http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 08/05/2024
สถิติผู้เข้าชม14,042,967
Page Views16,353,224
« May 2024»
SMTWTFS
   1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

วรรณกรรมเยาวชน กิ่งคำปายกับยายทวดตอน 10. ปัญหาของมามิริ โดยเอื้อยนาง

วรรณกรรมเยาวชน กิ่งคำปายกับยายทวดตอน 10.  ปัญหาของมามิริ  โดยเอื้อยนาง

วรรณกรรมเยาวชน  กิ่งคำปายกับยายทวด

โดยเอื้อยนาง

ตอน ๑๐. ปัญหาของมามิริ 

            พระอาทิตย์ส่องแสงจ้า ทะลุผ่านแมกไม้ลงมาเป็นลำยาว กระทบหยาดน้ำค้าง

ที่ติดเกาะบนยอดไม้ใบหญ้า  สะท้อนแสงพริบพราวราวกับเกร็ดมณี แข่งกับดอกไม้หลากสีที่บานไสว กลิ่นไอธรรมชาติ ไพรพงดงเถื่อนอวลตลบ

                 

            นกหลายชนิดที่หากินตามพื้น เห็นคนเดินมาใกล้ มันก็วิ่งแกมกระโดดพลางร้องกุ๊ก ๆ  สัตว์ป่าหน้าตาแปลก ๆ กระโดดแผล็วผ่านหน้า แล้ววิ่งไต่ขึ้นไปหลบบนต้นไม้

            เสียงนกเขาขันจุ๊กกรู... ๆ...ดังลงมาจากป่าสูงบนภูเขา

            กิ่งคำปายเดินตามหลังขบวน  พลางชมนกชมไม้ พลางชิมผลบลูเบอร์รี่ป่า และเรดเบอร์รี่ที่แม่เฒ่านำเสนอมากมายจนอิ่มแปล้  เครือเถาของมันมีหนามแหลม ๆ มากมาย  แต่กิ่งคำปายหลานยายสร้อยสายคำก็เคยเก็บกินผลเล็บเหยี่ยวในสวนหลังบ้านมาแล้ว  ลำต้นของมันก็มีหนามแหลมพอ ๆ กัน   มือเล็ก ๆ จึงหยิบเก็บผลไม้นั้นโดยไม่ถูกหนามทิ่มตำ  ยังมีมดตัวใหญ่ท้องกลมเป่งพองด้วยน้ำหวาน ที่แม่เฒ่าเรียกว่ามดน้ำผึ้ง

             นั่นอีก  ที่เธอบรรจุลง ในกระเพาะอย่างหน้าตาเฉย  และเอร็ดอร่อยยิ่ง   ก็ไข่มดแดงเป็นอาหารชั้นหนึ่งที่หากินยากราคาแพงขึ้นทุกวันในอีสานบ้านเกิดนี่นา  ในขณะเจ้าหนุ่มผิวขาว ตาดำ หน้าแขก โรบินสัน กลับทำท่าแหยง ๆ ในตอนแรกแต่ครั้นตัดใจได้ทดลองทำอย่างบ้าง โดยเด็ดหัวออกทิ้ง แล้วจึงเอาตัวเข้าปาก ขบก้นมันแตกเสียงดังเปาะ เขาก็ร้องขออีกตัว และอีกตัว ทำเอากิ่งคำปาย และแม่เฒ่าหัวเราะประสานเสียง

            เป็นเสียงหัวเราะของคนต่างวัย ต่างวัฒนธรรม ต่างถิ่น ต่างดินแดน แต่ต่างก็มีเลือดสีเดียวกัน

            กั๊ก...ๆ...ๆ...

                             

            มีเสียงประหลาดดังคล้ายปีศาจหัวเราะ ดังลงมาจากต้นไม้สูง กิ่งคำปายกระโดดไปคว้าเอาตัวเจ้าวอมแบตขึ้นมาอุ้มแนบอกโดยสัญชาตญาณ  พลางเรียกขานให้จิงโจ้แม่ลูกอ่อนมาอยู่ใกล้ๆ ไม่ให้เดินเฉไฉออกไปไกลแถว

            “เสียงนกคุกคะเบอร่า”

            แม่เฒ่าเจ้าของถิ่นบอก

           “ใช่คุณกลัวแม้กระทั่งเสียงนก”

            คราวนี้โรบินสันได้ทีหัวเราะขบขันอาการตื่นเต้นของเด็กสาวบ้าง

            แต่กิ่งคำปายมือหนึ่งยังอุ้มวอมแบตขนนิ่มไว้กับอกแนบแน่น  อีกมือคอยกอดคอยาวๆ นางจิงโจ้เหมือนจะให้แน่ใจว่ามันยังอยู่ใกล้ตัวตลอดเวลา   จนชายหนุ่มเริ่มสังเกตอย่างสงสัยในอาการ และความสัมพันธ์ ห่วงหา  ที่เธอมีต่อสัตว์ป่าหน้าขนแบบสนิทชิดเชื้ออย่างนั้น   แต่เขาก็ยังเป็นกังวลกับการคิดหาหนทางกลับออกไปมากกว่าจึงผ่านความสงสัยนั้นไป

             ความจริงครอบครัวฝ่ายแม่ของโรบินสัน บราวน์ มีพื้นเพในประเทศออสเตรเลีย แม่ของเขาก็เกิดที่นี่ใช้ชีวิตในวัยเด็กที่นี่  จนเติบโตเป็นสาวและแต่งงานกับพ่อของเขาซึ่งเป็นชาวอังกฤษ  แม่จึงได้ย้ายไปอยู่ที่นั่นและโรบินสันก็เกิดที่นั่น  แต่เขาก็คุ้นเคยกับประเทศนี้ดี ในช่วงวันหยุดหรือเทศกาลคริสต์มาสเขามักใช้เวลาท่องเที่ยวอยู่กับยาย และครอบครัวฝ่ายแม่ในออสเตรเลียมากกว่า

              แต่ในป่าใหญ่ท่ามกลางขุนเขาแห่งนี้เขาไม่รู้เลยว่ามันตั้งอยู่ส่วนใดของประเทศอันกว้างใหญ่ไพศาลครอบคลุมเนื้อที่ทั้งทวีปแห่งนี้

             “บ้านคุณมีนกส่งเสียงเหมือนปีศาจหัวเราะอย่างนี้ด้วยเหรอ”

             เด็กสาวชาวไทยผู้พลัดถิ่นชวนเขานั่งพัก   เอนหลังพิงโคนต้นไม้ปล่อยสัตว์ออกจากอ้อมแขนแล้วชวนคุยขณะแม่เฒ่านาไบยังเดินด้อม ๆ  มอง ๆ อยู่ตามแมกไม้

            “เปล่าหรอก นกชนิดนี้เป็นนกพื้นถิ่นนี้ แต่แม้ว่าผมจะมีบ้านอยู่ลอนดอน ผมก็มักมาที่ออสเตรเลียปีละหลาย ๆ ครั้ง เพราะยายและครอบครัวของแม่ผมอยู่ที่นี่ ก็เลยพอรู้จักคุ้นเคยอยู่บ้าง ชาวอังกฤษในยุคแรกๆ  ที่มาบุกเบิกก็เคยตื่นกลัวมันมาแล้วเหมือนกันรู้ไหม”

            เด็กสาวรับฟังแล้วเงียบอย่างครุ่นคิด

            เงียบกันไปทั้งสองฝ่าย ได้ยินแต่เสียงนก และกากู่ร้องมาจากป่าลึก ๆ

           “ฉันก็อยู่กับยายมาแต่เล็ก ๆ เหมือนกัน ฉันรักยายมาก และตอนนี้ฉันยังมียาย...ทวด ที่...”

          วอมแบตที่คลานอยู่ข้าง ๆ กระโดดขึ้นมาบนตัก ขัดจังหวะ เด็กสาวจึงชะงักคำพูด แต่โรบินสันกลับรำลึกถึงยายของเขาเช่นกัน

           “ยายของผมตอนนี้ยังอยู่ในซิดนีย์” เสียงเขาอ่อนโยนขึ้นเมื่อเอ่ยถึงยาย “ อายุแปดสิบกว่าแล้ว ยังแข็งแรง อยู่คนเดียวได้ และช่วยตัวเองได้”

          “คุณคงรักยายมาก”

          “ใช่ นอกจากยายจะชอบเล่าเรื่องเก่า ๆ แล้ว ยายยังเขียนหนังสือที่รวบรวมจากความทรงจำ และการบอกเล่า การบันทึกความจำจากบรรพบุรุษของท่านในตระกูลขึ้นเล่มหนึ่งด้วย  ท่านเหล่านั้นเคยเล่าถึงประสบการณ์อันยากลำบากสมัยบุกเบิกในดินแดนอาณานิคมแห่งนี้ บรรพบุรุษฝ่ายพ่อของยายเป็นเด็กหนุ่มชาวไอริสที่ทำผิดฐานขโมยของในร้านค้า เพราะความอดยากช่วงสงครามยืดเยื้อในสมัยนั้น เลยถูกจับเป็นนักโทษ และถูกส่งลงเรือมาทำงานหนักในการก่อตั้งอาณานิคมที่พอร์ท  แจ๊คสัน  ซิดนีย์  และย้ายไปหลายแห่ง  ทำงานขณะมีสายโซ่ล่ามขาไว้ ในที่สุดเมื่อถูกส่งไปสร้างโรงโม่ที่บรีสเบน ท่านกับเพื่อนก็พากันหลบหนี รอนแรมเลาะเลียบแม่น้ำบรีสเบนอันคดเคี้ยวเข้าในป่า

              และได้พบคนพื้นเมืองที่ใจดี จึงได้หลบซ่อนใช้ชีวิตอยู่กับพวกเขา จนได้แต่งงานกับเด็กสาวชาวเผ่า และช่วยกันบุกเบิกถากถางฟันฝ่าอุปสรรคสร้างครอบครัวสร้างฐานะ มีลูกมีหลานสืบทอดต่อมามากมาย จนถึงรุ่นผมดังกล่าว”

            “ท่านเป็นนักโทษหรือ” กิ่งคำปายพึมพำ

            “ใช่เป็นนักโทษที่มีฝีมือทางด้านออกแบบก่อสร้าง และครั้นหลบหนีไปมีครอบครัวท่านก็กลายเป็นนักบุกเบิกที่มีความมานะอดทนเป็นเลิศด้วย   อาคารยุคอาณานิคมหลายแห่งที่ท่านมีส่วนร่วมก่อสร้าง  ก่อนหลบหนี  ยังอยู่เป็นมรดกของชาติตกทอดมาถึงปัจจุบัน  ผมกับยายเคยไปเที่ยวดูหลายแห่ง เพื่อเก็บภาพถ่ายมาประกอบหนังสือของยาย   ยายอยากเขียนถึงพ่อของท่านผู้เป็นนักโทษ  และแม่ผู้เป็นชาวอบอริจินที่เติบโตมาจากวัฒนธรรมที่แตกต่างสุดกู่  แต่กลับอยู่ด้วยกันได้ด้วยความรัก ความเสียสละและความเข้าใจกัน  ครองชีวิตร่วมกันได้  เออ...มีภาพบางภาพบางภาพผมยังมีติดในกระเป๋ามาด้วยนะ ป่านนี้มันคงจะป่นปี้ไปกับเครื่องบินแล้วกระมัง”

            เขาถอนหายใจเมื่อพูดถึงเครื่องบิน แล้วเลยเงียบไป กิ่งคำปายพลอยเงียบไปด้วย และดูเหมือนทุกสิ่งรอบตัวนิ่งไม่ไหมติง ราวกับโลกหยุดหายใจ

                                         ........................

            สายมากแล้ว   แม่เฒ่านาไบยังเดินนำหน้าพาสองหนุ่มสาวชาวต่างถิ่นต่างดินแดนเดินทะลุออกมาสู่ชายป่าที่กิ่งคำปายจำได้ว่ายายทวดพาผ่านมาแล้วเมื่อตอนค่อนรุ่ง

            ถึงกลุ่มต้นกัมแดง(ยูคาลิปตัสชนิดหนึ่ง)ที่ออกดอกสีแดงสะพรั่งเต็มต้น แม่เฒ่าทำสัญญาณให้ทุกคนเงียบเสียง และนั่งลงใต้ต้นไม้

            ที่ตรงนี้คือเนินสูงชายภูเขา  ต่ำลงไปเป็นที่ราบริมบึง ทุ่งหญ้าสีเขียวกว้างใหญ่ปู

เป็นพรมจากชายป่าจรดผืนน้ำที่สะท้อนแสงวิบวับอยู่ไกลสุดสายตา ดอกหญ้าสีทองเอนพลิ้วปลิวไล่เป็นลอนลูกคลื่นยามลมพัดพา

            “อูว...สวยจังเลย”

            กิ่งคำปายวางเจ้าวอมแบตน้อยลงพื้นให้ยืนอยู่กับจิงโจ้โมบาย ใช้มือป้องปากแล้วกู่ร้องเสียงดัง จึงถูกแม่เฒ่าเจ้าของร่างเปลือยเปล่ากระโดดเข้าหา ฉุดให้นั่งลงหลบใต้พุ่มไม้ พลางจุปากอย่าได้เอ็ดตะโรไปเดี๋ยวใครได้ยิน

            “ดูโน่นซี”

            มืออันเหี่ยวย่นของแม่เฒ่าชี้ไปที่ลานโล่งใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งกลางทุ่งหญ้า

มีร่างสีดำของชายสามคนกำลังก้ม ๆ เงย ๆ  ด้อม ๆ มอง ๆ เข้าไปในพงหญ้าใกล้ต้นไม้ ทั้งหมดอยู่ในชุดเครื่องแต่งกายที่แทบเปลือยโป้  เพราะสองคนมีเพียงหนังสัตว์ขนปุย ๆ สีเทาสะพายแล่งจากไหล่ข้างหนึ่งลงมาถึงเอว  มองเห็นสะโพกวับ ๆ แวม ๆ ผมสีดำเกล้ามวยยกไว้กลางศีรษะประดับด้วยขนนก

            ชายอีกคนที่ตัวเล็กกว่าเพื่อนนั้นปล่อยตัวล่อนจ้อน  ผมยาวแค่คอ เปียเป็นลอนเล็ก ๆ  เต็มศีรษะ ไหวพะเยิบเหมือนปีกนกยามเจ้าตัวเคลื่อนไหว

            ในมือของทุกคนมีแหลนยาว  ซึ่งเป็นอาวุธที่ทำด้วยไม้ท่อนยาวปลายแหลมถือไว้ในท่าเตรียมพร้อมจะใช้จู่โจมสัตว์อะไรสักอย่างที่กำลังหลบซ่อนในป่าหญ้า  พวกเขาใช้ขาเตะ ปัดป่ายไปตามพงหญ้า พลางทำเสียงชู้ว....ๆ .....

            “นั่นตัมบู  หลานข้า  เขากำลังจะช่วยกันล่าอีมู”

                                   

            แม่เฒ่านี้มือไปที่คนกลุ่มนั้นแล้วบอกด้วยน้ำเสียงแสดงความตื่นเต้น

            นกอีมูตัวใหญ่ตัวหนึ่งวิ่งโหย่ง ๆ หลบหายเข้าไปในพงหญ้า ชายทั้งสามช่วยกันดักหน้าดักหลัง ไล่มันออกมาสู่ลานโล่งใต้ต้นไม้ ใครบางคนพยายามพุ่งแหลนเข้าใส่ แต่มันก็วิ่งไวหลบไปได้ทุกที ใครบางคนต้องวิ่งไปดักหน้าต้อนมันออกมาใหม่เหมือนเล่นซ่อนหา

             ไม่นานใครคนหนึ่งที่ตัวเล็กกว่าเพื่อนคงคิดแผนการได้  เขาวางแหลนในมือลง หันไปหักกิ่งไม้ใบไม้จากที่ใกล้ ๆ มามัดรอบหัว เอว ปลายแขน  และข้อเท้าของตัวเองอย่างขมีขมัน  จนมองดูคล้ายเจ้าอีมูตัวใหญ่  เขาเดินก้มตัวโก้งโค้งทำท่าทาง เหมือนนกอีมู กระโดดไปรอบ ๆ โคนต้นไม้

             เมื่ออีมูเจ้านกยักษ์ถูกต้อนออกมาอีกครั้งเขาก็ทำเสียงหลอกล้อยั่วยวนให้มันโมโห และวิ่งไล่ตีเขาไปรอบต้นไม้

            แล้วอีมูก็หลงกล เมื่อมัวแต่โมโหไล่ตีคนในคราบนก  มันจึงถูกคนสองคนที่ดักรออยู่พุ่งตัวจู่โจมจับอีมูขี้โมโหได้อย่างง่ายได้

           “น่าสนุกจังเลย ว๊าว......”

           จิงโจ้โมบายที่เก็บปากเก็บคำอยู่นานอดเปล่งเสียงร้องออกมาไม่ได้  โชคดีที่ทั้งโรบินสัน และเฒ่านาไบใจจดใจจ่ออยู่กับเกมใต้ต้นไม้จึงไม่มีใครสนใจ และอาจคิดว่าเป็นเสียงของกิ่งคำปาย

            “นั่นเป็นเกมที่ตัมบูชอบมาก”

            แม่เฒ่านาไบเสียงเครือ มองตามร่างชายทั้งสามช่วยกันหามร่างนกยักษ์ตัวนั้นจากไปทางชายป่าอีกด้านหนึ่ง

            “คนไหนคือตัมบู”

             หนุ่มโรบินสันถาม เขาจำชื่อนี้ได้ตั้งแต่หญิงสาวชาวไพรนามว่า  มามิริเอ่ยถึงเมื่อคราเอาน้ำผึ้งกับคบไฟมาให้แม่เฒ่าแล้ว

            “คนตัวเล็กกว่าเพื่อนนั่นแหละ เขากำลังจะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ปีนี้เขาจะได้ท่องไปทั่วแดนศักดิ์สิทธิ์ของมาเคอจูลากับท่านผู้อาวุโส เพื่อเรียนรู้ความลับมากมายของเผ่าเราเป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งปี   กลับมาอีกที่เขาจะได้ทำพิธีรับเข้าสู่การเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว  เขาหวังว่าจะสามารถฆ่าตัววอลล่าบีตัวเขื่อง ๆ ได้สักตัวหนึ่งแล้วถลกหนังมันมาห่มบ้าง แล้วเขาจะได้ชื่อว่าเป็นสมาชิกโดยสมบูรณ์ของชาวเผ่าและอาจมีพ่อของผู้หญิงสักคนยอมยกลูกสาวให้แต่งงานกับเขา...…”

             แม่เฒ่าพูดไปเรื่อย ๆ แต่ชายหนุ่มผู้พลัดถิ่นเพียงมองตามหลังกลุ่มนักล่าอีมูอยู่เงียบ ๆ เขาไม่เห็นความแตกต่างของชายทั้งสามคนนักนอกจากเครื่องแต่งกาย และทรงผมเพราะอยู่ไกลเกินไป

             ขณะนี้ใจของโรบินสัน เพียงต้องการมองหาใครสักคนที่พอจะให้คำแนะนำได้บ้างว่า ที่แห่งนี้คือที่ใดกันแน่ จะหาทางออกไปพบปะผู้คน และกลับบ้านเมืองได้อย่างไรเท่านั้น แต่ครั้นพิจารณาผู้คนและสิ่งรอบกายแล้วเขาได้แต่หันมามองกิ่งคำปายยักไหล่อย่างสิ้นหวัง

             มีเสียงลมพัดมาอื้ออึง ฟ้าที่โปร่งใสอยู่เมื่อครู่พลันมืดหม่นลงคล้ายฝนจะตก แม่เฒ่านาไบลุกขึ้นอย่างว่องไว แต่ยังช้ากว่าทวดคำปลิวในร่างวอมแบต ที่กระโจนแผล็วไปสู่เส้นทางเล็ก ๆ ซอกซอนวกวนเข้าในพงหญ้า จิงโจ้โมบายเรียกลูกน้อยที่ออกไปเดินซุกซนเข้ากระเป๋าโดยด่วน

            เพื่อนในร่างสัตว์ของกิ่งคำปายใช้ขาหน้าสั้น ๆ ทำหน้าที่คล้ายดังมือมนุษย์ยื่นมาผลักเด็กสาวให้ตามติดไปทันที แล้วตัวเองก็กระโดดฮอบ ๆ ตามหลังยายทวดไป

            “อย่าไป  ไม่ใช่ทางนั้น”

            แม่เฒ่านาไบตะโกนตาม  พอดีมีเสียงหวีดร้องของผู้หญิงหลายคนดังก้องมาจากบึงน้ำข้างหน้า โรบินสันจึงคว้าแขนเหี่ยวๆ ของแม่เฒ่าวิ่งตามขบวนไปอีก

            เสียงกรีดร้องของคนจำนวนมากที่ดังมาจากริมบึงนั่นเอง เรียกให้หนุ่มสาวผู้พลัดถิ่นวิ่งตามวอมแบตน้อยไป แม่เฒ่าจำใจต้องตามหลังไป ใกล้เข้ามาจนได้ยินเรียกชื่อที่คุ้นเคยชัดเจนขึ้น

            “มามิริ  มามิริ.....กลับมา”

            ผู้หญิงและเด็กกลุ่มหนึ่งซึ่งต่างมีรูปร่างหน้าตาผิวพรรณบ่งบอกให้รู้ว่าเป็นชนเผ่าเดียวกันกลับแม่เฒ่านาไบซึ่งยืนออกันอยู่บนฝั่งน้ำริมบึง กวักไม้กวักมือ ป้องปากตะโกนเรียกชื่อมามิริ เสียงดังลั่นสนั่นดงพงไพร

             น้ำในบึงใสเหมือนกระจก เรือแคนูน้อยลำหนึ่งลอยนิ่งอ้อยอิ่งอยู่ไกลออกไป  สะท้อนเงาในน้ำเป็นประกายระยิบในระลอกคลื่น

              ทุกคนบนฝั่งตะโกนเรียกเธอ มามิริ สาวน้อยผู้นั่งอยู่ในแคนูลำน้อย ด้วยความห่วงใยตื่นเต้นเพราะที่ริมฝั่งมีสัตว์เลื้อยคลานหน้าตาดุร้าย ตัวใหญ่ยาวกว่าสี่เมตรกำลังโถมตัวมุ่งไปในน้ำ

ตูม...น้ำพุ่งกระฉอกเป็นลำสูง เมื่อมันพุ่งตัวลงไปอย่างมุ่งร้าย ตรงดิ่งไปที่คนบนเรือแคนู

              แทนที่จะกลับเข้าฝั่งเรือลำน้อยกลับเคลื่อนไกลออกไปกลางบึง ด้วยเด็กสาวผู้ที่นั่งอยู่ในเรือจ้ำไม้พายพาเรือห่างออกไปไม่ยอมหยุด ไม่นำพาเสียงตะโกนตาม และสัตว์อะไรบงอย่างที่พุ่งไปหาจนน้ำแหวกเป็นทาง

             “จระเข้  !!!”

             พร้อมกับเสียงเฒ่านาไบกระโจนลงในน้ำอย่างลืมตัว หวังจะไปช่วยเด็กสาวที่แก

รักเหมือนลูกหลานของตัวเอง แต่ร่างกายที่แก่ชราทำให้แกล้มและจมลงในน้ำทันที

             ชั่วที่ทุกคนทั้งกลุ่มที่ยืนอยู่ก่อนและผู้มาใหม่ตะลึงจังงังอยู่อึดใจนั้น ยายทวดของกิ่งคำปายในร่างวอมแบตก็วิ่งฉิวลงไปราวกับน้ำคือแผ่นกระดาน มือไวยื่นยาวคว้าเอาตัวคนในเรือแคนู และที่กำลังจะจมน้ำอยู่ใกล้ฝั่งขึ้นมาทันที

             โรบินสันทันได้สติก่อนใครเขากระโจนไปช่วยอีกแรง ซึ่งกลับถูกลากขึ้นมาเพราะแรงฉุดของวอมแบตน้อยอีกคนทั้ง ๆ ที่เท้ายังไม่สัมผัสน้ำด้วยซ้ำ พร้อมกันนั้นเจ้าสัตว์ร้ายปากกว้างที่ฟาดอยู่ตูมตามก้ถูกดีดหงายท้องกระเด็นกระดอน เสียงดังโครมครามน้ำแตกกระจายเป็นฟองสูงรวดเร็ว

เร็วจนเขาเองก็งงงัน

             งงงันเพิ่มขึ้นอีกเมื่อผู้คนทั้งหลายที่ชุมนุม  ณ  ฝั่งน้ำทุกคนหันมาขอบอกขอบใจเขา ราวกับเป็นวีระบุรุษในสงครามก็ไม่ปาน โดยเฉพาะหญิงสาวเจ้าของร่างอวบ หน้าเข้มตาคม ผมยาวดำขลับถักเปียเส้นเล็ก ๆ รอบศีรษะ ประดับด้วยเปลือกหอยที่ร้อยเป็นพวง หล่อนมีหนังจิงโจ้คลุมไหล่ยาวลงมาถึงหน้าท้อง ท่อนล่างมีเพียงมาลัยดอกไม้หลากสีมัดไว้รอบเอว กลีบดอกไม้คลอเคลียอยู่กับอวัยวะส่วนที่โค้งเว้าอร้าอร่าม หล่อนเข้ามาขอบคุณ ขอบอกขอบใจใกล้ชิด จนโรบินสันที่ยังงงงันอยู่แล้ว กลายเป็นต้องกั้นลมหายใจไม่กล้าสบตาคมกล้าที่มองหน้าเขาไม่วางตานั้น

              วอมแบตน้อยนอนหมอบนิ่งตาแป๋วอยู่ที่เดิม โดยที่ไม่มีใครรู้ว่ามันได้ทำอะไรมา

              กิ่งคำปายเท่านั้นที่เข้าว่าทุกคนขึ้นมาจากน้ำได้เพราะอะไร เด็กสาวใช้มือลูบขนนิ่ม ๆ ของเจ้าวอมแบตเบา ๆ เหมือนจะบอกขอบใจ จิงโจ้โมบายหันมาขยิบตาให้อย่างรู้กัน ทำให้โรบินสันที่ก้มหน้าหลบตาสาวชาวเผ่าบังเอิญเห็นเข้าประกายตาวาววับขึ้นทันที จ้องมองเด็กสาวชาวไทย กับเจ้าสัตว์ตัวน่ารักที่ตอนนี้กลับมาทำหน้าตายในอ้อมกอดของเธอด้วยแววตาคาดคั้น

             “คุณ....กับ...”

             ทันใดนั้นมีเสียงไชโยโห่ร้องดังขึ้นฝั่งน้ำที่อยู่ไม่ไกลนัก เป็นด้านที่มีร่างมหึมาของเจ้าสัตว์เลื้อยคลานถูกดีดปลิวกระเด็นไปตกดังตูมนั่งเอง ชายกลุ่มหนึ่งใช้แหลนกลุ้มรุมทุ่มแทงจระเข้จนมันสิ้นฤทธิ์  ละกำลังช่วยกันลากมันขึ้นสู่ฝั่งอย่างมีชัย  เรียกความสนใจจากทุกคนไปก่อนรวมทั้งกิ่งคำปายที่หลงกระโดดโลดเต้น พลางร้องเชียร์เสียงดัง ราวกับเป็นนักล่าจระเข้ไปด้วย  ไม่สนใจเขาสักนิด

              มีแต่นางจิงโจ้สัตว์แม่ลูกอ่อนเท่านั้นที่มองสบตาเขาด้วยแววท้าทาย คล้ายดั่งสายตาของสาวน้อยจอมซน ขี้เล่นและหยอกล้อ

              ชายหนุ่มผู้พลัดถิ่นเพราะเครื่องบินตกจึงได้แต่สงบปากสงบคำ  เก็บความสงสัยไว้ในใจ และส่งสายตากลับไปว่า  ฝากไว้ก่อนเถอะนางสัตว์แม่ลูกอ่อนเอ๋ย

              มามิริตัวต้นเหตุขึ้นมายืนบนฝั่ง กอดอกตัวสั่นด้วยความตกใจ หน้าอกตุ่มตูมแห่งวัยแรกสาวเปลือยเปล่าสะท้านเหมือนดอกบัวตูมถูกกระแสน้ำพัดพาสายบัวที่โยงใยอยู่ใต้น้ำ ให้กลีบบัวระริกไหว ขนสัตว์ที่พันรอบเอวเปียกลู่ หยดน้ำไหลย้อยเป็นทางลงไปตามลำขาสีน้ำตาลกลมกลึง  ปนกับเลือดจากกายสีแดงไหลหยดไปด้วยกัน

              มีสายตาหลายคู่จ้องมองดูสายเลือดแห่งวัยสาวที่ไหลเป็นทางปนหยดน้ำ เด็กสาวรู้สึกตัว และเขินอายจนต้องกระโดดโจนกลับลงไปในน้ำอีกครั้ง เปลือกหอยที่ร้อยเป็นพวงพันอยู่รอบเอว และคล้องคอกระทบดังกริ๊ง กร่าง ยามเธอเคลื่อนกาย

               แล้วเธอก็นั่งแช่ลงในน้ำห่อตัวนิ่งอยู่

              “มามิริเจ้าขึ้นมาเถิด”

              ใครบางคนในกลุ่มเรียก โรบินสันเพิ่งมองสำรวจทุกคนโดยรอบ เด็กทุกคน  ณ  ที่นั้นไม่ว่าเล็กหรือโตที่ต่างเปลือยกายล่อนจ้อน  เผยให้เห็นผิวสีน้ำตาลขะมุกขะมอมเหมือนคลุกด้วยดินโคลน พวกผู้ใหญ่และสาว ๆ บ้างเปลือยร่าง บ้างมีหนังสัตว์คลุมไล่ หรือสะโพก หลายคนมีเปลือกหอยลักษณะคล้ายหอยขมตัวเล็ก ๆ ก้นแหลมเป็นกรวยนูนสีฟ้าอมชมพู หรือเขียวเหลือบมุก  มีลวดลายสีน้ำตาลเหลือบเลื่อม ร้อยเป็นสร้อยประดับประดาตามร่างกาย เป็นเข็มขัดคาดเอว และกำไล สายสร้อย หรือประดับมวยผม

              เนื้อตัว หน้าตาของทุกคนมีริ้วรอย  ขีดข่วน  หรือสักเช่นกับแม่เฒ่านาไบ  เด็ก ๆ เท่านั้นที่ไม่มีทั้งรอยสัก และผืนหนังคลุมตัว แต่ทุกคนก็มีรอยแผลเป็นจากการขีดข่วนของคมหนาม  หรือรอยไหม้จากไฟ ตามผิวหนัง ลำตัวหรือหน้าตาคนละหลาย ๆ แผลจนมองเหมือนจงใจทำเพื่อตกแต่งลวดลายประดับร่างกาย ผิวสีน้ำตาลจัดของทุกคนได้รับการพอกประเทืองด้วยแป้งสีส้มแดงผสมไขมันสัตว์

              เด็กตัวเล็กที่ยังเดินไม่ได้จะถูกห่อไว้ด้วยถุง หรือผืนหนังสัตว์ประเภทจิงโจ้ ที่มีอยู่ดาษดื่นแถบนี้ และแม่ของเขาก็สะพายไว้บนหลัง ไหล่  หรือมัดผูกติดอกไว้ สะดวกเวลาก้ม ๆ เงย ๆ เก็บหอบเก็บปู ยังมีทารกที่ยังแบเบาะนอนอยู่ในตะกร้าวางอยู่แทบเท้าของแม่ ซึ่งมีอีกหลายใบที่ตั้งอยู่เคียงกันแต่ใช้บรรจุผลไม้และอาหารที่ช่วยกันหามาได้ เช่น  หอย กุ้ง และสัตว์เล็กสัตว์น้อยหลายชนิด

             “ขึ้นมาเถิดมามิริ  พี่จะพาเจ้าไปพักในถ้ำ ถิ่นพำนักอันเป็นสถานที่แห่งความลับของผู้หญิงเอง”

             สาวใหญ่ใจกล้านัยน์ตาคม ที่โรบินสันไม่กล้าสบตานั่นเอง เธอก้าวขาข้างหนึ่งลงไปในน้ำยื่นมือลงไปให้มามิริ พลางอ้อนวอน  “เจ้าไม่ต้องอายหรอก ผู้หญิงทุกคนที่เติบโตเป็นสาวก็ต้องมีประจำเดือนกันทุกคนนั่นแหละ”

             “ใช่.... แม่ของเจ้า  ยายของเจ้า ป้า  น้า ของเจ้าล้วนเป็นเฉกเช่นกัน เจ้าก็รู้ถึงเวลานั้นทุกคนก็จะแยกตัวออกจากค่าย ออกจากสายตาของผู้ชายไปอยู่ในสถานที่แห่งความลับของเราไง”

             มีใครบางคนในที่นั้นช่วยอธิบายสนับสนุน แต่ไร้ผล คนที่อยู่ในน้ำยังนิ่งเฉย แถมก้มหน้าห่อตัวเข้าใช้มือกอดอกไว้ ครั้นถูกฉุดให้ลุกขึ้นเธอก็ปฏิเสธเสียงดังว่า

               “ไม่จ๊ะพี่อารันดารี” เธอเรียกสาวใหญ่นั้นว่าพี่  “ข้าไม่...ไม่อยากให้พ่อรู้ว่าข้ามีความลับแล้ว ถึงเวลาที่ข้าต้องแต่งงานแล้ว พ่อต้องจัดการให้ข้า และข้าไม่อยากแต่งงานกับตาเฒ่า....”

               เธอชะงักไปนิดหนึ่งคล้ายเกรงกลัว หรือไม่อยากเอ่ยชื่อนั้น แต่ที่สุดด้วยความรู้สึกบีบคั้นจนไม่หวั่นเกรงอะไรอีกแล้วจึงพูดปนสะอื้นออกมา

             “ข้าไม่อยากแต่งงานกับตาเฒ่าบันดิ”

             ทุกคน  ณ  ที่นั้นสะดุ้ง ราวกับได้ยินเสียงฟ้าคำราม

             โรบินสันได้แต่มองกิ่งคำปาย ส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจ มามิริลงไปนั่งแช่ในน้ำ ผู้หญิงหลายคนในที่นั้นรวมแม่เฒ่านาไบต่างพากันเกลี้ยมกล่อมและปลอบโยน

***********************************************************

 

 

 

 

Tags : กิ่งคำปายกับยายทวด วรรณกรรมเยาวชน เอื้อยนาง

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view