กิ่งคำปายกับยายทวด โดยเอื้อยนาง
ตอน ๑๑.มาลัยเปลือกหอย
มันเป็นประเพณีที่ถือปฏิบัติกันมานานแล้วที่ลูกผู้หญิงจะต้องแต่งงานกับชายที่พ่อเป็นผู้เลือกให้ ทันทีที่เธอผ่านวัยเด็กเข้าสู่วัยสาวเต็มตัว ไม่ว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นใคร เธอจะไม่มีสิทธิ์เรียกร้องขัดขืนถือเป็นประเพณีที่ปฏิบัติกันมาเนิ่นนาน แต่โบราณกาลนานมาไม่เคยมีหญิงใดในเผ่าปฏิเสธ แต่มามิริกลับต่างออกไป เด็กสาวมีความฝันแสนไกล อยากใช้ชีวิตอิสรเสรีเหมือนนางจิงโจ้ อยากท่องไปให้ทั่วดินแดนมาเคอจูลาอันศักดิ์สิทธิ์ และดินแดนแสนไกลที่มีดาวพราวแสงในยามค่ำคืน
มามิริยังไม่อยากแต่งงานไม่ว่ากับชายคนใดทั้งนั้น
โดยเฉพาะพ่อเฒ่าบันดิเป็นชายแก่ที่อาวุโสในเผ่า วัน ๆ พ่อเฒ่าก็นั่ง ๆ นอน ๆ คอยให้เหล่าลูกเมียบริการ หากมามิริแต่งงานกับแกแล้วก็จะเป็นเมียคนที่ห้า ลูกหลานของแกหลายคนเป็นเพื่อน ๆ วัยใกล้เคียงกับมามิริ
อารันดารีพี่สาวต่างแม่ของมามิริเองก็เป็นเมียคนหนึ่งของพ่อเฒ่า พ่อของพวกเธอเคารพรักและเกรงใจพ่อเฒ่าบันดิจนพ่อเฒ่าเอ่ยปากขอสิ่งใดพ่อต้องยอมยกให้ทั้งหมด
แต่มามิริยังอยากใช้ชีวิตแบบเด็ก ๆ ตามหลังเหล่าผู้หญิงออกเก็บอาหารในป่า หรือลงน้ำงมกุ้งหอยปูปลา ไปเรื่อย ๆ ในฤดูใบไม้ผลิที่ชาวเผ่าเคลื่อนย้ายมาตั้งค่ายอยู่ ณ ที่นี้ มีสัตว์เล็กสัตว์ใหญ่ในป่ามากมายให้ไล่ล่าออกไปไกล ๆ มีทั้งนก หนู ตัวกูอาน่า พอสซั่ม และเหล่าแมลง ตัวด้วง ตัวบุ้งตลอดมดน้ำผึ้ง ให้ล่ากันสนุก และผลเบอร์รี่ก็สุกแดงเต็มต้น อาหารมีอุดมสมบูรณ์อย่างนี้
เด็กๆ มีเวลาว่างเล่นหัวกันมากมาย เธอกับผองเพื่อนชอบเก็บเปลือกหอยมาร้อยเป็นมาลัยสายสร้อย ใช้คล้องคอ รอบข้อมือ และพันรอบเอวคนละหลาย ๆ สาย ให้กระทบกันกรุ๋งกริ๋งยามก้าวเดิน บางวันพากันหลบออกจากกลุ่มผู้ใหญ่ เก็บดอกไม้มาร้อยเป็นพวงประดับผม เธอเห็นว่าหากแต่งงานแล้ว อีกไม่นานคงต้องมีลูกให้เป็นภาระแบกติดตัวยามเข้าดงพงไพร หรือเดินทางไปที่ใด ๆ จะไล่ล่าสัตว์อีกก็ไม่สะดวกได้แต่ขุดหัวมัน คุ้ยเขี่ยหาตัวด้วง หาความสนุกไม่ได้อีกเหมือนผู้หญิงทั้งหลายที่กลายเป็นแม่ลูกอ่อนนั่นแหละ
มามิริเกิดมาเป็นเด็กผู้หญิงก็จริง แต่เธอเติบใหญ่รวดเร็ว สูงเหมือนเด็กผู้ชาย และชอบเล่นสนุกซุกซนเหมือนเด็กผู้ชาย เธอกับตัมบู ลูกพี่ลูกน้องที่เกิดในปีเดียวกันชอบเล่นหัวด้วยกันเป็นเพื่อนเที่ยวท่องล่องเรือแคนูไปไกล ๆ ด้วยกัน ทั้งสองอยากรู้ว่าข้ามภูเขาที่ขวางทะมึนอยู่ฝั่งตรงกันข้ามของทะเลสาบนั้นมีอะไร ถ้าหากพวกผู้ชายอาวุโสในเผ่ารู้ว่ามามิริเติบโตจนมีรอบเดือนแล้ว เธอกับตัมบูก็จะถูกห้ามไม่ให้ได้เล่นด้วยกันอีก ไม่มีโอกาสไปสืบหาความลับบนภูเขาและทะเลสาบด้วยกันอีก
ผู้เฒ่าในเผ่าเล่าว่าหลังภูเขานั้นไป มันเป็นดินแดนแห่งความตาย วิญญาณทุกดวงมาจากที่นั่น มาเกิดเป็นมนุษย์ และจะล่องลอยกลับไปที่นั่งหลังจากตายแล้ว ไม่มีใครที่ยังมีชีวิตอยู่จะอยากไปดินแดนแห่งนั้นกันหรอก นอกจากมามิริกับตัมบู ดังนั้น อย่างน้อยให้แต่งงานกับตัมบู มามิริยังจะยอมรับได้มากกว่า
แต่ตัมบูก็ยังเด็กเกินไป เด็กผู้ชายโตช้ากว่าเด็กผู้หญิง กว่าเขาจะพิสูจน์ได้ว่าเขาเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว เป็นนักรบของเผ่า และล่าสัตว์ใหญ่ ๆ ได้ จนสามารถแต่งงานได้ก็คงอีกหลายปี และถึงแม้ว่าตัมบูจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้วทั้งสองก็ไม่มีสิทธิ์เลือกอยู่ดี
เกิดมาเป็นลูกผู้หญิงได้แต่ทำตามความต้องการของผู้ชายเท่านั้น ตอนนี้มามิริต้องทำตามความต้องการของพ่อ และหากแต่งงานไปแล้วก็ต้องทำตามความต้องการของสามีอยู่ดี
“ขึ้นมาเถิดหนูน้อย ฝนทำท่าจะตกแล้ว แช่อยู่ในน้ำอย่างนั้นจะหนาวนะ”
เสียงอ้อนวอนของคนบนฝั่งคราวนี้ต่างไป มามิริแหงนเงยขึ้นมาดูทันที พร้อมกับเสียงอ่อนโยน มีมือยาว ๆ สีชมพูสะอาดของชายแปลกหน้ายื่นลงมาให้จับ มามิริเพิ่งสังเกตเห็น เพราะมัวตกใจและอับอายอยากซ่อนเร้นสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเอง ทำให้ไม่ได้ใส่ใจว่ามีใครกันบ้างยืนคอยเธออยู่บนฝั่ง นัยน์ตากลมโตสีดำสนิทของเด็กสาวเบิกกว้างเมื่อมองเห็นคนแปลกหน้า ร่างสูงโย่งมีเสื้อผ้าห่อหุ้มร่างกายมิดชิด เขาคงเป็นผู้ชายมามิริสบตาเขา แล้วมองเลยไปสู่อีกคนหนึ่งที่ยืนอยู่เคียงข้างแม่เฒ่านาไบ เธอคนนั้นคงเป็นผู้หญิง มามิริบอกตัวเอง
คนทั้งสองมากับแม่ใหญ่นาไบ
สองคนเมื่อยืนรวมในกลุ่มนั้นดูแตกต่าง ทั้งรูปร่าง ผิวพรรณ และเครื่องแต่งกาย แต่พวกเขาก็ยิ้มให้เธออย่างอบอุ่นและเป็นมิตร
“ขึ้นมาเถอะจ๊ะ มาสวมเสื้อนี้ไว้”
กิ่งคำปายสนับสนุน “มันมีแขนด้วยนะ และมันคงยาวคลุมสะโพกเธอได้แน่ ๆ”
ช่วยอ้อนวอนพลางชูเสื้อแจ๊คเก็ตของโรบินสันตัวเก่าที่แม่เฒ่านาไบปฏิเสธออกไปให้เห็น แสดงท่าทางให้รู้ว่าสวมอย่างไรหมุนตัว หันหน้าหันหลังโชว์เสื้อผ้าของตัวเองให้ดูอีกด้วย
“เชื่อเขาเถอะข้าเคยสวมมาแล้ว”
แม่เฒ่านาไบสนับสนุนอีกคน
“มาสิจ๊ะ มาลองดูก่อนก็ได้”
กิ่งคำปายย้ำเพื่อให้เกิดความมั่นใจ
มามิริมองดูคนแปลกหน้า ชายหนุ่มกับหญิงสาวที่มีหน้าตาผิวพรรณแตกต่างกัน ผู้ชายนั้นผิวขาวสูงโย่งจมูกโด่งเป็นสัน ส่วนผู้หญิงหน้าค่อนข้างกลมสีเหลืองนวลใส ผมและสีนัยน์ตาดำขลับ เหมือนสีนัยน์ตาของมามิริ
เกิดมาก็เพิ่งเคยเห็น คนรูปร่าง หน้าตาแปลกแยกแตกต่างแตกต่างอย่างนี้ มามิริยังจะวางใจได้อย่างไร แต่ครั้นหันไปมองแม่เฒ่าผู้พาพวกเขามาเห็นทำท่าสนิทสนมกลมเกลียวเป็นอันดี แถมมีอารันดารีพี่สาวของเธอทำท่าอยากใกล้ชิดคนแปลกหน้าอย่างออกหน้าออกตา เด็กสาวจึงลุกขึ้น เดินมาหา ร่างกลมกลึงเปล่าเปลือยมีหยดน้ำเกาะพราว เลือดดสีแดงจาง ๆ ยังไหลปนกับหยดน้ำเป็นทางยาวลงตามขาเรียวสวยคู่นั้น
“มาเถอะฉันจะช่วยเธอเอง”
กิ่งคำปายใช้เสื้อห่มร่างเล็ก ๆ ที่สั่นสะท้านราวกับลูกนกนั้น พาเดินออกไปจากกลุ่ม ซึ่งเด็กสาวทำตามอย่างว่าง่าย
สาวน้อยอดีตนักซิ่งมอเตอร์ไซค์ช่วยจัดการกับเรื่องของผู้หญิงให้เด็กสาวชาวเผ่าเท่าที่ทำได้
มามิริออกจะขัดเขิน เพราะผู้หญิงในเผ่าทุกคนหากมีประจำเดือนจะต้องหลบหน้าออกไปจากสายตาของผู้คนแต่ก็เป็นที่รู้กันอยู่ว่าพวกเธอหลบหน้าไปเพราะเหตุใด ดังนั้นหากมามิริหลบไปตอนนี้ก็หมายความว่าถึงเวลาที่เธอจะต้องแต่งงงาน
หรือจะยอมแต่งงานตอนนี้ ไม่หรอกคิดถึงหน้าของพ่อเฒ่าบันดิแล้วมามิริเลือกแม่เฒ่านาไบมากกว่าและไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากปล่อยให้คนแปลกหน้าจัดการใช้เสื้อผ้ามานุ่งเหน็บเตี่ยวให้ เป็นเสื้อยืดตัวในที่กิ่งคำปายยอมเสียสละเพื่อมิตรภาพของเพื่อนใหม่ที่น่าสงสาร
โชคดีที่กิ่งคำปายมีเสื้อผ้าในตัวหลายชั้น รวมทั้งผ้าเช็ดหน้า ผ้าพันคอ ที่แม่กรองทองจัดการให้เพื่อป้องกันความหนาวในดินแดนที่ห่างไกลบ้านเกิดเมืองนอน
“ในรัฐทางตอนใต้ออสเตรเลียที่หนูจะไปน่ะ ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิของที่นั่นก็จริง แต่ป้าเขาบอกว่ามันก็ยังหนาวเย็นสำหรับชาวเมืองร้อนอย่างเราอยู่ดี”
แม่บอกก่อนจัดการให้เธอสวมใส่เสื้อผ้ามากมาย
“ใส่อะไรมากมายดูสิหนูกลายเป็นคนอ้วนกะปุกลุกไปแล้ว”
กิ่งคำปายเคยประท้วง แต่มาบัดนี้มันกลับมีประโยชน์มากหลาย จนเพียงพอสำหรับสาวน้อยชาวไพร ในดินแดนที่ไม่รู้จักแห่งนี้
มามิริในชุดใหม่เดินเอียงอายกลับออกมาหาทุกคน พวกผู้หญิง และเด็ก ๆ ที่มีแต่ร่างเปลือยเปล่ากันแทบทุกคน อย่างดีก็มีเพียงหนังสัตว์สีตุ่น ๆ คลุมไหล่ หรือสะโพก ต่างเข้ามารุมล้อมจับต้องดูเสื้อที่เธอสวมมันเป็นของใหม่และแปลกสำหรับพวกเขา
โดยเฉพาะอารันดารี บัดนี้เธอมองน้องสาว มองหญิงสาวต่างผิวพรรณด้วยสายตาที่แปลกไป แจ๊คเก็ตสีน้ำเงินขลิบขาวตัวโคร่งคลุมตัวยาวลงเกือบถึงครึ่งขาของเด็กสาว ช่วยปิดบังส่วนที่เป็นความลับที่ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยผ้าพันคอฝ้ายเนื้อหนาเหน็บเตี่ยวมิดชิด หนังสัตว์ผืนเก่าของเธอตอนนี้อยู่ในมือของกิ่งคำปาย
“มามิริให้ฉันค่ะ”
เด็กสาวอดีตนักซิ่งมอเตอร์ไซค์ชูผืนหนังสีตุ่น ๆ และเปียกลู่ผืนนั้นอวดโรบินสัน
มีเสียงไอแค๊ก ๆ ดังมาจากนางจิงโจ้โมบาย เธอได้แต่เหลือบแลเพื่อนด้วยหางตาแล้วค้อนคว่ำ ทำปากขมุบขมิบว่าอิจฉาละซี แต่ไม่มีเสียงลอดออกมา นางจิงโจ้ทำท่ากระโดดฮอบ ๆ ไปรอบ ๆ อย่างชอบอกชอบใจ ทำเอายายทวดในร่างวอลล่าบีส่งเสียงคำรามฮึ่มในลำคอ
“และอันนี้ฉันให้คุณค่ะ”
มามิริยื่นสิ่งหนึ่งในกำมือไปให้โรบินสัน
“อะไรหรือ”
“มาลัยเปลือกหอย”
กิ่งคำปายตอบ แทนเจ้าของที่อ้ำอึ้งพูดไม่ออก
“สวยจัง ขอบใจนะ”
เขามองหอยตัวเล็ก ๆ สีฟ้าอมชมพูมีลวดลายสวยฟั่นเป็นเกลียวกรวยคล้ายถูกจิตรกรฝีมือเอกใช้พู่กันแต่งแต้ม แต่ละตัวถูกเจาะเป็นรูแล้วร้อยเข้าด้วยกันด้วยเส้นเอ็นเล็ก ๆ ยื่นมือไปรับมาแล้วเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงแล้วกางแขนยาว ๆ แล้วหันไปคว้าตัวมามิริโอบกอดอย่างลืมตัว จูบที่หน้าผากพลางเอ่ยขอบใจ
ผิวหน้าของมามิริเป็นสีเข้มจัดขึ้น ดวงตาเป็นประกายวาววับ ริมฝีปากอิ่มแย้มออกราวกับกลีบดอกบัวคลีบาน
จูบของโรบินสันที่หน้าผาก เป็นจูบที่พี่ชายมอบให้แก่น้องสาวในความรู้สึกของเขา แต่สาวน้อยมามิริกลับรู้สึกอุ่นซ่านในกายใจคล้ายต้องมนต์สะกด
********************************************************