งอบบ้านน้ำเชี่ยว :ตาโอ่ง พัฒนาการที่แปรผันตามยุคสมัย
โดยภาวิณีย์ เจริญยิ่ง เรื่อง-ธงชัย เปาอินทร์-ภาพ
ร้านบ้านตาโอ่งค่ะ ที่มาของชื่อร้านนี้เปิดมานานประมาณ 30-40 ปีแล้วค่ะ เมื่อก่อนป้าเป็นคนทำ เป็นคนที่สร้างกิจการนี้มาด้วยตัวของป้าเอง ป้ามีวิสัยทรรศ์ที่กว้างไกล เป็นคนพื้นบ้านที่สามารถที่จะเย็บงอบใบจากได้
ป้ามีบ้านสองฝั่ง ฝั่งนี้เป็นบ้านตาโอ่ง เย็บงอบขายงอบโดยเฉพาะ เมื่อก่อนไม่ได้เปิด 3 ห้องขนาดนี้ เปิดห้องเดียว แล้วสองห้องข้าง ๆ ให้เช่า พอทำไปเย็บไปขายไป เมื่อก่อนนักท่องเที่ยวก็ไม่ได้เข้ามามากมาย ถนนด้านหน้าก็เป็นลูกรัง
ต่อมาก็มีนักท่องเที่ยวแวะมามากขึ้น เพราะที่แปลกแล้วก็มีงอบขาย เพราะเมื่อก่อนไม่มีใครขายเลย พอขายดีขึ้นก็มีชาวบ้านที่เขาเย็บงอบกันเป็นอยู่แล้วเขาก็เห็นว่าขายได้ ป้าทำคนเดียวก็ไม่ทันเขาก็เย็บแล้วมาฝากขาย จนขายได้เป็นลำเป็นสันจนกระทั่งใครจะซื้องอบก็ต้องเข้ามาที่นี่ค่ะ
พอป้าอายุมากขึ้นหลายชายก็รับช่วง ตอนนั้นก็ยังไม่มีชื่อร้านแม้ตอนที่หลานชายมารับช่วงต่อก็ยังไม่มีชื่อร้าน หลายก็ทำไปเรื่อย ๆ หลานชายชื่อคุณโอ่งนะค่ะเป็นคนที่ใกล้ชิดกับป้ามากแล้วก็มีหัวด้านการออกแบบเขาก็เริ่มปรับปรุงรูปแบบจากรูปแบบมาตรฐานที่เป็นกลม ๆ ทั่วๆไป เมื่อก่อนรูปแบบก็จะมีประมาณ 4 – 5 แบบค่ะ
งอบบ้านน้ำเชี่ยว
รูปแบบมาตรฐาน 4 – 5 แบบที่คิดขึ้นมาก็จะมีงอบทรงกะะทะ ทรงสมเด็จ ทางหัวแหลม ทรงกระดองเต่า แล้วก็มีทรงกระโหลก แล้วก็คิดมีมุมขึ้นมาให้ดูนำสมัยขึ้นดูเร้าใจมากขึ้น แล้วก็เป็นรูปแบบใหญ่ ๆ ที่ยังไม่มีใครคิดทำ ที่นี่ก็เลยเป็นจุดเด่นที่ใครไปใครมาก็ต้องมาที่นี่ พูดง่าย ๆ ว่าเป็นที่เตะตานะค่ะ ก็ทำมาเรื่อย ๆ จนทุกอย่างก็ดีขึ้น งานก็ขยายขึ้น ก็ดีค่ะ
ตอนที่รัฐบาลมีโอทอปก็ทำให้งอบใบจากเป็นที่รู้จักมากขึ้น รวมทั้งเราทำมานานแล้ว ป้าเป็นคนอดทนที่จะสร้างงอบใบ จากที่ไม่มีใครรู้จักงอบใบจากเลยจากประกอบการมีโอทอปก็ทำให้เราเป็นที่รู้จักทำให้เราทำงานง่ายขึ้น คุณป้าชื่อสุวรรณา แซ่ลี้ค่ะ ดิฉันชื่อ กิ่งแก้ว จิตตราวสาร เป็นสะใภ้ เป็นภรรยาคุณโอ่ง
คุณโอ่งนี่เรียนหลายอย่างค่ะ เรียนคอมพิวเตอร์ เรียนช่างยนต์ แล้วเขาก็มีหัวทางด้านนี้
งอบใหญ่นี่เราก็ทำทั้งไว้โชว์ แล้วก็ทำขายได้ค่ะ คนที่ซื้อไปเขาก็เอาทำโฆษณา เอาไปติดโชว์ หรือเอาไปเพ้นท์ หรือเอาไปทำศาลา หรือเรายังประยุกต์ทำเป็นโคมไฟแล้วก็เอาวัสดุอย่างอื่นมาประกอบ ก็ไม่ได้นำไปใส่เป็นหมวกอย่างเดียว
งอบนี่เราเคยทำเส้นผ่าศูนย์กลางใหญ่สุดก็ 3.50 เมตรค่ะ ราคานี่ก็ประมาณสามพันกว่าถึงสี่พัน แต่ก็ขึ้นอยู่กับรุปแบบและก็ที่ลูกค้าสั่งว่ายากง่ายอย่างไร ถ้าเป็นงานลูกค้าสั่งก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง ลูกค้าส่วนใหญ่ที่ซื้อเอาก็เอาไปแต่งบ้านค่ะ
ขนาดที่ขายดีก็เป็นขนาดมาตรฐานที่สวมใส่ได้ค่ะ เพราะจุดเด่นของงอบใบจากคือเวลาใส่จะไม่ร้อนและไม่อัดศีรษะ กันแดดกันฝนและทนทาน เพราะที่นี่เราจะเลือกลงด้วยน้ำมันยาง ซึ่งเป็นกรรมวิธีที่ทำมาตั้งแต่รุ่นป้าค่ะ สมัยก่อนเขาไม่ลงวานิสไม่เคลือบวานิสเขาจะใช้น้ำมันยางแล้วผสมสีนิดหน่อยให้ออกตามแนวของใบไม้แห้ง แต่ตอนนี้เราก็ประยุกต์นิดหน่อยเพื่อให้ดูโดดเด่นขึ้นค่ะ เช่นเป็นสีน้ำตาล น้ำตาลอมส้ม น้ำตาลแดง
วัตถุดิบที่นำมาทำก็หาไม่ยากค่ะ เพราะละแวกนี้เป็นพื้นที่ติดชายทะเล ใบจากก็จะเป็นไม้ที่ขึ้นอยู่ตามป่าชายเลยอยู่แล้วเยอะแยะ เราเป็นคนออกแบบ ชาวบ้านแต่ละคนที่ทำนี่เขาจะมีความชำนาญในแต่ละรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป เราก็จะแจกจ่ายให้ตามความถนัดของแต่ละคน เขาทำเสร็จแล้วก็เอามาส่งเราเรียกว่าหมวกดิบ เราก็เอาผึ่งให้แห้งจนมั่นใจว่าแห้งสนิทเราก็เอาติดลาย แล้วก็นำมาวางขาย
คนที่ทำนี่ก็มีทั้งคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ ซึ่งเขามีใจรักสานงานต่อจากบรรพบุรุษที่เคยทำ ราคาขายก็จะมีตั้งแต่ 70 บาทขึ้นไป ขนาดเล็ก ๆ ที่ทำเป็นของฝากก็มีค่ะ ส่วนใหญ่เราก็ทำเป็น 5 แบบมาตรฐาน เวลานักท่องเที่ยวเข้ามาแล้วไม่สะดวกที่จะพกพาเราก็เลยทำเป็นขนาดเล็กเขาจะได้รู้จักงอบใบจาก หรือบางครั้งก็เป็นลูกค้าต่างชาติที่ไม่สะดวกที่จะพกมาใบใหญ่ ๆ ก็สามารถที่จะซื้อขนาดนี้ได้ค่ะ
ธุรกิจนี้จะไปได้ดีขึ้นอยู่กับคนรุ่นใหม่ แล้วก็ขึ้นอยู่กับหน่วยงานที่ให้การสนับสนุน และเราก็ต้องปรับให้เข้ากับยุกต์สมัยกับความต้องการของผู้ใช้ อะไรก็แล้วแต่ถ้าย่ำอยู่กับที่นี่ถ้าเขาเดินก้าวหนึ่งแล้วเราอยู่กับที่นี่เท่ากับเราเดินถอยหลังนะค่ะ เราจะหยุดเดินไม่ได้ เราต้องออกแบบงานใหม่ ๆ ให้พัฒนาขึ้นไป ส่วนหนึ่งความเป็นงอบที่ใช้สำหรับสวมใส่ก็ยังมี แต่เราก็ต้องพยายามคิดว่าทำอย่างไรที่จะทำให้ลูกค้าเข้ามาแล้วสนใจ
งานนี้ถือว่าเป็นงานฝีมือจริง ๆ ใบเล็กที่เราทำเป็นของชำร่วยนี่ก็ขายดีค่ะ เป็นงานละเอียดแต่ราคาก็สูงนิดหนึ่ง แต่ก็ไม่สูงมากเกินไปสำหรับงานที่ออกมาในลักษณะแบบนี้
งอบนี่ทุกทรงสามารถนำไปประยุกต์ทำเป็นโคมไฟได้หมดเลยแค่เอาสายไฟร้อยเข้าไปแล้วก็กันฝนได้ด้วยนะค่ะ เพราะงอบนี่ก็ทำมากันตั้งแต่บรรพบุรุษเขาก็ใส่กันแดดกันฝนกันมาเพราะเมื่อก่อนไม่ค่อยมีร่ม
ในละแวกนี้ก็มีคนทำได้เยอะค่ะแต่ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะมีแหล่งขายหรือเปล่า แต่ของเรานี่เป็นแหล่งขายเรามีหน้าร้านและเป็นร้านแรกในน้ำเชี่ยว อย่างโอทอปเขาก็มีศูนย์โอทอป บางร้านเจามีอาร์ดแวร์เขาก็เอาไปผสม ร้านโชห่วยก็มีเอาไปผสม แต่ยังไม่มีใครขายงอบโดยตรงเหมือนอย่างเรา ถ้าคิดว่าเป็นคู่แข่งก็ใช่แต่ถ้าคิดว่ามันมีสีสรรก็ทำให้เราน่าสนใจน่ะไม่ใช่มีเราคนเดียว
เราพยายามไม่ให้งานของเราล้าหลัง ทุกอย่างที่เราคิดออกมาเพื่อให้งานก้าวไปข้างหน้า คนที่ทำร้านทั่ว ๆ ไปเขาอาจจะหยุดอยู่กับที่มันก็ต่างกันค่ะ
เราไม่ได้ขายเฉพาะงอบใบจากอย่างเดียวเราก็มีงานอย่างอื่นเข้ามาผสมด้วยแต่ก็เป็นงานที่ทำด้วยมือนะค่ะ อย่างงานกระบุงที่ทำด้วยต้นคลุงก็เป็นงานของจังหวัดตราดก็เอามาช่วย เพราะส่วนใหญ่ก็เป็นผู้สูงอายุเราก็เอามาช่วยขาย
อย่างหมวกทรงหัวแหลมนี่ก็จะคล้าย ๆ กับหมวดของเวียดนามแต่วัสดุจะไม่เหมือนกันเขาจะใช้ใบกระพ้อค่ะเป็นใบบาง ๆ แต่ของเราจะใช้ใบจาก รูปแบบที่คล้ายกับทางเวียดนามทางจีนนี่อาจจะเป็นเพราะคลองน้ำเชียวนี่เมื่อก่อนเราค้าขายกับทางจีนเพราะคลองนี้เชื่อมออกอ่าวไทยได้ สมัยก่อนคนจีนก็เข้ามา ที่บ้านดิฉันบรรพบุรุษก็เป็นคนจีนค่ะ
งอบของเรานี่ถ้าใช้ทุกวันก็อยู่ได้ประมาณหนึ่งเดือนค่ะ ก็คุ้มค่าค่ะ 70 – 80 บาท นี่มีลูกค้าที่มาจากต่างพื้นที่บอกว่าของเขาสี่ปีแล้วยังไม่พัง บางคนสิบปีแล้วแขวนไว้ยังอยู่ดีอยู่เลย
ทรงที่ขายดีจะมี 2 ส่วนค่ะ ถ้าสำหรับลูกค้าที่นำไปใช้งานจริง ๆ ก็เป็นทรงกระทะเอาไปบังแดดเพราะมันกลมแล้วใหญ่อันนี่สำหรับคนที่เอาไปใช้งาน แล้วอีกส่วนหนึ่งก็นำไปตกแต่ง
ส่วนใหญ่เขาก็จะมารับไปขายเราไม่ได้ส่งค่ะ เขาจะมาเลือกทรงเอง เขาก็ดูตลาดของเขาแล้วก็มาเลือกไปขายเอง ดิฉันก็คิดว่างอบนี้ก็คงจะไปได้อีกนาน เพราะมันไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และถ้าทุกคนช่วยกันใช้ ช่วยกันสนับสนุน
ที่ตั้งร้านอยู่ ตำบลน้ำเชี่ยว อำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราดค่ะ เบอร์โทรศัพท์ 0816435150 ดิฉันกิ่งแก้ว จิตราวสารค่ะ