http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 13/03/2024
สถิติผู้เข้าชม14,001,982
Page Views16,310,797
« April 2024»
SMTWTFS
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930    
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

“เจมี่ บูเฮอร์” เป็นปลื้ม เครื่องสำอาง”Lavivia”ไปได้สวย โดยภาวิณีย์ เจริญยิ่ง/เรื่อง-ภาพ

 “เจมี่ บูเฮอร์” เป็นปลื้ม  เครื่องสำอาง”Lavivia”ไปได้สวย            โดยภาวิณีย์ เจริญยิ่ง/เรื่อง-ภาพ

                                                    “เจมี่ บูเฮอร์” เป็นปลื้ม

                                               เครื่องสำอาง”Lavivia”ไปได้สวย

                โดยภาวิณีย์ เจริญยิ่ง/เรื่อง-ภาพ

    ในบรรดาธุรกิจที่เหล่าดารานักแสดง-นักร้องนิยมทำกัน ส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจเกี่ยวกับความสวยความงาม โดยใช้ตัวเองเป็นพรีเซ็นเตอร์  ซึ่งบางรายก็ประสบความสำเร็จ ขณะที่บางรายไม่ได้ทำการตลาดอย่างจริงจังและมีปัญหาต่างๆ ก็ต้องโบกมือลาไปในที่สุด

                     

  “เจมี่ บูเฮอร์” เป็นนักแสดงสาวอีกคนที่เข้ามาจับธุรกิจเครื่องสำอาง ซึ่งเธอทำมาเกือบ 2ปีแล้ว  ในชื่อแบรนด์ “ลาวีเวีย” (Lavivia) ที่มาจากคำว่าลาวีวาในภาษาเยอรมัน แปลว่า”ชัยชนะ” ซึ่งแม้จะเป็นยี่ห้อใหม่ในวงการ แต่ลูกค้าก็ให้การยอมรับในระดับที่น่าพอใจ โดยในเดือนหนึ่งๆมียอดขายหลักแสน ทำให้สาวเจมี่มีกำลังใจเปี่ยมล้นที่จะเดินหน้าต่อไป

  หลายคนคงสงสัยว่าสาวเจมี่ลูกครึ่งไทย-อเมริกัน ทำไมไม่ใช้ชื่อตัวเองเหมือนที่นักร้องนักแสดง หรือคนดังทั่วโลกชอบใช้ชื่อตัวเองเป็นแบรนด์สินค้าเพื่อให้ผู้คนจดจำได้ง่าย ซึ่งจะมีผลต่อยอดขายไม่มากก็น้อย ประเด็นนี้เจมี่ให้คำตอบว่า “ถ้าใช้ชื่อผลิตภัณฑ์ว่าเจมี่ เป็นการอิงกับตัวเรามากเกินไป สักวันถ้าเจมี่ไม่อยู่หรือไม่ได้มาบริหารงานตรงนี้ ผลิตภัณฑ์อาจจะขายไม่ได้ด้วยตัวของมันเอง อยากให้ผลิตภัณฑ์ขายได้ด้วยตัวของมันเอง จึงเลือกที่ไม่ใช้ชื่อเจมี่ค่ะ”

0000ใช้วัตถุดิบทั้งของไทยและเทศ

 เจ้าตัวย้อนเล่าสาเหตุที่เข้ามาทำธุรกิจนี้ว่า “เป็นคนที่ดูแลตัวเอง  รักสวยรักงามจะชอบพวกสครับเลยคุยกับหุ้นส่วนคุณสรณ์ ปลอดภัย หรือคุณปู ว่าจะทำเป็นธุรกิจ จึงตั้งบริษัท มายบิวตี้เอ็กซ์พีเรียนซ์ จำกัด ขึ้นมาขายผลิตภัณฑ์สครับ  พร้อมผลิตภัณฑ์หน้าใสเพราะคิดว่าผู้หญิงถ้ามี 2 อย่างก็เรียกว่าสวยแล้ว คือผิวขาวและหน้าสดใส” ซึ่งผลิตภัณฑ์ลาวีเวีย มีทั้งหมดประมาณ 30 กว่าชนิด ตั้งแต่หัวจรดเท้า

  อาทิ น้ำนมพอกผิวขาว ,เจลตะไคร้,  ครีมทากลางคืน แพร์ ไนท์ ครีม,ครีมทองคำ ,เซรั่ม คอลลาเจน ,ครีมหน้าขาว แอคทีฟไวเทนนิ่งครีม,สครับมะขามป้อม บอดี้สครับไวน์เทนนิ่ง,วิตามินซีผง คอนเซนเทรท เพียวซี 100 เปอร์เซ็นต์ ฯลฯ

 เจมี่เล่าว่า ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่เน้นทำจากผลไม้และพืชพรรณต่าง ๆ อย่าง Magic Day Body Lotion เป็นครีมกันแดดที่ทาผิวไปแล้วจะเคลือบผิวให้ขาวขึ้นทันทีที่ทา โดยใส่น้ำนมข้าวเข้าไปด้วย เพราะเครื่องสำอางทุกอย่างต้องมีส่วนผสมที่เป็นธรรมชาติ ซึ่งกลิ่นน้ำนมข้าวจะหอมทำให้สดชื่นไปทั้งวัน

  “ผลิตภัณฑ์ของเราสกัดจากผลไม้  ไม่ได้ใช้วัตถุดิบจากสัตว์ อย่างพวกรกแกะ หรือน้ำนมม้าเลย ซึ่งมีคนมาเสนอว่าถ้าใช้น้ำนมม้าที่คลอดลูกภายใน 12 ชั่วโมงหน้าจะใสมาก แต่เราไม่อยากทำอย่างนั้น”

  ผลิตภัณฑ์ทั้งหลายนั้นเป็นการจ้างผู้ผลิตในไทย แต่วัตถุดิบอาทิพวกแอ็คทีฟ , เซรั่มและคอลลาเจนสั่งนำนำเข้าจากฝรั่งเศส และบางอย่างนำเข้ามาจากเกาหลี

“อย่างบรรจุภัณฑ์ สติกเกอร์มีคนออกแบบแต่เจมี่จะเป็นคนเลือกว่าจะเอาแบบไหน แล้วครีมจะขายอะไร เจมี่เป็นคนเลือกว่าต้องการแบบนี้ คุณไปผลิตให้หน่อยไปคิดสูตรให้หน่อย เพราะเราไม่มีความรู้ทางด้านเคมี เราไม่สามารถบอกได้ว่าเคมีตัวนี้เหมาะสมกับอะไร แต่เราบอกว่าจะเอาแบบนี้”

 ในเรื่องแพคเกจนั้นสาวเจมี่ที่อยู่ในวงการแสดงมานานกว่า10ปีบอกว่า ตั้งใจออกแบบให้เป็นสไตล์เจ้าหญิง ๆ หน่อยเพราะคิดว่าทุกคนก็อยากจะสวยเหมือนเจ้าหญิง

00ลูกค้ามีทั้งเด็กมหาวิทยาลัย-ดารา

  สำหรับราคาขาย มีตั้งแต่หลักร้อยถึงพันกว่าบาท สูงสุดคือ 1,500 บาท เป็น เซรั่มคอลลาเจน

 ในระหว่างการสนนากันนั้น เจมี่นำผลแอปเปิ้ลเหี่ยวๆมาให้ดู จากนั้นฉีดสเปรย์วิตามินซีเข้าไป พร้อมกับอธิบายว่า“นี่เป็นแอปเปิ้ลที่ทิ้งไว้หลาย ๆ วันแล้วจะเริ่มเหี่ยวและดำเหมือนหน้าของเราเวลาที่เริ่มร่วงโรย  พอทาแล้วจะเริ่มขาวขึ้น รอยกร้านรอยแห้งจะเริ่มหายไป”

 อย่างที่บอกเครื่องสำอางลาวีเวียมีมากถึง30 ชนิด แต่ตัวที่โดดเด่นกว่ายี่ห้ออื่นก็คือ เซรั่มทองคำผสมวิตามินซี ซึ่งดารานักแสดงหลายคนก็ใช้ รวมถึงตัวเธอเองด้วย

 “ปกติผลิตภัณฑ์ทุกตัวเจมี่ต้องลองใช้ก่อน แต่ตัวที่ใช้ประจำคือเซรั่มทองคำ คอลลาเจนแล้วก็เซรั่มมังคุดเป็นเซรั่มแก้สิว”

 เจมี่ย้ำว่า “ผลิตภัณฑ์ของลาวีเวียนั้นบางตัวถือเป็นเจ้าแรกที่ประกาศว่าทำอย่างเช่นผลิตภัณฑ์ผสมทองคำหลังจากนั้นหลายยี่ห้อก็ทำผลิตภัณฑ์ผสมทองคำเช่นกัน

  สำหรับสินค้าที่ขายดีเป็นอันดับหนึ่งหนึ่งคือ Magic Day Body Lotion อันดับ 2 คือเซรั่มทองคำ อันดับ3 เป็นวิตามินซีผง

  ที่ผ่านมาเจมี่ออกบูธตามที่ต่างๆ และได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นอย่างอย่างดี บางคนเป็นเด็กมหาวิทยาลัย บางคนเป็นเด็กมัธยมก็มาซื้อผลิตภัณฑ์ลาวีเวีย ซึ่งเจมี่เองก็นึกไม่นึกว่าคนกลุ่มนี้จะมาเป็นลูกค้า ซึ่งถ้าเธอว่างจากงานแสดงเธอก็จะมานั่งที่บูธช่วยอธิบายให้ลูกค้าฟังว่าเครื่องสำอางแต่ละชนิดดีอย่างไร

00ใช้ช่องทางขายผ่านบีบี

  นอกจากนี้เธอยังใช้ช่องทางการขายแบบไฮเทคด้วย คือ บีบี หรือแบล็กเบอรี่ (Blackberry)
       
โดยเปิดโชว์รูมบนบีบี เพราะเห็นว่าเป็นช่องทางที่ดี ไม่ต้องเสียเงิน อีกทั้งกลุ่มคนที่ใช้บีบีก็เป็นกลุ่มบนขึ้นไป เป็นกลุ่มที่ใช้เงิน ซึ่งการใช้บีบีนั้นเธอสามารถจะอัพเดทสินค้าใหม่ให้กับลูกค้าเก่าได้ตลอดเวลา และยังแนะนำสินค้าแก่ลูกค้าใหม่ได้ด้วย ซึ่งในช่วงแรกยอดขายผ่านบีบีมีประมาณ20 เปอร์เซ็นต์ แต่ตอนนี้เพิ่มขึ้นถึง 35 เปอร์เซนต์

 วิธีกาขายบนบีบี ของเจมี่คือ สร้างห้อง "Lavivia Shop" แล้วแบ่งห้องย่อยไว้ เหมือนในหน้าเว็บไซต์ อาทิห้องสินค้า, ห้อง Contact Us, ห้อง Chat, ฯลฯ ลูกค้าบีรายใดสนใจสินค้าชิ้นไหนสามารถฝากข้อความไว้ เจมี่และทีมงานจะสามารถตอบได้เลย ซึ่งจะเร็วกว่าอีเมล์เสียอีก

   อย่างไรก็ตามการขายบนบีบีนั้นก็ข้อจำกัดอยู่ โดยเฉพาะรูปที่โพสต์เข้าไปจะแช่นานไม่ได้ ต้องอัพเดททุก 3 วัน เช่นเดียวกับเสียง พอ 3 วันจะเด้งออกทันที นอกจากนี้จะต้องมีสมาชิกไม่เกิน 30 คน ถ้าเกินก็ต้องตั้งกรุ้ปใหม่ต่อไป

  สำหรับผู้สนใจอยากติดต่อทำธุรกิจกับเธอ สามารถติดต่อไปได้ที่ 086-6664145 laviviashop@yahoo.com  หรือดูได้ที่www.lavivia.com

 

 ว่าไปแล้วผลิตภัณฑ์ของลาวีเวียเฉลี่ยแล้วก็หลายร้อยบาทจนถึงหลักพัน ดังนั้นเพื่อจะเอาใจลูกค้าปีนี้เธอจึงคิดจะผลิตสบู่ตัวใหม่ออกมาในราคาไม่แพงตกก้อนละ80-150 บาท สำหรับลูกค้าที่ยังไม่อยากควักเงินหลายร้อยหรือพันกว่าบาทในการซื้อเครื่องสำอางของลาวีเวีย

000จุดเด่นของลาวีเวีย

 แม้จะขายเครื่องสำอางยี่ห้อ”” มาได้ปีกว่า แต่ผลออกมาดีเกินคาด ดังนั้นในปีนี้เธอและหุ้นส่วนจึงวางแผนจะลุยทำการตลาดอย่างจริงจัง

            “เมื่อก่อนเราทำกันเงียบ ๆ โดยมีตัวแทนออกไปวิ่งขายตามร้านสปาตามร้านขายเครื่องสำอาง แต่ปีนี้เราเริ่มออกบูธ เริ่มออกสื่อเป็นการสร้างภาพพจน์ที่ดีของผลิตภัณฑ์ และเน้นการหาตัวแทนให้ได้มากขึ้น ซึ่งตอนนี้มีวางที่เซ็นทรัลลาดพร้าว นอกจากนี้ยังมีขายที่สระบุรี ภูเก็ต หาดใหญ่ เป็นร้านเครื่องสำอางและร้านสปา”

  เป็นที่รู้กันดีว่าธุรกิจเครื่องสำอางมีการแข่งขันกันสูง ซึ่งแต่ละแบรนด์ต่างมีจุดเด่นกันไปคนละแบบ สำหรับยี่ห้อ”ลาวีเวีย” เจมี่บอกว่า “จุดเด่นของสินค้าเราคือสามารถพิสูจน์ผลได้ทันที ใครสนใจจะเป็นตัวแทนสินค้าเราสามารถทดลองให้ลูกค้าดูได้เลยว่ามันได้ผลทันทีเพราะว่าขายของสมัยนี้ต้องทดลองให้เขาดูเห็นกับตาทันที ไม่เช่นนั้นจะขายยาก อย่างผงวิตามินซีสดผสมใส่กับเซรั่มคนให้ละลาย วิตามินซีผงจะละลายกับเซรั่มเท่านั้นแต่ไม่ละลายกับครีม ถ้าใช้เซรั่มคู่กับวิตามินซีผงจะทำให้หน้าใสและขาวขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้”

  การทำธุรกิจเครื่องสำอางครั้งนี้ เจมี่ตั้งใจว่าจะทำไปเรื่อยๆ

 “ผลิตภัณฑ์นี้เจมี่เข้าหุ้นกับพี่ปู (คุณนที ปลอดภัย) ซึ่งเป็นคนนอกวงการ แต่ตัวเจมี่เป็นพรีเซนเตอร์  ที่ผ่านมาเจมี่คิดว่าดาราที่ทำธุรกิจทุกคนก็อยากจะทำให้ยั่งยืน แต่ด้วยว่าบางคนเวลาน้อยเลยอาจจะทำให้ธุรกิจต้องปิดตัวลง สำหรับเจมี่ก็ไม่ได้หวังว่าแบรนด์ของเราจะดังแบบลังโคมหรือลาแมร์ แต่เราจะทำไปเรื่อย ๆ กับกลุ่มลูกค้าที่เรามีและเวลาที่เอื้ออำนวยแต่ก็ไม่หักโหมมาก”

000ปีเดียวได้ทุนคืนหมดแล้ว

  ทั้งนี้ในช่วงปลุกปั้นเครื่องสำอาง”ลาวีเวีย” เพียงปีกว่า เจมี่ก็เป็นปลื้มเพราะเงินลงทุนที่ลงไปในตัวเลข6หลักได้คืนมาหมดแล้ว ทำให้สาวนักแสดง ซึ่งตอนนี้มักเล่นบทนางอิจฉาเป็นส่วนใหญ่เห็นลู่ทางแจ่มใสจากธุรกิจนี้

  “ปกติการลงทุนหลายคนบอกว่าต้องใช้เวลา 3 – 4 ปีจึงจะคืนทุน แต่ของเจมี่ 1 ปีคืนทุนแล้วเพราะตลาดเครื่องสำอางมันโตมาก ปีต่อไปเราจะได้กำไรแล้ว ปีที่แล้วเราลงทุนเรื่องสินค้า แต่ปีต่อไปต้องลงทุนเรื่องสื่อเรื่องออกบูธ เหมือนกาแฟสดเมื่อ 4 – 5 ปีที่แล้วกาแฟสดบูมมาก ทุกคนหันมาทำกาแฟสดมีคนกลุ่มหนึ่งคิดว่ากาแฟสดเดี๋ยวก็ตายแล้วเพราะบูมเกินไป แต่ปัจจุบันนี้กาแฟสดก็ยังเป็นที่นิยมของหลายคนอยู่ เครื่องสำอางก็เหมือนกาแฟสดเมื่อ 4 – 5 ปีที่แล้ว ซึ่งคนกำลังเริ่มคิดว่ามันเกรอะแล้วไม่อยากจะมาลงทุนแต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่ ยิ่งมีคนทำเยอะ

 บางคนอาจจะคิดว่ามีคู่แข่งเยอะๆ อาจกลัวว่าเดี๋ยวจะขายไม่ได้ แต่เจมี่ไม่คิดอย่างนั้น เจมี่คิดว่ายิ่งมีคนทำเครื่องสำอางเยอะ ๆ ยิ่งดีเพราะตลาดจะยิ่งโต เมื่อก่อนเมื่อ 10 ปีที่แล้วเราอาจจะมีผู้ใช้เครื่องสำอาง 10-15% แต่ตอนนี้ธุรกิจโตมากคนที่หันมาสนใจเครื่องสำอางอาจจะ 40-50% ก็ได้ เพราะตลาดมันโต”

000แนะใช้ยี่ห้อเกาหลีต้องดูอย.

   ส่วนกรณีที่ผู้หญิงไทยจำนวนไม่น้อยหันมานิยมใช้เครื่องสำอางแบรนด์เกาหลีนั้น เจมี่มองว่า “เครื่องสำอางเกาหลีเป็นที่ฮ๊อตฮิต เป็นแฟชั่นแต่ก็อยากจะให้ดูที่มีอย.รับรอง สำหรับเจมี่ก็ชอบเครื่องสำอางเกาหลี และบางตัวเราก็นำเข้าจากเกาหลีเหมือนกัน คือเราดูข้อดีของเขา อย่างของญี่ปุ่นตัวไหนดีเราก็ดึงมา อย่าง Magic day body lotion ก็เอาตัวแอคทีฟ มาจากเกาหลี เพราะเกาหลีเขามีทำ เราก็คิดว่าทำไมเราต้องเอาเงินไปให้เกาหลีบูมขึ้นมาทำไม เราเอาเงินให้คนไทยดีกว่า ฉะนั้นเราก็ทำขึ้นมาบ้าง “

            ในฐานะคนขายเครื่องสำอางและมีความรู้ในเรื่องนี้ เจมี่ให้ข้อมูลในการซื้อเครื่องสำอางในท้องตลาดที่มีหลากหลายยี่ห้อทั้งแบรนด์ไทยแบรนด์นอกว่า “แบรนด์บางแบรนด์ที่ขายตามห้างสรรพสินค้าบางตัวก็ไม่ได้ใช้แอคทีฟตัวที่ดีเสมอไป บางยี่ห้อเขาไม่ใช้สิ่งที่บริสุทธ์เสมอไปเพราะเขาต้องมีค่าเคาน์เตอร์ เขานำเข้าจากต่างประเทศ เขามีค่าภาษี ค่าบูธ ค่าโฆษณา ฉะนั้นเขาจึงต้องขายราคา  3,000 – 4,000 บาท ซึ่งจะให้เขาจะใส่ทุกอย่างให้มันดีมันเป็นไปไม่ได้เพราะเขามีต้นทุนสูง แต่ของเราต้นทุนไม่สูงเราสามารถใส่ของเราให้เต็มที่เลย”

  อย่างที่รู้ๆกันอยู่ ในท้องตลาดมีเครื่องสำอางหลากหลายยี่ห้อ มีทั้งขายตรงและขายตามห้างสรรพสินค้า เรียกว่าเป็นตลาดที่มีการแข่งขันค่อนข้างสูง เจมี่เองยอมรับว่า “การขายเครื่องสำอางยากตรงที่ว่าพอเป็นแบรนด์ใหม่การที่จะสร้างความเชื่อมันให้กับลูกค้ามันยาก เพราะว่าทุกคนก็รักหน้ากลัวว่าใช้ไปแล้วจะดีจริงไหม คำถามที่เจอเยอะคือเจมี่ใช้หรือเปล่าเพราะเขากลัวว่าเราจะไปซื้อที่ไหนมาก็ไม่รู้แล้วมาใส่ขวดติดแบรนด์ขาย ซึ่งความจริง ไม่ใช่ เจมี่ใช้จริง ๆ ถ้าไม่ดีหน้าเจมี่ต้องพังก่อนลูกค้า ฉะนั้นการที่เราจะสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าตรงนี้เป็นเรื่องที่ยากมาก อย่างไรก็ตามเราทำมา 1 ปีแล้วก็เริ่มมีกลุ่มลูกค้าที่เริ่มเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ของเรา อีกทั้งราคาที่ขายก็ไม่สูงมาก”

000เป็นนักแสดงแค่เรียกคนดู

  สำหรับคำถามที่ว่าการเป็นดารานักแสดง ส่งเสริมยอดขายหรือไม่ เจมี่ตอบว่า “การออกบูธส่วนใหญ่เป็นการพบปะลูกค้าแล้วก็ตัวแทนมากกว่าก็ไม่ค่อยได้ขาย  ซึ่งการเป็นดาราจะช่วยให้คนมาดู แต่ไม่ใช่ช่วยให้คนเขาควักเงิน เป็นเพียงช่วยให้เขาสนใจแล้วหันมาฟังเรา แต่จะควักเงินต้องเป็นอีกสเต็ปหนึ่ง  แต่ถ้าเป็นดาราที่สนิท ๆ อยากลองอยากใช้อยากหน้าใสเหมือนเรา บางทีก็ให้นำผลิตภัณฑ์ไปทดลอง”

  ส่วนข้อสงสัยของใครหลายคนที่อยากรู้ว่าเป็นนักแสดงกับนักธุรกิจอาชีพไหนยากง่ายกว่ากัน เจมี่ตอบโดยไม่ต้องคิดนาน” การเป็นดาราง่ายกว่าเยอะเพราะเราเป็นลูกจ้างเขา เรามีหน้าที่ และทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ไม่ต้องมาคิดว่าโต๊ะเก้าอี้จะเป็นอย่างไร ค่าน้ำค่าไฟเท่าไร แต่พอมาทำธุรกิจตรงนี้เราต้องเป็นทุกอย่างค่าโน่นค่านี่เราต้องคำนวณ มันคนละเรื่องกันเลย”

  ทั้งหมดนี้คงทำให้เห็นกันแล้วว่า นอกจากสาว”เจมี่ บูเฮอร์” จะเป็นนักแสดงที่มากฝีมือแล้ว เธอก็ยังมีความสามารถและมีความมุ่งมั่นในการทำธุรกิจเครื่องสำอางอย่างเต็มที่ และเชื่อว่า”Lavivia” สัญชาติไทยภายใต้การกุมบังเหียนของเธอและหุ้นส่วนคงจะมียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี

 

 

 

 

Tags : เที่ยวทำกิน(นานาอาชีพน่ารู้) ภาวิณีย์ เจริญยิ่ง

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view