พม่าไม่ไปไม่รู้ ๒
“เอื้อยนาง”
๒. จากย่างกุ้ง สู่สิเรียม ไหว้เจดีย์กลางน้ำ เยเลพญา
พม่า หรือ เมียนม่าร์มีเนื้อที่ทั้งหมด ๑๖๑,๒๒๘ ตารางไมล์ ใหญ่กว่าประเทศไทย แต่มีประชากรน้อยกว่า คือประมาณ ๕๐ ล้านกว่า ๆ ประชากรส่วนใหญ่หนาแน่นในที่ราบลุ่มแม่น้ำอิรวดี สะโตง ย่างกุ้งทางภาคใต้ใกล้ฝั่งทะเลลเฉพาะที่เมืองย่างกุ้งมีประมาณ ๔ ล้านคน
ย่างกุ้งเป็นเมืองหลวงเก่า แม้มีการย้ายสถานที่ราชการสำคัญไปยัง เมืองหลวงใหม่ ที่เนปีดอร์ ในปี ๒๕๔๘ แต่ย่างกุ้งก็ยังเป็นเมืองเศรษฐกิจ การศึกษา เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัย โรงงานอุตสาหกรรม เป็นศูนย์กลางธุรกิจการค้า ศูนย์กลางการคมนาคม
ในตัวเมืองย่างกุ้ง
เนย์ปีดอว์ ( Nay pyi daw หรือ Nay pyi Taw) มีความหมายว่า มหาราชธานี ย้ายจากกรุงย่างกุ้งเมื่อวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ ตั้งอยู่หมู่บ้านที่ชื่อ Kyatpyae จัตปแว ในเขตมัณฑะเลย์ ห่างจากกรุงย่างกุ้งไปทางเหนือประมาณ ๓๒๐ กิโลเมตร
สำหรับ สิเรียมที่คุณติ๊กพาเราข้ามสะพานจากย่างกุ้งไปในวันนี้ อยู่ห่างจากย่างกุ้งประมาณ ๔๕ กิโลเมตร และเป็นเมืองที่ตั้งอยู่คนละฟากฝั่งแม่น้ำย่างกุ้ง แม่น้ำย่างกุ้ง ดูกว้างใหญ่น้ำเปี่ยมตลิ่ง สะพาน ที่ข้ามเป็นสะพานคู่ขนานกับสะพานรถไฟ ขณะอยู่บนสะพานคุณติ๊กเล่าตำนาน เรือง ห้ามผู้หญิงนอนทับแขนขวาของสามีว่า
บนเส้นทางสู่สิเรียม
เรื่องมันเกิดนมนานมาแล้ว ที่คนฝั่งโน้น(สิเรียม) กับฝั่งนี้(ย่างกุ้ง)มีความสัมพันธ์ต่อกัน ตั้งแต่สมัยพระราชาโอกาละปะทางฝั่งโน้นมีมเหสีองค์หนึ่งซึ่งรักมาก แต่ครั้นพระนางคลอดพระธิดาพระนางก็ตายไป พระเจ้าโอกาละปะทรงเลี้ยงพระธิดาเป็นอย่างดี เมื่อเติบใหญ่เจ้าหญิงได้พบรักกับเจ้าชายซึ่งอยู่คนละเมืองคนละฝั่ง(น้ำ) ทั้งสองรักใคร่จนได้อยู่ด้วยกัน
ท่าเรือเมืองสิเรียมวุ่นวายเหมือนเมืองท่าทั่วโลก
ตามธรรมเนียมของชาวพม่านั้นถือว่าผู้เป็นภรรยาจะนอนทับแขนขวาของสามีไม่ได้ เพราะพลังของผู้ชายจะอยู่ที่แขนขวา แต่เข้าหญิงอยากลองว่าเจ้าชายจากฝั่งโน้นจะรักตนมากเพียงใดจึงขอนอนทับแขนขวา ซึ่งเจ้าชายก็ยอมด้วยความรัก ต่อมาเกิดความวุ่นวายทางฝั่งโน้นเจ้าชายต้องว่ายน้ำกลับไป แต่ยังไม่ถึงฝั่งก็กถูกจระเข้กัดตาย ทำให้เจ้าหญิงตรอมใจตายตาม นั่นเป็นเพราะทั้งสองทำผิดข้อห้ามนั่นเอง
คุณติ๊ก ไกด์พม่าผู้มากับตำนานและรอยยิ้ม
ฟังตำนานไปมองข้างถนนที่รถวิ่งผ่านไปด้วย ฝนยังคงตกปรอย ๆ ตลอดทาง รถจึงต้องค่อย ๆ วิ่ง รถวิ่งทางเลนขวาซึ่งเราไม่ชิน ครั้นมีรถสวนมาจึงดูคล้ายจะวิ่งมาชนอยู่เรื่อย ถนนไปสิเรียมก็ไม่กว้างนัก สองข้างยังเป็นป่าธรรมชาติสลับกับสวนผลไม้ บ้านเรือนราษฎรเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ มีอยู่ห่าง ๆ บางหมู่บ้านมีเจดีย์เหลืองอร่าม ตั้งเด่นให้เห็นอยู่ทั่วไป หน้าบ้านบางแห่งมีสินค้าตั้งขายอยู่เรียงราย ที่เห็นมีมากคือผลไม้ กล้วย มะพร้าว ขนุน ส้มโอ
สิเรียมมองจากเกาะกลางน้ำที่ตั้งเจดีย์
ใช้เวลาเกือบชั่วโมงจึงถึงเมืองสิเรียมซึ่งห่างจากย่างกุ้งประมาณ ๒๕ กิโลเมตร
สิเรียม เป็นเมืองท่าสำคัญอีกเมืองหนึ่งของพม่า ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำย่างกุ้งเชื่อมต่อแม่น้ำอิรวดี เป็นพื้นที่ลุ่มน้ำดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำอันอุดสมบูรณ์ที่เป็นอู่ข้าวอู่น้ำ ทั้งยังเป็นเมืองท่าจึงเป็นที่หมายปองของชาวต่างชาติยุคล่าอาณานิคม แรก ๆ มีโปรตุเกส ฝรั่งเศส อังกฤษ และฮอลันดาแย่งกันเข้ามามีอิทธิพล
ในยุคหลังจากกษัตริย์บุเรงนองผู้ยิ่งใหญ่แล้ว ราชวงศ์พม่าก็อ่อนแอ กองทัพยะไข่อาศัยความช่วยเหลือของโปรตุเกสเข้ามาตีหงสาวดี โดยตั้งทัพอยู่ที่สิเรียมเมืองนี้ และต่อมาทหารรับจ้างคนหนึ่งของโปรตุเกสชื่อ นาย
รถพาเรามาจนถึงท่าเรือแล้วจอดให้ลง เพื่อเดินไปลงเรือข้ามไปไหว้เจดีย์กลางน้ำเยเลพญา เป็นท่าเรือที่จอแจแจพลุกพล่านพอสมควร รถสามล้อพม่าที่ผู้โดยสารสองคนต้องนั่งหันหลังให้กัน ส่วนคนถีบนั้นอยู่ตรงกลางวิ่งอยู่ขวักไขว่ หมายตาไว้ว่าจะนั่งให้ได้ (และได้นั่งที่ย่างกุ้งตอนรุ่งอรุณในวันสุดท้ายก่อนกลับ)
เจดีย์เยเลพญา
เจดีย์ เยเลพญา ตั้งอยู่บนเกาะเล็ก ๆ กลางเวิ้งน้ำกว้างใหญ่มองเห็นนยอดปรางค์อร่ามเรืองโดดเด่น ล้อมรอบด้วยหมู่อาคารที่มีหลังคาเป็นช่อชั้นสูงต่ำหลายช่อซ้อนอยู่แต่ไกล ๆ ดูดั่งดอกบัวหลวงพ ริบพราวผุดขึ้น และเบ่งบานกลางสายน้ำ ท่ามกลางม่านฝนบางเบาที่พรมลงพริ้วๆ
เพิ่งก้าวเท้าเปล่าลงจากรถ เดินขยุ้มไปบนพื้นลื่น ๆ ก็มีกองอาสาสมัครหน้าซื่อ ๆ ฉีกยิ้มยิงฟันมาพร้อมสายตาวิงวอน บ้างยื่นมือมา บ้างทำท่าเอามือใส่ปากคล้ายจะบอกว่า กิน ๆ ขอเงินหน่อยหิวจะกินน่ะ และยังมีอีกหลายที่ยื่นช่อดอกไม้กำใหญ่ ๆ สำหรับไปบูชาเจดีย์
เดินไปก็แสนยากลำบากเพราะกลัวลื่น ศาลาท่าน้ำสำหรับเป็นที่ลงเรือก็มีน้ำเปี่ยม ๆ น่ากลัว ทำอาการเก้ๆกัง ๆ อยู่
เจดีย์เยเลพญาเต็มๆ
ทันใดนั้น มีร่างเล็ก ๆ ร่างหนึ่งมาก้มลงพับขากางเกงให้ เลยแปลกใจ ออกจะเก้อด้วย ครั้นมองไปดูพรรคพวกชาวคณะที่มาด้วยกัน และคนไทยคณะอื่น ๆ ที่มาพร้อมกัน หลายทัวร์ หลาย ๆ คน ก็เห็นมีนักขอนักบริการรุมล้อมอยู่เช่นกัน หลายคนเห็นทำหน้าแบบกลืนไม่เข้าคายไม่ออก น้องปุ๋ยไกด์คนสวยชาวไทยของเราเขาบอกไว้แล้วว่าหากเราให้เงินคนหนึ่ง อีกคน และอีกคนก็จะรุมล้อมเข้ามา ครานี้ก็ตัวใครตัวมัน
แต่เรานั้นก็ยังอดใจอ่อนไม่ได้อยู่ทุกที บางแห่งเราเตรียมเงินจั๊ตไว้ซื้อดอกไม้ กลับไม่ได้ซื้อคิดว่าให้คนไปก็คงเป็นกุศลเช่นกัน ขอทานเหล่านี้ต่างกับขอทานที่บ้านเราโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ เพราะที่นี่เขายื่นมือมาและบอกตรง ๆ ว่า มันนี่ ๆ ส่วนขอทานบ้านเราเขาไม่ขอให้ยากหรอกเขามีวิธีการมากมายหลอกเอาเงินเรา หรือบางทีก็ฉุดกระชากลากกระเป๋าเอาดื้อ ๆ หากขัดขืนก็มีโอกาสเจ็บตัว ถึงชีวิตเรือพาฝ่าคลื่นไปถึงเยเลพญาเสียซี
บนเกาะเล็ก ๆ แห่งนั้นไม่มีพื้นที่ตารางนิ้วใดที่เป็นพื้นดินเลย เพราะเป็นที่ก่อสร้างเจดีย์ ลาน และวิหารอื่น ๆ จนเต็มพื้นที่ นี่คงเป็นไปตามคำอธิษฐานของผู้สร้างที่ต้องการให้มีพื้นที่สำหรับให้ทุกคนที่มาได้บูชากราบไหว้โดยแท้
ศิลปะพม่า รูปลักษณ์เหมือนๆกัน
ตามธรรมเนียมการสร้างเจดีย์ของพม่า นอกจากเจดีย์องค์ใหญ่แล้วยังมีหมู่เจดีย์เรียงราย ล้อมรอบอยู่อีกมากมาย รวมศาลา วิหารอื่น ๆ แล้วกลายเป็นกลุ่มอาคารที่มียอดหลังคาเป็นชั้นช่อประดับเป็นบริวารองค์เจดีย์ราวกับปวงเทพเฝ้าแหนพระมหาเทพบนชั้นวิมานกระนั้น
เยเลพญาเป็นเจดีย์ที่สร้างสมัยที่มอญมีอำนาจครองสิเรียม สร้างโดยคหบดีผู้หนึ่งซึ่งมีศรัทธาในพระศาสนามากอยากสร้างเดีย์ไว้กลางเกาะแห่งนี้ และเขาก็ขออธิษฐานว่า แม้นหากน้ำจะท่วมมากเพียงไร ก็ขออย่าให้น้ำนั้นขึ้นมาท่วมเจดีย์นี้แม้สักทีเลย และแม้นหากมีผู้ศรัทธาเลื่อมใสหลั่งไหลมาไหว้เจดีย์มากมายล้นหลามเพียงไรก็ขอให้มีพื้นที่เพียงพอให้ผู้คนเหล่านั้นได้กราบไหว้เจดีย์นี้เทอญ
นอกจากอุปสรรคจากสายฝนแล้ว ในวันที่เราไปนั้นเขากำลังซ่อมส่วนยอดเจดีย์อยู่ กระนั้นยังมีผู้คนหลั่งไหลมาไหว้ชมไม่ขาดสาย เรือจอดเทียบเที่ยวแล้วเที่ยวเล่า รับผู้ศรัทธามา นอกจากชาวต่างถิ่นต่างบ้านแล้ว ชาวบ้านพื้นถิ่นก็อุ้มลูกจูงหลานมากันไม่น้อย บ้างนั่งพนมมือสงบนิ่ง บ้างนั่งล้อมวงกินอาหารกันอยู่เงียบ ๆ เป็นกลุ่ม ๆ ใต้หลังคาอาคารต่าง ๆ เพราะนอกจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใต้ฐานเจดีย์แล้วยังมีเทพองค์ต่าง ๆ ที่คนนับถืออยู่ในวิหารหลายหลังอีกหลายองค์ บางวิหารสร้างยื่นล้ำออกไปในน้ำ มีทางเดินทอดยาวแลเห็นลูกกรงสองข้างดั่งกรอบรั้วกั้นให้ผู้
เดินปลอดภัยสู่สรวงสวรรค์
๐๐๐๐