บ้านน้ำเชี่ยว:การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์แสนงาม
อ.แหลมงอบ จ.ตราด
โดยธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง/ภาพ-นิวัตร เปาอินทร์
ถ้าอยากท่องเที่ยวแปลกแตกต่าง ต้องลองไปท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และแทบไม่น่าเชื่อว่า จังหวัดตราดมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์มากที่สุดในภาคตะวันออกเลยทีเดียว แต่วันนี้อยากให้ไปท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่บ้านน้ำเชี่ยว หมู่บ้านปากอ่าว(คลอง)น้ำเชี่ยว ที่เพียบพร้อมไปด้วยทรัพยากรท่องเที่ยวที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ ลองตามผมไปดูไหมครับ?
เรือประมงกำลังแล่นกลับมาบ้านหลังออกทะเลไปหาปลา
ผมเสนอให้ลองไปท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่บ้านน้ำเชี่ยวก็ด้วยเหตุผลดังนี้คือ หมู่บ้านนี้มีประวัติความเป็นมากว่า 200 ปี ในช่วงเวลานั้นชาวมุสลิมและชาวพุทธอพยพเข้ามาอยู่อาศัยร่วมกันตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ช่วงปากอ่าวหรือปากแม่น้ำเชี่ยว ซึ่งไหลลงทะเลตราด แต่เดิมน้ำที่ไหลลงทะเลเชี่ยวมากก็เลยได้ชื่อว่าบ้านน้ำเชี่ยว แต่ระยะหลังๆมานี้ น้ำเจอตะกอนบ้าง สิ่งก่อสร้างกีดขวางบ้าง น้ำน้อยลงบ้าง ชักไม่เชี่ยว
ภาพความงดงามของปากอ่าวบ้านน้ำเชี่ยว
โดยธรรมชาติของมนุษย์แล้ว มีความเอื้ออารีย์ต่อกันและกัน เพราะว่ามนุษย์มีสมองโต จึงมีความคิดที่แยกแยะดีชั่วได้ มีความรู้สึกรักโลภโกรธหลงจึงอยู่ร่วมกันได้ด้วยความสมานฉันท์ มีวิสัยทัศน์ที่แปรเปลี่ยนไปตามธรรมชาติและพัฒนาการที่เกิดขึ้น มีกระบวนการในการคิด การทำ และการสืบหาความสุขสงบร่วมกัน แม้ว่าความเชื่อจะแตกต่างเช่นพุทธกับมุสลิม ก็ตาม
พุทธกับอิสลามอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขกว่า 200 ปี
บ้านน้ำเชี่ยวตั้งอยู่ปากอ่าวที่น้ำไหลลงสู่ทะเลตราด จึงมีความอุดมสมบูรณ์ทั้งพืชพันธุ์ไม้ป่าชายเลน สัตว์น้ำและสัตว์บกที่อิงอาศัยอยู่ในป่าชายเลน โดยเฉพาะอย่างยิ่งป่าชายเลนยังเป็นห่วงโซ่อาหารให้กับสัตว์น้ำเป็นระดับๆไป มีป่าปกป้องกันภัยจากลมพายุ มีป่าไม้ให้นกหนูกระแต และลิงได้อยู่อาศัย ส่วนสัตว์น้ำจำพวกกุ้งหอยปูปลาอุดมสมบูรณ์เพราะว่าการเชื่อมต่อระหว่างน้ำจืดและน้ำเค็ม หมู่บ้านน้ำเชี่ยวจึงอยู่ร่วมกันด้วยความสงบงาม
เรือติดเครื่องท้ายกับพายด้วยกำลังแขน เอ้า ฮุยเลฮุย
มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน เป็นสะพานไม้ขนาดกว้าง 150 ซม. สามารถเดินชมป่าชายเลนธรรมชาติได้อย่างสะดวกสบาย มีสัตว์น้ำและสัตว์บกตามธรรมชาติให้ได้ชม เด็กๆชอบดูปลาตีน ผู้ใหญ่จะได้กลิ่นดอกไม้ป่าหอมกรุ่นเช่นดอกเสม็ดขาวและเสม็ดแดง ถูกใจมากสำหรับท่านที่ชอบการถ่ายรูปนก อาจได้ภาพนกกินปลรกำลังดูดกินน้ำหวานจากดอกฝาดแดง ที่เติมแต่งด้วยการสร้างหอคอยสูงถึง 12 เมตรเพื่อให้รับอากาศบริสุทธิ์ ได้ชมธรรมชาติรอบๆอย่างกว้างขวาง ได้เห็นวิถีชีวิตของพี่น้องทำประมพื้งนบ้าน
เด็กๆบ้านน้ำเชี่ยวเป็นสื่อประชาสัมพันธ์ชั้นเยี่ยม
ท่านจะได้เห็นภูมิปัญญาท้องถิ่นเช่นการสร้างเรือเล็ก หัตถกรรมจำพวกหมวกน้ำเชี่ยวรูปแบบต่างๆ ขนมนมเนยที่ทำจากวัสดุธรรมชาติเช่นขนมจาก หรืออยากลิ้มรสชาติสุรากลั่น ขนมตังเมกรอบ ฯลฯ เพื่อซื้อหาไปฝากคนทางบ้านหรือญาติสนิทมิตรสหาย แต่อย่างไรก็ตามวันนี้ งอบน้ำเชี่ยวยังได้ปรับกลยุทธการตลาดให้กลายเป็น งอบเพื่อการตกแต่งมากกว่าใช้สอยทั่วไป
สีสันที่สดใสกับวัยโจ๋..น่ารัก
ขาดไม่ได้เลยก็เรื่องที่พักแรมทาง บ้านน้ำเชี่ยวมีกิจการโฮมสเตย์บริการ เพื่อจะได้สัมผัสวิถีชีวิตชุมชนอย่างลึกซึ้ง อันมีกิจกรรมการล่องเรือชมธรรมชาติ ทดลองออกเรือไปกับการประมงพื้นบ้าน เช่นลงวางลอบปู ตกหมึก ฯลฯ เช้าตรู่เดินไต่เส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน สูดอากาศบริสุทธิ์ให้ฉ่ำปอด เชื่อได้เลยว่า อัตราค่าที่พัก 250 บาท/คน/คืน พร้อมอาหารเช้า 1 มื้อนั้นคุ้มแสนคุ้มครับ
ป่าชายเลนที่ถ่ายจากหอคอยสูง อันแสดงถึงวิสัยทัศน์นายกเทศมนตรี
ส่วนอาหารการกิน คนเมืองตราดโด่งดังมากเรื่องข้าวแกงแสนตุ้ง แต่รสมือการปรุงอาหารตามแบบอย่างชาวบ้านนั้น ถือได้ว่าท้าทายน่าลิ้มลองเป็นอย่างยิ่ง เช่นแกงส้มปลากระบอกสดๆ ผัดฉ่าปลาดุกทะเล ปลากระพงทอดจิ้มน้ำปลา ปูม้านึ่ง หมึกย่างหอมฉุย น้ำจิ้มทะเลแซบๆ ฯลฯ เชื่อได้เลยว่า กุ้งหอยปูปลา ล้วนได้มาจากทะเลสดๆ รสชาติหวานลิ้นแน่นอน ที่สำคัญ ไม่ปนเปื้อนสารพิษ หรือสารแช่กันเน่าเสียอีกต่างหาก
วิถีชีวิตของชาวประมงมีให้เห็นทุกเช้าค่ำ
การเดินทางไปง่ายสุดๆ จากกรุงเทพมุ่งสู่อำเภอแกลง แล้วใช้ความเร็วได้ด้วยถนน 4 ช่องจราจร แต่กรณีฝนตกไม่ควรเร่งรีบ อันตรายมากๆ จากจันทบุรี 315 กม. ก็วิ่งเลยไปจังหวัดตราด
พักค้างสักคืน ตื่นแล้วค่อยไปเกาะช้างก็ได้ จะได้สัมผัสถึงสองบรรยากาศทีเดียว ปู๊น..ปู๊น..
ป่าชายเลนอุดมสมบูรณ์
กิจของสงฆ์ และรอยยิ้มอิ่มใจของเด็กๆในชุมชน
ความงดงามของบ้านน้ำเชี่ยว