นางสงกรานต์ปืนดุ
:เกษตรกำแพงแสน จัดงานสงกรานต์ล่วงหน้าเพื่อความสามัคคี
โดยKU.27 เรื่อง-ภาพ
ด้วยประเพณีดีงามล้ำเหลือ จึงสืบทอดมาได้ตั้งแต่อดีตกาลจนถึงปัจจุบันนี้ เทศกาลงานสงกรานต์ถือเอาวันที่ 13-14-15 เดือนเมษายน ของทุกปีเป็นช่วง 3 วันอันร้อนระอุเหลือหลาย แต่ด้วยภูมิปัญญาผสมผสานกับพุทธศาสนา ได้ก่อกำเนิดเกิดเป็นช่วงวันมหาสงกรานต์ทั่วไปในพุทธบริษัท อันประกอบไปด้วยชาวไทย ชาวมอญ ชาวพม่า ชาวจีนตอนใต้(กลุ่มไทลื้อหรือไต) ชาวลาว ชาวกัมพูชา ชาวศรีลังกา ชาวอินเดียตะวันออก ซึ่งยึดถือมั่นมากกว่าพุทธบริษัทในโลกอื่นๆ
รถขบวนแห่ยุคใหม่ก็อย่างนี้แหละ วิวัฒนาการจ้า
เรียกกันว่าประเพณีตรุษสงกรานต์มาแต่อดีต ด้วยคำว่า"ตรุษ"อันเป็นภาษาทมิฬนั้นแปลว่าสิ้นปี ส่วนคำว่า"สงกรานต์"อันเป็นภาษาสันสกฤตนั้นแปลว่า การเคลื่อนย้าย ประเพณีหมายถึงการใดๆที่ถือปฏิบัติติดต่อกันมายาวนานจนเป็นปกติทุกปีๆ
ดังนั้น ในความหมายของคำว่าตรุษสงกรานต์จึงหมายถึงประเพณีส่งท้ายปีเก่าและต้อนรับปีใหม่
นางสงกรานต์ปืนดุ ทรงอาวุธสุดฤทธี.."อาก้า" ปากแดงๆจะไว้ใจได้ก่ะ
ปีนี้เพียงวันที่ 7 เมษายน พ.ศ.2554 ผมได้ไปชมประเพณีสงกรานต์จัดโดยข้าราชการพนักงานของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม
งงๆครับ เขาจัดทำไม ทำไมถึงจัด จัดอย่างนี้แล้วจะได้อะไร ประการสำคัญจะเสียงานราชการแบบบ้านเราไหม ผมจึงตัดสินใจเข้าไปร่วมอยู่ในกระบวนการแบบ "อ๊อฟเสิร์ฟเวอร์" หรือผู้สังเกตการณ์ ภาพและเรื่องราวดังต่อไปนี้คือสิ่งที่ได้เก็บเกี่ยวมาจ้ะ
ความงดงามที่แตกต่างในความเหมือน
แม้ว่าผมจะพยายามใส่เสื้อลายพร้อยแต่ด้วยสีสันแตกต่างก็ทำให้แปลกแยก เพราะว่าเขาแต่งตัวกันสีละคณะๆ ข้าราชการพนักงานและบุตรธิดาแห่แหนกันออกมาร่วมขบวน ใช่แล้วครับ แต่ละคณะก็แต่ละขบวน ตกแต่งกันอย่างสวยงามพร้อมดนตรีมโหรีเท่าที่จะจัดหากันมาได้ ที่ขาดไม่ได้เลยเพราะว่าเป็นสีสันของงานนั่นคือ "นางสงกรานต์"
ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง แน่รื้อ?
นางสงกรานต์ปีนี้ไม่ธรรมดา นอกจากแต่ละนางจะแต่งองค์ทรงเครื่องด้วยชุดไทยประจำชาติของเราอย่างสวยงามแล้ว ยังประทับปืนอาก้าอยู่ที่หน้าตัก ท่าทางทะมัดทะแมงเอาการอยู่ เห็นปืนปลอมที่ดูคล้ายปืนจริงเอามากๆก็อดหวั่นใจไปกับเมื่อครั้งเหตุการณ์ 10 เมษายน 2553 ไม่ได้ แต่พอเห็นนางสงกรานต์ของแต่ละคณะส่งยิ้มพริ้มพรายไปทั่ว ก็ใจสว่างกลางวันเชียว สวยหยาดเยิ้มและยิ้มหว้านหวาน เฮ้อ KU.27 ก็ 63-64 ปีกันเสียแล้ว ไม่งั้นได้ส่งยิ้มส่งโค๊กกันบ้างละเนาะ
สามัคคีคือพลัง ชายชุดสีม่วงรวมใจ
ผมตาลายจนไม่ได้จดจำว่าอนงค์นางสงกรานต์ตนไหนอยู่ประจำคณะอะไร ได้แต่ติดตามเพื่อบันทึกภาพน่ารักๆของนางและพี่น้องผองเกษตรของเรา ได้เห็นรอยยิ้มปริ่มใบหน้า ได้เห็นแววตาร่าเริงอยู่ทุกคู่ ได้เห็นเด็กเล็กเล่นกันไปรอบๆพ่อแม่พี่น้อง และได้เห็นความพยายามที่จะร่วมกิจกรรมของกลุ่ม สิ่งที่ผมเห็นทำให้ผมได้คำตอบที่ขัดข้องใจแต่แรกว่า จะจัดงานสงกรานต์ล่วงหน้ากลางแดดแผดเผากันทำไม
กันเอง กันเอง นี่แหละ..เกษตร..เกษตร
ผมเดินไปเรื่อยๆตามประสาชายชราตากล้อง เห็นอะไรแปลกใหม่ก็ถ่ายเก็บเอาไว้ นึกในใจภาพนี้ ภาพนั้นจะนำไปใช้อย่างไร เลยเถิดไปถึงว่า จะเขียนคำบรรยายใต้ภาพให้เห็นขำได้อย่างไร เดินไปเดินมาหลายรอบ โฆษกประกาศว่า 11 น.เศษๆ จะมีอาหารหวานคาวแจกให้กินฟรี คนเป็นเบาหวานอย่างผมก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมานิดหนึ่ง ทั้งๆที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขาสักนิด ผมเล็งไว้เลยว่าข้าวโพดหวานพันธุ์ผสมด้วยฝีมือเกษตรกำแพงแสนรสหวานสุดๆ
แต่หมดซะก่อนเลยต้องขอซื้อมา 3 ฝัก 20 บาท ก็ไม่ได้อีก "หมดพอดีค่ะ ต้องรอต้มก่อน" เฮ้อ..แต่แล้วหนุ่มน้อยหน้าใสก็เอ่ยวาจาน่ารักว่า
ข้าวโพดซุปเปอร์สวีทพันธุ์กำแพงแสนปรับปรุงพันธุ์ใหม่ หวานมาก ต้มขายหน้าม.เถอะ เจ๋ง!!
"เอาของผมไปก่อน"
พร้อมกับส่งถุงใส่ข้าวโพดต้ม 3 ฝักให้ผม ๆก็รู้หน้าที่ดีส่งเงินให้เลย 20 บาท ขอบใจไอ้หนูที่รู้จักคำว่า "ขอลุงก่อน" อิอิอิ เกษตรต้องมีน้ำใจให้อภัย ขยัน และอดทน (ไม่ทนอดว่ะ)
อีแซวสุพรรณบุรีมีดีมาอวด..จ้างมา
เวทีเล็กๆมุมหนึ่ง มีศิลปินเพลงอีแซวจากสุพรรณบุรี ส่วนจะมาจากส่วนไหนของสุพรรณบุรีก็ไม่ได้สอบถาม แต่ได้เห็น "การขึ้นครู"ด้วยบทเพลงที่ไพเราะก็อดใจเดินไปถ่ายภาพมาเก็บไว้ไม่ได้ ว่ากันตามจริง ผมเองก็แม่เพลงเรือมาจากแขวงเมืองวิเศษชัยชาญ ได้ฟังเสียงฉิ่งฉับกรับโหม่งและตะโพนแล้วก็ครึ้มๆ ขยับแข้งขยับขาไปด้วยเหมือนกัน คราวนี้เดินไปทางไหนก็มีเพลงคลอแว่วๆ บางทีก็ได้เห็นสาวนางอีแซวร้องประกบบ่าวเฒ่าหน้าตาขี้เหร่บนเวที น่ารักดี
ขาโย่งขายาว การละเล่นโบราณนานมาแล้ว
หน้าเวทีมีกองทรายที่แต่ละคณะทยอยขนกันมาตามประเพณีสมมุติว่าขนทรายเข้าวัด และมีการประกวดการก่อกองทรายให้ได้แสดงความสามารถ อะไรก็ไม่สำคัญไปกว่า ผมได้เห็นความร่วมมือร่วมใจของแต่ละคณะอย่างมีระบบ กลุ่มหนึ่งประดิษฐ์ประดอยดอกไม้ไว้แต่งพระเจดีย์ทราย อีกกลุ่มหนึ่งก่อพระเจดีย์ทรายจนเหงื่อไหลไคลย้อย แม้แต่เด็กๆก็ได้ยืนดูบ้าง เข้าช่วยบ้าง ตามกำลังและตามประสาเด็ก แต่สิ่งที่จะติดตาตรึงใจเขาไปนั้นมีคุณค่าอนันต์
ที่นั่งริงไซท์ใกล้เวทีสุดๆ
ผมเคยเรียนคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ได้ไปฝึกงานที่ อำเภองาว จังหวัดลำปาง ช่วงปิดเทอม พอถึงเทศกาลสงกรานต์อาจารย์ก็ปล่อยให้ไอ้หนุ่มยกกำลังสองทั้งร้อยได้ไปเยี่ยมยามประเพณีดีงามของสงกรานต์เชียงใหม่ กำหนดวันไปถึงวันกลับพร้อมกับกำชับว่า หากครบกำหนดเวลากลับเข้าแคมป์ฝึกงานแล้วไม่กลับ ก็จะต้องได้รับรางวัลใหญ่
ขอหล่อและสวยสักวัน วันเดียวนี่แหละ
"ขุดตอไม้ในแคมป์" รุ่นผมก็โดนกันไปหลายคน เพราะว่าไปลุ่มหลงกับมนต์เสน่ห์มหาสงกรานต์ของเชียงใหม่ ใจมันหวิวๆไปกับชุดสาวเหนือที่สวยงามเหลือใจ เสียงเจ๊าๆๆแสนหวาน และรอยยิ้มพริ้มพราย นึกในใจ
"ตายเป็นตาย"
สรุปก็ได้กลับมาขุดตอจากสนามฝึกในแคมป์สวนปสักห้วยทากสมใจครับ
เจดีย์ทรายนอกวัด(ม.เกษตร)ก็สืบสานตำนานได้
ด้วยประเพณีที่ดีงามเหลือแสน ได้แผ่กระจายพริบพรายไปทั่วประเทศ แม้แต่ถนนข้าวสารอันเป็นถิ่นที่สิงสถิตของบรรดานักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ก็เข้ามาเล่นสงครามน้ำกันอย่างมากมาย มันหนักข้อไปอีกเมื่อพี่น้องไทยก็ไปนิยมชมชอบ บุกไปเล่นสงกรานต์กับฝรั่งมังค่าที่ถนนข้าวสารเพียบ แต่ที่นั่นเขาเล่นด้วยแนววิวัฒนาการใหม่ ไม่ได้รดน้ำดำหัวเช่นอดีต ใช้ปืนใหญ่ๆไล่ฉีดน้ำใส่กัน เหมือนเกิดสงครามน้ำกลางเมืองไทย ไม่ตายแต่เปียกปอนกันหมด
การรดน้ำสมัยก่อนจะใช้ขันน้อยตักน้ำแล้วรดที่ซอกคอสาว..สุภาพบุรุษ
อย่างไรก็ตาม ประเพณีตรุษสงกรานต์จะยังอยู่ยั้งยืนยงไปกับพี่น้องไทยและเพื่อนบ้านย่านเอเซียสืบไป งานวันสงกรานต์ล่วงหน้าของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน ก็จะเป็นอีกช่วงเวลาหนึ่ง สถานที่หนึ่ง ที่จะสืบสานตำนานวันตรุษสงกรานต์ให้ลูกหลานได้สัมผัส ส่วนเมื่อถึงวันจริงจะไปท่องเที่ยวงานเทศกาลสงกรานต์ที่ไหนก็ได้ ตามแต่ใจสั่งมาเด้อ
หนุ่มหล่อด้วยชุดผ้าม่วงแบบไทยๆ และสาวงามอลังการ
การจัดระบบงานเป็นทีม นี่แหละแม่แบบแม่พิมพ์
คนงามทรามวัย..เขาไม่เมตตา..น้องรู้ไหมว่า..
การอัญเชิญนางสงกรานต์..ยุค.2011 เท่ห์ระเบิดเถิดเทิง ชิมิ ชิมิ
หมูกรอบ หมูแดง และผัดไทยเจ้าดงสะเดา ฟรีๆๆ(กิน)
พิธีกรในงานนี้ หล่อและสวยนะ(ตี๋กับหมวย)
แห่แหนกันแน่นขนัดมานานแล้ว
เล่นสงกรานต์ทั่วไปด้วยจี๊บโบราณ
ก่อพระเจดีย์ทรายเชียงใหม่ ต้นเหตุต้องขุดตอไม้สักจากในแคมป์