บ้านเล็กในป่าใหญ่ของป้าเกลน Forest Glade Home รัก..อมตะนิรันดร์กาล
โดยป่าน ศรนารายณ์ เรื่อง/ภาพ-นิวัตร เปาอินทร์
ความรักทำให้คนตาบอดจริงหรือ คงไม่ใช่ความรักของลุงสมศักดิ์กับป้าเกลนเป็นแน่ ด้วยว่า ความรักของเขาคู่นี้ได้จดจารึกไว้อย่างอมตะนิรันดร ณ บ้านเล็กในป่าใหญ่ ซึ่งห่างไกลและทุรกันดารเหลือแสน แต่ด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่ แม้หลังความตายก็ไม่อาจพรากป้าเกลนไปจากลุงสมศักดิ์ได้ วันนี้ แม้วัยจะล่วงเลยไปกว่า 70 ปีแล้ว แต่ป้าเกลนยังยึดมั่นคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับลุงสมศักดิ์ก่อนสิ้นลม ป้าเกลนสัญญาว่าอย่างไรหรือ ?
"ฉันจะไม่ทิ้งคนงานทุกคนไปไหน จะกลับมาใช้ชีวิตอยู่ที่เหมือง จะเป็นคนดูแลคนงานทุกคนให้มีความเป็นอยู่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ พี่ศักดิ์ไม่ต้องเป็นห่วงฉันและทุกคน"
เป็นวลีที่คงความอมตะนิรันดร ป้าเกลนของทุกคนได้ให้คำมั่นสัญญาไว้กับลมหายใจเฮือกสุดท้ายของลุงสมศักดิ์ มันยิ่งกว่าสัญญาที่เป็นลายลักษณ์อักษร วันนี้ ป้าเกลนยังวนเวียนอยู่ใกล้ๆลุงสมศักดิ์ที่ในเหมืองแร่มิเสื่อมคลาย
ทิวไม้ใบบังที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาแห่งรัก
ปีพ.ศ.2502 ลุงสมศักดิ์(เสตะพันธุ) ไปเรียนปริญญาโทด้านวิศวะกรรมเหมืองแร่ ที่เมืองแคลคูรี่ ประเทศออสเตรเลีย จึงได้เป็นเพื่อนกับพี่ชายของป้าเกลน ลุงสมศักดิ์กับป้าเกลนคบหากันอยู่หลายปี จึงเดินทางมาแต่งงานกันที่เมืองไทยเมื่อปีพ.ศ.2510 หลังแต่งงานลุงสมศักดิ์ให้ป้าเกลนพักอยู่ที่บ้านในกรุงเทพ ป้าเกลน(เกลนนิส เจอเมนไวท์)จึงไปสมัครสอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
ส่วนลุงสมศักดิ์วิ่งเข้าวิ่งออกระหว่างทองผาภูมิกับกรุงเทพ มีบุตรชายด้วยกัน 1 คน
ป้าเกลนวันนี้ ยังแข็งแรงมาก
ที่เหมืองแร่ของลุงสมศักดิ์มีคนงานอยู่ในเหมือง 600-700 คน ทำงานเป็น 3 กะ ตลอด 24 ชม. กิจการรุ่งเรื่องอยู่หลายปี แต่แล้วเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ชักเริ่มไม่ลงตัว ประกอบกับลุงสมศักดิ์สุขภาพไม่แข็งแรงเหมือนตอนหนุ่มๆ ในที่สุดป้าเกลนต้องลาออกจากงาน แล้วเข้าไปช่วยลุงสมศักดิ์ที่ในเหมือง เพื่ออยู่ดูแลลุงสมศักดิ์อย่างใกล้ชิด และช่วยดูงานไปด้วย
หลังลุงสมศักดิ์เสียชีวิต ป้าเกลนปิดเหมืองเมื่อ ปีพ.ศ.2531
ดัดแปลงบ้านพักที่มีอยู่มาเป็นที่พักแรมสำหรับนักท่องเที่ยว
ปีพ.ศ.2540 ป้าเกลนเปิดเหมืองแร่เป็นที่พักแรมทาง ดัดแปลงโรงพัสดุเป็นเรือนรับรอง และต่อมาได้สร้างบ้านพักเพิ่มขึ้นอีกหลายชุด แต่ละชุดรองรับนักท่องเที่ยวเป็นกลุ่มๆ หรือเป็นครอบครัว ราคาเหมาจ่ายช่วงวันจันทร์-วันพฤหัสบดี ราคาอยู่ที่ 1,200-1,400 บาท/คน/มีรถยนต์ไปเอง แต่ถ้าเป็นช่วงวันหยุด เสาร์อาทิตย์ หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ราคาอยู่ที่ 1,400-1,600 บาท/ไม่มีรถยนต์ไปเองแต่นัดพบที่สถานีตำรวจปิล็อก
ราคานี้รวมอาหารทุกมื้อ กาแฟโอวัลตินตลอดเวลา พร้อมด้วยเค็กหลากรสฝีมือป้าเกลนทำเอง รวมๆแล้วมีบ้านพักอยู่ 4 หลัง เหมาะสำหรับกลุ่มหรือคณะมากกว่าไปเดี่ยวๆ ดูรายละเอียดได้ที่ www.parglen.com ได้เลย
บรรยากาศหน้าเรือนพักนั่งรับประทานอาหารได้
ด้วยสภาพพื้นที่ของเหมืองแร่อยู่ท่ามกลางขุนเขา ลำธารน้ำใสๆ ไหลผ่าน อากาศจึงเย็นเกือบตลอดปี ถ้าไปในช่วงฤดูฝนก็จะยากลำบากในการเดินทาง แต่ถ้าไปในช่วงหน้าร้อนหรือหน้าหนาว สะดวกกว่า ลักษณะของที่พักป้าเกลนเหมือนโฮมสเตย์ หรือกึ่งๆ รีสอร์ท ทุกอย่างเนี๊ยบเหนือระดับบังกาโลทั่วไป เหมือนว่าไปนอนในบ้านฝรั่ง ซึ่งท่านจะได้สัมผัสความแตกต่างอย่างชัดเจน โดยเฉพาะตำนานรักนิรันดร์ของลุงสมศักดิ์และป้าเกลนเล่ากันไม่เบื่อ
รถยนต์ควรเป็นรถขับเคลื่อนสี่ล้อ จะสะดวกปลอดภัยหายห่วง
เรือนรับรองทุกหลังนั่งกินได้..เข้าใจจัดจริงๆ
ในการเดินทางไปครั้งนี้ก็ด้วยความอนุเคราะห์ของผู้อำนวยการททท.กาญจนบุรี คุณอิสสระพงษ์ แทนศิริ เชิญสื่อมวลชนคนทำข่าวไปโฆษณาประชาสัมพันธ์กันตามหน้าที่ หากท่านผู้อ่านสนใจในรายละเอียดอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวกาญจนบุรีละก้อ ติดต่อ ททท.กาญจนบุรีได้ที่ 14 ถนนแสงชูโต ต.บ้านเหนือ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี 71000 โทร.034-511200
E-mail:tatan@tat.or.th หรือ E-mail:essarapong.tansiri@tat.or.th น่าจะได้ข้อมูลการท่องเที่ยวกาญจนบุรีอย่างแจ่มแจ้งแดงแจ๋ สำหรับที่พักแรมทางของป้าเกลนนั้น ป่านเคยไปนอนมาครั้งหนึ่งแล้ว ยังติดใจบรรยากาศและเค้กรสชาติฝรั่งจ๋าของป้าเกลนอยู่เสมอ
ผอ.ททท.กาญจนบุรี ..หล่อไหมนี่
ในบรรยากาศบ้านพักแรมทางของเหมืองสมศักดิ์ ยังแฝงกลิ่นอายของชาวเหมืองได้อย่างน่าทึ่ง เหมือนว่ามันยังมีชีวิตอยู่ และยังแฝงเร้นความรู้สึกลึกๆของคนรักป่าเขาลำเนาไพร ได้ยินเสียงนกร้อง หรีดหริ่งเรไรขับขานตำนานเพลงป่าให้ฟังใกล้ๆหู ใบไม้แรกผลิสีสวยๆ กับอากาศที่เย็นเยียบ หนาวลึกๆ อยู่ในภวังค์ ท่ามกลางทะเลภูเขาของผืนป่าตะวันตก