http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 08/05/2024
สถิติผู้เข้าชม14,067,007
Page Views16,379,397
« May 2024»
SMTWTFS
   1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

พม่าไม่ไปไม่รู้ โดยเอื้อยนาง ตอน 2. จากย่างกุ้ง สู่สิเรียม ไหว้เจดีย์กลางน้ำ เยเลพญา

พม่าไม่ไปไม่รู้  โดยเอื้อยนาง  ตอน 2. จากย่างกุ้ง สู่สิเรียม ไหว้เจดีย์กลางน้ำ เยเลพญา

พม่าไม่ไปไม่รู้ ๒

  “เอื้อยนาง”

 

๒. จากย่างกุ้ง สู่สิเรียม ไหว้เจดีย์กลางน้ำ เยเลพญา 

              พม่า หรือ เมียนม่าร์มีเนื้อที่ทั้งหมด ๑๖๑,๒๒๘ ตารางไมล์ ใหญ่กว่าประเทศไทย แต่มีประชากรน้อยกว่า คือประมาณ ๕๐ ล้านกว่า ๆ ประชากรส่วนใหญ่หนาแน่นในที่ราบลุ่มแม่น้ำอิรวดี  สะโตง  ย่างกุ้งทางภาคใต้ใกล้ฝั่งทะเลลเฉพาะที่เมืองย่างกุ้งมีประมาณ ๔ ล้านคน  

            ย่างกุ้งเป็นเมืองหลวงเก่า  แม้มีการย้ายสถานที่ราชการสำคัญไปยัง เมืองหลวงใหม่ ที่เนปีดอร์ ในปี ๒๕๔๘   แต่ย่างกุ้งก็ยังเป็นเมืองเศรษฐกิจ  การศึกษา เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัย  โรงงานอุตสาหกรรม เป็นศูนย์กลางธุรกิจการค้า  ศูนย์กลางการคมนาคม

                  

                                                             ในตัวเมืองย่างกุ้ง

            เนย์ปีดอว์  ( Nay pyi daw  หรือ Nay pyi Taw) มีความหมายว่า  มหาราชธานี  ย้ายจากกรุงย่างกุ้งเมื่อวันที่ ๖  พฤศจิกายน  ๒๕๔๘  ตั้งอยู่หมู่บ้านที่ชื่อ  Kyatpyae จัตปแว  ในเขตมัณฑะเลย์  ห่างจากกรุงย่างกุ้งไปทางเหนือประมาณ ๓๒๐ กิโลเมตร

            สำหรับ สิเรียมที่คุณติ๊กพาเราข้ามสะพานจากย่างกุ้งไปในวันนี้ อยู่ห่างจากย่างกุ้งประมาณ ๔๕ กิโลเมตร  และเป็นเมืองที่ตั้งอยู่คนละฟากฝั่งแม่น้ำย่างกุ้ง แม่น้ำย่างกุ้ง ดูกว้างใหญ่น้ำเปี่ยมตลิ่ง  สะพาน  ที่ข้ามเป็นสะพานคู่ขนานกับสะพานรถไฟ  ขณะอยู่บนสะพานคุณติ๊กเล่าตำนาน  เรือง  ห้ามผู้หญิงนอนทับแขนขวาของสามีว่า 

                

                                                       บนเส้นทางสู่สิเรียม

             เรื่องมันเกิดนมนานมาแล้ว  ที่คนฝั่งโน้น(สิเรียม) กับฝั่งนี้(ย่างกุ้ง)มีความสัมพันธ์ต่อกัน  ตั้งแต่สมัยพระราชาโอกาละปะทางฝั่งโน้นมีมเหสีองค์หนึ่งซึ่งรักมาก  แต่ครั้นพระนางคลอดพระธิดาพระนางก็ตายไป  พระเจ้าโอกาละปะทรงเลี้ยงพระธิดาเป็นอย่างดี  เมื่อเติบใหญ่เจ้าหญิงได้พบรักกับเจ้าชายซึ่งอยู่คนละเมืองคนละฝั่ง(น้ำ)  ทั้งสองรักใคร่จนได้อยู่ด้วยกัน 

                 

                                          ท่าเรือเมืองสิเรียมวุ่นวายเหมือนเมืองท่าทั่วโลก

             ตามธรรมเนียมของชาวพม่านั้นถือว่าผู้เป็นภรรยาจะนอนทับแขนขวาของสามีไม่ได้  เพราะพลังของผู้ชายจะอยู่ที่แขนขวา  แต่เข้าหญิงอยากลองว่าเจ้าชายจากฝั่งโน้นจะรักตนมากเพียงใดจึงขอนอนทับแขนขวา  ซึ่งเจ้าชายก็ยอมด้วยความรัก  ต่อมาเกิดความวุ่นวายทางฝั่งโน้นเจ้าชายต้องว่ายน้ำกลับไป  แต่ยังไม่ถึงฝั่งก็กถูกจระเข้กัดตาย  ทำให้เจ้าหญิงตรอมใจตายตาม  นั่นเป็นเพราะทั้งสองทำผิดข้อห้ามนั่นเอง

 

                 

                                           คุณติ๊ก ไกด์พม่าผู้มากับตำนานและรอยยิ้ม

             ฟังตำนานไปมองข้างถนนที่รถวิ่งผ่านไปด้วย  ฝนยังคงตกปรอย ๆ ตลอดทาง  รถจึงต้องค่อย ๆ วิ่ง  รถวิ่งทางเลนขวาซึ่งเราไม่ชิน ครั้นมีรถสวนมาจึงดูคล้ายจะวิ่งมาชนอยู่เรื่อย  ถนนไปสิเรียมก็ไม่กว้างนัก  สองข้างยังเป็นป่าธรรมชาติสลับกับสวนผลไม้  บ้านเรือนราษฎรเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ มีอยู่ห่าง ๆ  บางหมู่บ้านมีเจดีย์เหลืองอร่าม ตั้งเด่นให้เห็นอยู่ทั่วไป  หน้าบ้านบางแห่งมีสินค้าตั้งขายอยู่เรียงราย ที่เห็นมีมากคือผลไม้ กล้วย มะพร้าว ขนุน  ส้มโอ 

                   

                                                   สิเรียมมองจากเกาะกลางน้ำที่ตั้งเจดีย์

             ใช้เวลาเกือบชั่วโมงจึงถึงเมืองสิเรียมซึ่งห่างจากย่างกุ้งประมาณ ๒๕ กิโลเมตร

                สิเรียม เป็นเมืองท่าสำคัญอีกเมืองหนึ่งของพม่า  ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำย่างกุ้งเชื่อมต่อแม่น้ำอิรวดี เป็นพื้นที่ลุ่มน้ำดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำอันอุดสมบูรณ์ที่เป็นอู่ข้าวอู่น้ำ  ทั้งยังเป็นเมืองท่าจึงเป็นที่หมายปองของชาวต่างชาติยุคล่าอาณานิคม แรก ๆ มีโปรตุเกส  ฝรั่งเศส  อังกฤษ  และฮอลันดาแย่งกันเข้ามามีอิทธิพล                      

           ในยุคหลังจากกษัตริย์บุเรงนองผู้ยิ่งใหญ่แล้ว  ราชวงศ์พม่าก็อ่อนแอ  กองทัพยะไข่อาศัยความช่วยเหลือของโปรตุเกสเข้ามาตีหงสาวดี  โดยตั้งทัพอยู่ที่สิเรียมเมืองนี้  และต่อมาทหารรับจ้างคนหนึ่งของโปรตุเกสชื่อ  นายฟิลิป เดอ  บริโต ยี นิโคเต ได้เป็นเจ้าเมืองสิเรียม(ตรงกับสมัยพระเอกาทศรถของไทย) ปกครองอยู่ถึง ๑๓ ปี ทำลายสิ่งสำคัญ ๆ ทางพุทธศาสนาไปที่ประชาชนนับถือไปมากมาย  นำเอาศาสนาใหม่เข้ามา  แต่ในที่สุดเขาก็ถูกจับรับโทษทัณฑ์ตามกบิลเมืองจนตายและนำไปเสียบประจาน  หลังจากนั้นมาสิเรียมก็ถูกปกครองโดยพม่าบ้าง  มอญบ้างไทยบ้างจนในที่สุดพม่าตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ  และได้เอกราชมาแล้ว  สิเรียมยังเป็นแหล่งอุตสาหกรรม  เกษตรกรรม  เป็นเมืองสงบในวิถีพม่ามาจนปัจจุบัน                          

            รถพาเรามาจนถึงท่าเรือแล้วจอดให้ลง เพื่อเดินไปลงเรือข้ามไปไหว้เจดีย์กลางน้ำเยเลพญา    เป็นท่าเรือที่จอแจแจพลุกพล่านพอสมควร  รถสามล้อพม่าที่ผู้โดยสารสองคนต้องนั่งหันหลังให้กัน  ส่วนคนถีบนั้นอยู่ตรงกลางวิ่งอยู่ขวักไขว่  หมายตาไว้ว่าจะนั่งให้ได้ (และได้นั่งที่ย่างกุ้งตอนรุ่งอรุณในวันสุดท้ายก่อนกลับ)

                              

                                                             เจดีย์เยเลพญา

          เจดีย์ เยเลพญา  ตั้งอยู่บนเกาะเล็ก ๆ กลางเวิ้งน้ำกว้างใหญ่มองเห็นนยอดปรางค์อร่ามเรืองโดดเด่น  ล้อมรอบด้วยหมู่อาคารที่มีหลังคาเป็นช่อชั้นสูงต่ำหลายช่อซ้อนอยู่แต่ไกล ๆ  ดูดั่งดอกบัวหลวงพ ริบพราวผุดขึ้น และเบ่งบานกลางสายน้ำ ท่ามกลางม่านฝนบางเบาที่พรมลงพริ้วๆ 

            เพิ่งก้าวเท้าเปล่าลงจากรถ  เดินขยุ้มไปบนพื้นลื่น ๆ ก็มีกองอาสาสมัครหน้าซื่อ ๆ ฉีกยิ้มยิงฟันมาพร้อมสายตาวิงวอน  บ้างยื่นมือมา  บ้างทำท่าเอามือใส่ปากคล้ายจะบอกว่า กิน ๆ ขอเงินหน่อยหิวจะกินน่ะ  และยังมีอีกหลายที่ยื่นช่อดอกไม้กำใหญ่ ๆ สำหรับไปบูชาเจดีย์

            เดินไปก็แสนยากลำบากเพราะกลัวลื่น  ศาลาท่าน้ำสำหรับเป็นที่ลงเรือก็มีน้ำเปี่ยม  ๆ  น่ากลัว ทำอาการเก้ๆกัง ๆ อยู่               

                 

                                                      เจดีย์เยเลพญาเต็มๆ

             ทันใดนั้น  มีร่างเล็ก ๆ ร่างหนึ่งมาก้มลงพับขากางเกงให้ เลยแปลกใจ ออกจะเก้อด้วย   ครั้นมองไปดูพรรคพวกชาวคณะที่มาด้วยกัน  และคนไทยคณะอื่น ๆ ที่มาพร้อมกัน หลายทัวร์ หลาย ๆ คน  ก็เห็นมีนักขอนักบริการรุมล้อมอยู่เช่นกัน  หลายคนเห็นทำหน้าแบบกลืนไม่เข้าคายไม่ออก  น้องปุ๋ยไกด์คนสวยชาวไทยของเราเขาบอกไว้แล้วว่าหากเราให้เงินคนหนึ่ง  อีกคน  และอีกคนก็จะรุมล้อมเข้ามา  ครานี้ก็ตัวใครตัวมัน

            แต่เรานั้นก็ยังอดใจอ่อนไม่ได้อยู่ทุกที  บางแห่งเราเตรียมเงินจั๊ตไว้ซื้อดอกไม้ กลับไม่ได้ซื้อคิดว่าให้คนไปก็คงเป็นกุศลเช่นกัน            ขอทานเหล่านี้ต่างกับขอทานที่บ้านเราโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ  เพราะที่นี่เขายื่นมือมาและบอกตรง ๆ ว่า มันนี่ ๆ  ส่วนขอทานบ้านเราเขาไม่ขอให้ยากหรอกเขามีวิธีการมากมายหลอกเอาเงินเรา  หรือบางทีก็ฉุดกระชากลากกระเป๋าเอาดื้อ ๆ หากขัดขืนก็มีโอกาสเจ็บตัว  ถึงชีวิตเรือพาฝ่าคลื่นไปถึงเยเลพญาเสียซี 

            บนเกาะเล็ก ๆ แห่งนั้นไม่มีพื้นที่ตารางนิ้วใดที่เป็นพื้นดินเลย  เพราะเป็นที่ก่อสร้างเจดีย์  ลาน  และวิหารอื่น ๆ จนเต็มพื้นที่  นี่คงเป็นไปตามคำอธิษฐานของผู้สร้างที่ต้องการให้มีพื้นที่สำหรับให้ทุกคนที่มาได้บูชากราบไหว้โดยแท้

                     

                                                    ศิลปะพม่า  รูปลักษณ์เหมือนๆกัน

            ตามธรรมเนียมการสร้างเจดีย์ของพม่า นอกจากเจดีย์องค์ใหญ่แล้วยังมีหมู่เจดีย์เรียงราย ล้อมรอบอยู่อีกมากมาย  รวมศาลา วิหารอื่น ๆ แล้วกลายเป็นกลุ่มอาคารที่มียอดหลังคาเป็นชั้นช่อประดับเป็นบริวารองค์เจดีย์ราวกับปวงเทพเฝ้าแหนพระมหาเทพบนชั้นวิมานกระนั้น

            เยเลพญาเป็นเจดีย์ที่สร้างสมัยที่มอญมีอำนาจครองสิเรียม  สร้างโดยคหบดีผู้หนึ่งซึ่งมีศรัทธาในพระศาสนามากอยากสร้างเดีย์ไว้กลางเกาะแห่งนี้  และเขาก็ขออธิษฐานว่า  แม้นหากน้ำจะท่วมมากเพียงไร  ก็ขออย่าให้น้ำนั้นขึ้นมาท่วมเจดีย์นี้แม้สักทีเลย  และแม้นหากมีผู้ศรัทธาเลื่อมใสหลั่งไหลมาไหว้เจดีย์มากมายล้นหลามเพียงไรก็ขอให้มีพื้นที่เพียงพอให้ผู้คนเหล่านั้นได้กราบไหว้เจดีย์นี้เทอญ

            นอกจากอุปสรรคจากสายฝนแล้ว  ในวันที่เราไปนั้นเขากำลังซ่อมส่วนยอดเจดีย์อยู่  กระนั้นยังมีผู้คนหลั่งไหลมาไหว้ชมไม่ขาดสาย  เรือจอดเทียบเที่ยวแล้วเที่ยวเล่า  รับผู้ศรัทธามา  นอกจากชาวต่างถิ่นต่างบ้านแล้ว  ชาวบ้านพื้นถิ่นก็อุ้มลูกจูงหลานมากันไม่น้อย บ้างนั่งพนมมือสงบนิ่ง  บ้างนั่งล้อมวงกินอาหารกันอยู่เงียบ ๆ เป็นกลุ่ม ๆ ใต้หลังคาอาคารต่าง ๆ  เพราะนอกจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใต้ฐานเจดีย์แล้วยังมีเทพองค์ต่าง ๆ ที่คนนับถืออยู่ในวิหารหลายหลังอีกหลายองค์   บางวิหารสร้างยื่นล้ำออกไปในน้ำ  มีทางเดินทอดยาวแลเห็นลูกกรงสองข้างดั่งกรอบรั้วกั้นให้ผู้

เดินปลอดภัยสู่สรวงสวรรค์

๐๐๐๐

 

 

Tags : พม่าไม่ไปไม่รู้

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view