ทอย หรือลูกทอย: ภูมิปัญญาท้องถิ่นของพรานป่า
โดยมณี บรรลือ-เรื่อง//ภาพ-ธงชัย เปาอินทร์
เรื่องเล่าจากราวไพรให้สีสันพรรณนาอย่างถึงพริกถึงขิง บู๊สะบั้นหั่นแหลก ในจำนวนตัวละครหลายตัวนั้น ถ้าไม่ใช่พระเอกก็ต้องผู้ช่วยพระเอกที่มีภูมิปัญญาหาทางเอาตัวรอดได้ทุกเวลา ยิ่งเมื่อถึงคราวคับขันยิ่งเปล่งประกายความฉลาดล้ำราวกับแมคไกเวอร์ในทีวี แม้แต่ภาพที่เห็น บนต้นยางที่มีลำต้นใหญ่โจ หากจะไต่ชึ้นไปก็โอบไม่มิด แต่ด้วยภูมิปัญญาของพรานป่าเขาใช้ลูกทอยตอกแล้วปีนขึ้นไปได้อย่างปลอดภัย
ลูกทอยทำด้วยไม้ไผ่ลำที่แก่ได้ที นำมาผ่าซีกขนาดความกว้าง 1-1.5 นิ้ว ยาวประมาณ 25-30 ซม. เสี้ยมปลายข้างหนึ่งให้แหลม อีกข้างหนึ่งตัดเรียบ เหลาลบเหลี่ยมของลูกทอยจนเกลี้ยง ใช้สำหรับปีนต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่ๆ เช่น ต้นยางนา ต้นตะเคียนทอง ต้นญวนผึ้ง ฯลฯ โดยมีเทคนิกสำคัญคือ เมื่อจะตอกลูกทอยต้องตอกเพียงครั้งเดียว ลูกทอยจะอัดแน่นในเนื้อต้นไม้นั้นๆ สามารถรับน้ำหนักพรานได้ทั้งขอขึ้นและขาลง
พรานป่าจึงต้องห้อยพวงลูกทอยขึ้นไปด้วย ระยะห่างแต่ละขั้นราวๆ 50 ซม. เรียกว่าพอก้าวขึ้นได้ ประโยชน์ที่ใช้ในอดีตคือ การตอกทอยเพื่อปีนขึ้นไป"ตีผึ้งหลวง" ซึ่งเป็นผึ้งที่มีขนาดใหญ่ ชอบทำรังบนต้นไม้สูงๆ เขานิยมทำรังบนต้นญวนผึ้งมากที่สุด เว้นแต่ในบริเวณนั้นๆไม่มีค้นญวนผึ้งเหลืออยู่เลย เขาก็จะเกาะบนต้นยาง ต้นตะเคียนทอง ต้นกะบาก ฯลฯ แต่บางครั้งก็พบว่าทำรังตามหน้าผา ส่วนคาถาอาคมที่ใช้ในการตีผึ้งหลวงนั้น ว่ากันว่า มีอยู่จริง
ลูกทอยที่เห็นบนต้นยางนาระหว่างจังหวัดเชียงใหม่กับจังหวัดลำพูนนั้น เขาตอกขึ้นไปเพื่อริดกิ่งยางที่แห้งตาย อันอาจจะหล่นตกใส่คนหรือรถยนต์ การตอกทอยจึงเป็นหนึ่งในภูมิปัญญาท้องถิ่นของพรานป่าในอดีต ส่วนต้นยางทีค่ปลูกจากเชียงให่ช่วงอำเภอสารภีถึงอำเภอเมืองลำพูนนั้นเกิดจากการปลูกขึ้นของเจ้าพระยากัลยาณมิตร สมุหเทศาภิบาลเชียงใหม่
ช่วงหนึ่ง ผมไปทำข่าวเรื่องตักบาตรเที่ยงคืนที่วัดศรีดอนมูล แล้วก็เลยไปถ่ายรูปต้นยางเหล่านั้น จึงบันทึกภาพเก็บไว้ คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะยังมีโอกาสได้เห็นลูกทอย จึงได้ถ่ายรูปเอาไว้มาเล่าสู่กันอ่าน เพราะว่าอีกไม่นานนัก ภูมิปัญญาท้องถิ่นเช่นนี้อาจจะล่มสลายหายไปจากแผ่นดินของเรา แล้วหันไปไต่ด้วยรอกและเชือกเช่นที่เขาฝึกปีนหน้าผาเทียมทั่วๆไป ซึ่งเป็นภูมิปัญญาของชาวต่างชาติ ใครผ่านไปแถวๆต้นยางที่อำเภอสารภี ก็ลองแวะชมได้ครับ