ปราสาทดงเมืองเตย – กู่บ้านงิ้ว
อ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร
“สาวภูไท”
ปราสาทดงเมืองเตยตั้งอยู่บริเวณชายดงปู่ตาของบ้านดงเมืองเตย ต.สงเปือยอำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร (เดิมจังหวัดอุบลราชธานี) ปัจจุบันเป็นที่ตั้งวัดป่าดงเมืองเตยด้วย เป็นแหล่งโบราณคดีที่มีหลักฐานว่าเคยเป็นที่ตั้งเมืองโบราณที่มีการพัฒนาการต่อเนื่อง มาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์
ปัจจุบันแหล่งโบราณคดีแห่งนี้ เหลือเพียงทรากโบราณสถาน ที่ก่อด้วยอิฐเป็น
ศาสนสถานในยุคเจนละ อายุราวในพุทธศตวรรษที่ ๑๒ – ๑๓ เพราะได้พบจารึกดงเมืองเตยเป็นอักษรปัลวะ ภาษาสันสกฤตที่นี่ ทำให้ทราบเรื่องราวเกี่ยวกับกษัตริย์ของเจนละหลายพระองค์ ชื่อเมือง บุคคล และราชสกุล “เสนะ” ที่พบในจารึกเป็นเสมือนการเปิดโลกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้อีสาน ในแถบจำปาศักดิ์อุบลราชธานีตลอดลุ่มน้ำ มูล-ชี-โขง
ดงแห่งเมืองเตย
ถนนสายอุบลราชธานี-ยโสธรทอดยาวแทรกซอนในทุ่งข้าวกว้างใหญ่ เป็นถนนสายเรียบและราบเป็นแนวตรงตลอดหลายสิบกิโลเมตร
โดยทั่วไปพื้นที่แถบอีสาน โดยเฉพาะตามรอยขอบภูมิภาคมักมีพื้นที่ขึ้น ๆ ลง ๆ สูง ๆ ต่ำ ๆ เป็นแบบลอนลูกคลื่น เมื่อมีถนนตัดผ่านทำให้พื้นถนนมีลักษณะขึ้นสูง ลงต่ำ ไปด้วย
แต่สำหรับถนนสายนี้มีช่วงลอนลูกคลื่นน้อยมาก นั่นแสดงถึงความเป็นที่ราบกว้างใหญ่ในภูมิภาค
นี่คือที่ราบลุ่มแม่น้ำมูล-ชีที่อุดมสมบูรณ์ ในเขตอุบลราชธานี - ยโสธร
และตอนนี้เราชาวคณะที่มีเด็กสี่คน ผู้ใหญ่สองออกจากอุบลราชธานีมุ่งหน้าสู่ยโสธรตามเส้นทางสายดังกล่าว จุดมุ่งหมายคือดงเมืองเตย เด็กคนโตสุดในคณะคืออิ๊กคิวอายุหกขวบ ถัดมาไออุ่นอายุห้าขวบ ไอพ่นอายุสามขวบ และสุดท้ายทารกน้อยแพงขวัญอายุขวบครึ่ง กำลังกินกำลังนอนแต่ก็ตื่นเต้นกันใหญ่จะได้ไปเที่ยวปราสาทผีสิง(ไม่รู้ผู้ใหญ่คนไหนใส่ข้อมูลนี้ให้ เลยติดอยู่ในความรู้สึกตลอด)
และตามความคิดของผู้เขียน ก็รู้สึกว่า ปราสาทขอม หรือโบราณสถานทุกแห่งก็คงมีวิญญาณแห่งเจ้าของ สิงสถิตล่องลอยวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ไม่ห่างหายไปไหนหรอก คงเพ่งมองดูทุกคนที่ย่างกรายเข้ามาเยี่ยมชมด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจและหวงแหนอยู่นั่นแล้วโดยเฉพาะดงเมืองเตย ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าสถานที่นี้ตั้งอยู่กลางดงหนาป่าทึบ เป็นป่าดงที่ยังคงความเป็นดงอยู่ได้ท่ามกลางยุคเศรษฐกิจผันแปร น่าอัศจรรย์
ผ่านอำเภอคำเขื่อนแก้วอีกไม่ไกลก็จะเข้าสู่จังหวัดยโสธรแล้วเราก็เลี้ยวซ้ายออกจากถนนหลักมุ่งหน้าไปบ้านสงเปือย ตำบลสงเปือย ผ่านทะลุหมู่บ้านออกสู่ท้องทุ่งอีกทีก็มองเห็นทิวไม้เขียวครึ้มแห่งป่าดงเมืองเตย และโบราณสถานนี้ก็ตั้งอยู่ในท่ามกลางป่าดงที่มีต้นไม้ใหญ่ ๆ สูงสล้าง โดยเฉพาะต้นยางนานั้นดูราวกับจะเสียดแทงขึ้นสู่ฟ้าพาไม้เลื้อยเถาวัลย์ให้พันเกาะเกี่ยวรุงรังขึ้นไปด้วยซากโบราณสถานก่อด้วยอิฐก้อนใหญ่ ๆ หนา ๆ ที่เหลืออยู่ให้เห็นมีเพียงปรางค์เดียวและเหลือเพียงฐานตั้งอยู่บนพื้นที่อยู่ต่ำลงไปเพราะรอยขุดค้น แต่ยังดูขรึมขลังด้วยสภาพแวดล้อมที่ดูวังเวงด้วยแมกไม้ร่มครึ้มจนแสงแดดแทบส่งลงมาไม่ถึง จึงวังเวงและ เงียบเชียบ ได้ยินแต่เสียงนก เสียงกาดังลงมาจากปลายยางลงมาทักทาย
สถานที่แห่งนี้เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิมาแต่โบราณ นับเนื่องมาตั้งแต่ก่อนยุคประวัติศาสตร์จนถึงสมัยเจนละ และทวารดีจนถึงยุควัฒนธรรมลาว-อีสานในปัจจุบันก็ยังศักดิ์สิทธิ์อยู่ได้ด้วยเป็นที่ตั้งวัดป่า สถานปฏิบัติธรรมเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่เป็นผู้ดูแลรักษาโบราณสถาน ในและนอกศาลาที่ปลูกอยู่อีกด้านของถนนคือที่เก็บรวบรวมโบราณวัตถุที่ขุดค้นขึ้นมาจากใต้ดิน อีกส่วนหนึ่งนำไปเก็บที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอุบลราชธานี
กระดูก หม้อ ไห ไม้ และหินทรายสีชมพู
หากใครมุ่งหน้ามาดงเมืองเตยหวังจะได้ชมปราสาทหินที่ยิ่งใหญ่ อลังการอย่างพิมาย พนมรุ้ง หรือปราสาทอื่น ๆ แล้วก็จะต้องผิดหวังแน่ แต่ที่นี่มีอย่างน้อยก็มีกระดูก หม้อ ไห และหินทรายสีชมพูบ่งบอกให้รู้ถึงความเคยเป็นที่อยู่ ที่เคารพบูชาแห่งผู้คน บรรพบุรุษของเราเหล่าอีสานเขมรสูง
หินทรายสีชมพูนั้นที่ยังอยู่สมบูรณ์คือแท่นหินขนาดใหญ่ ยาว และหนา ที่น่าจะเป็นฐานปราสาท มีลวดลายสลักเป็นดอกไม้สองแท่งวางตั้งไว้ด่านหน้าศาลา ส่วนนอกนั้นคือชิ้นส่วนที่แตกหักวิ่นแหว่ง แต่หลายชิ้นยังมีร่องรอย ลวดลายที่ผู้สร้างบรรจงสลักเสลาด้วยฝีมือแห่งศรัทธา มีทั้งใบเสมา และชิ้นส่วนที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร วางปนอยู่กับท่อนไม้ซึ่งไม่ใช่ท่อนไม้ธรรมดาเพราะมีการตกแต่งสลักลวดลายให้เห็นอยู่เช่นกัน
ภายในศาลายังมีตู้กระจกเก็บเศษกระดูกมนุษย์ หม้อ ไห กระเบื้องดินเผาและเครื่องมือเครื่องใช้ทำด้วยสำริด เหล็ก ที่ขุดได้เช่นกัน เป็นวัตถุพยานถึงอารยะหลายยุคสมัยในสถานที่แห่งนี้ที่สืบเนื่อง และคงเป็นเมืองสำคัญแห่งดินแดนลุ่มน้ำมูล-ชี –โขง
ช่วงที่คณะเราไปถึงพระท่านฉันจังหันเสร็จพอดี ญาติโยมส่วนหนึ่งกำลังทานข้าวกันอยู่
“มากินข้าวนำกันเด้อ”
เสียงเชิญชวนด้วยน้ำใจของชาวอีสานแท้ พลางจัดแบ่งกุลีกุจอ ทำให้รู้สึก
หิวขึ้นมาทันที หลังจากเดินเก็บภาพถ่ายและปล่อยให้เด็ก ๆ สำรวจสิ่งที่เขาสนใจอยู่พอสมควรแล้วจึงได้แวะไปทานข้าววัดตามคำชวน
มากันคราวนี้จึงได้ทั้งข้อมูลภาพถ่าย และบุญที่ชาววัดแบ่งมาให้จนอิ่มท้องกันทั้งคนโตและคนตัวเล็ก
ห่างออกไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ตามเส้นทางยโสธร – อุบลราชธานี ยังมีโบราณสถานอีก ๒ แห่ง คือ พระธาตุกู่จาน กับ กู่บ้านงิ้ว
พระธาตุกู่จาน เป็นสถาปัตยกรรมลักษณะเหมือนองค์พระธาตุพนม มีป้ายบรรยายไว้ว่าสร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 7 ตั้งอยู่ในเขตวัดบ้านกู่จาน ส่วนกู่บ้างงิ้ว เป็นซากโบราณสถานที่สร้างด้วยหิน ปัจจุบันเหลือแต่หินแลง ส่วนที่เป็นฐานทิ้งอยู่กลาดเกลื่อนใต้ต้นไม้ใหญ่ มีป้ายบรรยายไว้ว่า เคยมีโบราณสถานสร้างขึ้นสมัย
บาปวน เป็นปราสาทหินในหลายๆ แห่งที่พบในอุบลราชธานี เช่น ปราสาทหินบ้านเพ็ญ ปราสาทนางพระยา สถูปบ้านอุปมุง ปราสาทหินหนองสนม บ้านค้อ อำเภอสำโรง เป็นต้น
QQQQ