตา ลำตัว และแขนขา เครื่องประดับขนนกบนศีรษะ และกิ่งไม้ใบไม้ที่ผูกเป็นพู่ไว้รอบเอว หัวเข่า และข้อเท้าขยับไหวระริกไปตามจังหวะการเต้นของเจ้าของ ในมือของแต่ละคนมีอาวุธที่ทำจากไม้พลองยาวปลายแหลมเสี้ยมคล้ายปลายหอกกระทุ้งพื้นเสียงดังฉึกฉักเป็นจังหวะตามเสียงกลองหนังของพวกผู้หญิง

            “ผีเหล่านี้กำลังเต้นรำหรือคะ”

            กิ่งคำปายเหม่อมองแปลกใจ จึงถูกยายทวดหยิกเข้าให้ พลางอธิบายว่านี่ไม่ใช่หรอก เขาเหล่านี้เป็นคนที่มีชีวิตอยู่จริง เป็นชาวพื้นเมืองเผ่าหนึ่งที่ใช้ชีวิตเร่ร่อนรอนแรม เคลื่อนย้ายไปตั้งค่ายพักอยู่ในบริเวณใกล้เคียงรอบบึงใหญ่กลางหุบเขาแห่งนี้ หมุนเวียนจากไป และกลับมาเพื่อเสาะหาอาหารตามฤดูกาล

           “น่าสนุกจัง” เด็กสาวรำพึงนึกอยากให้คนที่นอนอยู่ข้างกองไฟมาเห็นด้วยนัก

            “หากโรบินสันมาด้วยก็ดีหรอก เขาเป็นผู้ชายคงง่ายกว่าถ้าจะเข้าไปไต่ถามเอาความจากคนเหล่านั้นว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหนในแผ่นดินอันกว้างใหญ่แห่งทวีปนี้”

            เธอบ่นเพราะคิดถึงเขาหรือเปล่านะ อาจเป็นเพราะสงสารที่ถูกปล่อยให้นอนอยู่ข้างกองไฟเดียวดายในป่าใหญ่ก็ได้ และได้รับคำตอบจากเพื่อนผู้ทำตัวเป็นฝ่ายเดียวกับยายทวดไปแล้วว่า

            “ไม่ดีหรอก เขายังไม่รู้จักยายทวดกับเค้าน่ะ ปุบปับพาเขาเหาะลัดป่ามาถึงนี่คงได้เอะอะเอ็ดตะโรวุ่นวายกันไปเปล่าๆ ให้เขาค่อยๆ เข้าใจดีกว่า”

           “ใช่แล้ว.....” ทวดสนับสนุน “ อีกอย่างนะ พวกที่เต้นรอบกองไฟอยู่นั้นกำลังประกอบพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาอยู่ ใครอื่นจะเข้าไปรบกวน หรือรู้เห็นไม่ได้หรอก”

           เปลวไฟลุกโพลงกลิ่นควันของไม้สนและยูคาลิปตัสที่ถูกเผาไหม้ฟุ้งกระจายตลบอบอวลไปทั่วทั้งป่าแล้วล่องลอยขึ้นสู่ฟากฟ้า เหมือนจะหอบเอาเสียงสวดพร่ำ ร่ำวอน อ่อนโยนขึ้นสู่สรวงสวรรค์

            เสียงเพลงเปลี่ยนทำนองจากการเว้าวอน เป็นคล้ายสวดร้องสรรเสริญ ขอบคุณเทพยาดาฟ้าดิน อย่างแสนดีอกดีใจ ที่ท่านประทานให้ความอุดมสมบูรณ์ แห่งผืนดินถิ่นพำนัก และบางครั้งเปลี่ยนเปล่งเสียงร้องเป็นคล้ายเสียงของสัตว์ ต่างๆ พลางกระโดด

            ฮ็อบๆ ๆ ....โฮก ๆๆ..คล้ายเสียงเสือ ลีลาท่าทางลวดลาย ของเหล่านักเต้นก็เปลี่ยนไปตามเสียงเพลง เป็นท่ากระโดด แล้ววาดแขนขาถลาร่อน คล้ายนกเหินบิน สลับกับเสียงแห่งธรรมชาติ น้ำตกซ่ากระโจนไหล ลมโบกไกวแกว่งกิ่งก้าน ดอกไม้บานรับตะวัน

            ท้องฟ้าเหนือภูเขาที่ทอดตัวดำทะมึนอยู่ริมบึงฝั่งตรงกันข้ามกำลังเปลี่ยนสี เส้นแสงสีชมพู ส้ม อมม่วงฉายส่องจับก้อนเมฆดูงามประหลาด

            อรุณสมัยกำลังย่างกรายสู่หล้าโลก

            เสียงขับร้องของนักร่ายรำประจำเผ่าเปลี่ยนทำนองเป็นเพลงพลิ้วหวาน ขับขานเพื่อการต้อนรับวันใหม่กับนางดวงตะวัน*ผู้บรรทุกดวงไฟและแสงสว่างขึ้นมาเยือนหล้าโลก ที่เคยโศกระทมของยามค่ำคืนอันหนาวเย็น และมืดมิดให้ทุกชีวิตกลับมาเริงรื่น ชื่นบานจากความอบอุ่นและสว่างสดใส

            ตะวันฉายแสงสีทองเลื่อมระยับจับขอบฟ้า เสียงนกกากู่ร้อง เสียงกลองเสียงร้องขับขานหยุดชะงักลง เหล่านักเต้นรำนั่งนิ่งอยู่รอบกองไฟที่ราแสงอ่อนลง เหลือแต่ถ่านแดงโร่...

            ทันใดนั้นเองมีลำแสงสีรุ้งพุ่งวาบขึ้นมาจากจุดใดจุดหนึ่งเหนือศีรษะของกลุ่มนักเต้นรำ มันพุ่งเป็นลำแล้วล่องลอยคดเคี้ยวมองเห็นเป็นเหมือนงูหลากสีสัน เลื้อยวกวนรอบร่างที่นั่งก้มหน้าไม่ไหวติงอยู่นั้น

            กิ่งคำปาย รู้สึกมีอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวในจี้ห้อยคอ แต่เด็กสาวไม่สนนักเพราะสายตามัวตะลึงลำแสงประหลาด

            “สวยจังเลย โมบายตัวมองเห็นแสงนั้นมั๊ย”

            กิ่งคำปายถามเพื่อนผู้ไม่ใช่คนของเธอ เพราะไม่แน่ใจว่าสายตาจะมองเห็นสิ่งเดียวกันทั้งหมดหรือเปล่า โดยเฉพาะแสงสีรุ้งประหลาดล้ำอย่างนั้น เพื่อนอาจ

มองไม่เห็นก็ได้ แต่เธอก็ได้รับคำตอบจากเพื่อนต่างพิภพของเธอว่า

            “ใช่ ฉันเห็นแล้ว มันเป็นเหมือนควันสีรุ้ง”

            ทันใดนั้นลูกน้อยในกระเป๋าสะพายหลังของโมบายก็ส่งเสียงร้องจ้าขึ้นมาเหมือนตื่นตกใจ ผีสาวต้องเปลี่ยนเอากระเป๋ามาอุ้มไว้กับอก ปลอบโยนผีน้อยลูกสาวของเธอจึงค่อยๆ เพลาเสียง และหยุดร้อง ยังเหลือเพียงเสียงสะอื้นอยู่เบาๆ

            “โอ๋...เขาคงตกใจน่ะ” กิ่งคำปายเผลอยื่นมือจะไปปลอบโยน แต่เธอก็สัมผัสเพียงความว่างเปล่า มือของเธอเหมือนทะลุร่างที่คล้ายกลุ่มควันนั้นออกไป

            “ฉันรู้แล้ว แสงนั้นอาจเป็นเพียงเงา หรือพลังอะไรบางอย่างที่ถูกเสกสรรขึ้นมา เหมือนเธอกับลูกกับยายทวดนี่แหละ” คนเดียวในกลุ่มผีร้องขึ้น

            “นั่นอาจเป็นพลังอะไรบางอย่าง” เจ้านางจากอดีตพูดขึ้น “ข้าจะเข้าไปดูใกล้ๆ พวกเจ้าคอยอยู่ที่นี่สักประเดี่ยวก่อนนะ”

            แต่ร่างเบาโหวงของทวดคำปลิวเพิ่งลอยขึ้นจากพื้นก็มีอันกระดอนแล้วตกวูบลงมา เธอดีดตัวกลับมายืนอยู่ที่เดิมรวดเร็วจนกิ่งคำปายแทบมองตามไม่ทัน

            “เกิดอะไรขึ้นหรือคะ” เธอถามและอยากผวาเข้าไปโอบกอดยายทวด แต่ทำได้เพียงแต่มองด้วยสายตาห่วงใย เธอไม่เคยแตะต้องยายทวดได้ หากไม่ใช่ความประสงค์ของแก

            “มันเป็นพลังอะไรบางอย่าง ข้าก็ไม่แน่ใจนัก อาจบางทีเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์ในพิธีกรรมที่พวกเขากำลังทำอยู่ก็ได้”  ยายทวดเอ่ยเสียงเบาเหมือนไม่แน่ใจนัก

             แสงสีรุ้งล่องลอยฉวัดเฉวียน ไปรอบๆ กองไฟ แต่ไม่นานก็จางหายไป

            กลุ่มผู้หญิงนักตีกลอง ทำจังหวะดนตรี และประสานเสียงร้องเพลง อยู่ห่างวงออกไปทางชายป่าพากันลุกขึ้นแล้วเดินจากไปเงียบๆ พร้อมกับเด็กๆ อีกกลุ่มใหญ่

            ไม่นานนักเหล่านักเต้นรำที่นั่งนิ่งก้มหน้าหันเข้าหากองไฟอยู่นั้นก็ลุกขึ้น เดินตามกลุ่มผู้หญิงและเด็กกลับที่พัก

QQQQQ

 

*ชาวเผ่าในออสเตรเลียบางเผ่าเชื่อว่า ดวงตะวันเป็นผู้หญิง มีหน้าที่บรรทุกไฟเดินทางข้ามฟ้าจากทิศตะวันออกสู่ตะวันตก ให้แสงสว่างแกโลกในแต่ละวัน

 

 

 

 

 

 

Tags : กิ่งคำปายกับยายทวด เอื้อยนาง จิงโจ้

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view