ตำนานพระราชวังบางปะอินสับสน ความจริงอยู่ที่ไหน
โดยธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ-นิวัตร เปาอินทร์
หากวันเดียวไปเที่ยวแค่บางปะอินแล้วรู้สึกว่า ไม่น่าจะมีอะไรนักหนานอกจากพระราชวังที่พระเจ้าแผ่นดินหลายพระองค์ทรงใช้แปรพระราชฐานแล้ว ผิดเลยครับ เพราะว่าพระราชวังบางปะอินนั้นมีเรื่องราวที่เป็นตำนานมากมายหลายทิศทาง ฟังเพียงมัคคุเทศก์บรรยายก็คงได้เพียงนั้น แต่ถ้าเข้าไปสืบค้นจนมั่นใจว่า ความจริงอยู่ที่ไหนแล้วสนุกครับ
พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์
ตำนานที่หนึ่ง กล่าวเล่าว่า วันหนึ่งพระมหาอุปราช"เอกาทศรถ" ได้เสด็จประพาสทางน้ำ ครั้นถึงช่วงแหลมปลายเกาะบ้านบางเลน เกิดพายุใหญ่พัดกระหน่ำจนเรือล่มลง พระมหาอุปราชและข้าราชบริพารจึงได้เข้าไปขออาศัยอยู่กับชาวบ้านที่เกาะบ้านบางเลน ณ ที่นั้นเองที่พระมหาอุปราชเอกาทศรถได้พบกับ "นางอิน" ถูกต้องในดวงชะตาจนได้เป็นบาทบริจา
ตำนานไม่ได้เล่าในรายละเอียดนักว่าพระมหาอุปราชอยู่กินกับนางอินนานแค่ไหน แต่กล่าวโดยสรุปว่านางอินท้องและคลอดบุตรเป็นชาย พระมหาอุปราชจึงรับไปเลี้ยงดู แต่ไม่ได้รับไปเลี้ยงในฐานะพระราชโอรส สรุปว่าเด็กชายคนนี้เกิดที่ปลายเกาะบางเลนแห่งนี้ มีแม่ชื่อนางอิน บิดาเป็นพระมหาอุปราชเอกาทศรถ ว่างั้นเถอะ
ตำนานที่สอง วัน วลิต ซึ่งบันทึกเรื่องนี้ไว้เมื่อสมัยที่พระเจ้าปราสาททองทรงครองราชย์ ความว่า พระเจ้าปราสาททองซึ่งเดิมมีชื่อเรียกกันทั่วไปว่า "พระองค์ไล" เป็นบุตรชายของออกญาศรีธรรมธิราช ซึ่งเป็นพี่ชายคนโตของพระราชชนนีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม(ราชโอรสของสมเด็จพระเจ้าเอกาทศรถ) พระองค์ไลประสูตรเมื่อปีชวด ปีพ.ศ.2143 อันเป็นสมัยของพระนเรศวรมหาราชเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ในขณะที่พระเอกาทศรถเป็นพระมหาอุปราชา
น่าแปลกที่ลูกชายของออกญาศรีธรรมาธิราชพี่เมียของพระมหาอุปราชซึ่งกาลต่อมาเป็นพระเจ้าแผ่นดิน แต่กลับเรียกชื่อเล่นกันว่า พระองค์ไล ทำไม
มีรถกอล์ฟบริการสำหรับผู้สูงอายุ
ตำนานที่สาม กล่าวอ้างโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ฉบับ "เที่ยวไทยครึกครื้น" พระนครศรีอยุธยา ตีพิมพ์เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2553 สรุปความว่า (ลอกมาทุกตัวอักษร) ประวัติความเป็นมาตามพระราชพงศาวดารกล่าวว่า พระเจ้าปราสาททองเป็นผู้สร้างพระราชวังแห่งนี้ เนื่องจากบริเวณเกาะบางปะอินเป็นที่ประสูติของพระองค์ และเป็นเคหสถานเดิมของพระมารดาซึ่งเป็นหญิงชาวบ้านที่สมเด็จพระเอกาทศรถทรงพบเมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินโดยเรือพระที่นั่งแล้วเรือเกิดล่มตรงเกาะบางปะอิน
พระเจ้าปราสาททองทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้สร้างวัดบนเกาะบางปะอิน บริเวณเคหสถานเดิมของพระมารดาในปีพ.ศ.2175 พระราชทานชื่อว่า "วัดชุมพลนิกายาราม" และให้ทรงขุดสระน้ำสร้างพระราชนิเวศน์ขึ้นกลางเกาะเป็นที่สำหรับเสด็จประพาส แล้วสร้างพระที่นั่งองค์หนึ่งริมสระน้ำนั้น พระราชทานนามว่า "พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์"
ตำนานที่สี่ เป็นตำนานเรื่องเล่าสืบกันมาว่า ชื่อเกาะบางปะอินนั้นก็เนื่องด้วยว่า พระมหาอุปราชเอกาทศรถได้ปะ(พบ)นางอินที่เกาะบ้านบางเลนอันเป็นแหลมยื่นระหว่างแม่น้ำสองสาย จนกระทั่งเป็นที่มาของคำว่า บางปะนางอิน แล้วก็เพี้ยนไปจนเป็น "บางปะอิน" และเป็นอำเภอบางปะอินมาตราบเท่าทุกวันนี้ อันนี้ก็เป็นอีกเรื่องเล่า ส่วนจะจริงหรือแต่งเติมเสริมแต่งก็จนด้วยเกล้าครับ ไม่มีพงศาวดารใดกล่าวถึง และไม่มีหลักฐานใด
เรื่องจริงที่พบได้ จับต้องได้ และมีความน่าเชื่อถือได้อย่างแน่นอนว่า พระเจ้าปราสาททองมีชาติกำเนิดที่กำกวม และถ้าเป็นจริงตามที่ วัน วลิต กล่าว ว่าเป็นลูกของออกญาศรีธรรมาธิราช พี่เมียองค์หนึ่งของพระเอกาทศรถ แล้วทำไมคนทั่วไปต้องเรียกว่า "พระองค์ไล" จะเป็นไปได้หรือไม่ว่า ตำนานเรื่องพระเอกาทศรถได้ก่อกำเนิดบุตรชายคนหนึ่งกับนางอินหญิงสามัญชน แล้วเอาลูกไปฝากออกญาศรีธรรมาธิราชให้เป็นผู้เลี้ยงดู ในฐานะบุตรบุญธรรมหรือไม่
ในกรอบประเพณีของไทยเราคนขนาด เจ้าพระยามหาบุรุษมากมาย หรือเพียงเป็นคหบดีผู้มีอำนาจเงินและบารมี ก็ยังสามารถมีภรรยาและบุตรได้หลายคน จึงรู้สึกเคลือบแคลงว่า ระดับพระมหาอุปราชการจะมีภรรยาเพิ่มหรือมีลูกเพิ่มขึ้นมาอีก และการจะนำเข้าบ้านนั้น น่าจะไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เรื่องราวไม่น่าเชื่อถือ ดูสับสนไปหมด
ปัทโธ่ ขนาดญาติผมคนหนึ่งยศตำแหน่งในวงราชการเล็กมากๆ มีเมียคนที่หนึ่งลูกสามคนแล้ว แต่เกิดปิ๊งสาวมาอีกหนึ่งคน ก็แอบ"ซุกเมีย"ไว้ที่บ้านเช่าแห่งหนึ่ง ด้วยพิรุธบางประการ ในที่สุดเมียคนที่หนึ่งจับได้คาบ้านเช่า ญาติผมคนนี้ก็เลยงัดไม้เด็ดขึ้นมาใช้
"เออ มึงมารับรู้แล้ว กูก็เอาเข้าบ้านก็แล้วกัน" เท่านั้นเอง เขาก็สามารถเอาเมียเข้าบ้านเป็นคนที่สองได้ คราวนี้อีกนานเลยทีเดียว เหตุการณ์ก็เกิดซ้ำอีก เมื่อเขาแอบ"ซุกเมีย"ไว้ที่ห้องหนึ่งในคอนโดมีเนียม เมียคนที่สองตามไปจนพบคาตา(คนที่หนึ่งยุ) ญาติผมคนนี้ก็เลยงัดไม้เด็ดเหมือนเดิม
"เออ มึงมารับรู้แล้ว กูก็เอาเข้าบ้านก็แล้วกัน" นับแต่นั้นมาญาติผมคนนี้ก็อยู่ร่วมกันด้วยเมียสามลูกเจ็ด ไปท่องเที่ยวที่ไหนๆไม่ว่าใกล้หรือไกลเขาก็จะ"ยกโขยง" ไปด้วยกันทั้งหมด อย่างเสมอภาค ผมถึงว่า ระดับพระมหาอุปราช จึงไม่น่าจะมีปัญหา ฮึ!!
เรื่องซุกลูกของพระมหาอุปราชจึงไม่น่าเชื่อตามที่วัน วลิต บันทึกไว้นัก
วัน วลิต บันทึกเพิ่มเติมว่า เมื่อเติบโตพอที่จะเป็นมหาดเล็กได้ ก็ได้เริ่มรับราชการ ได้เลื่อนเป็น "หุ้มแพร" แล้วก็เป็น "จหมื่นศรีสรรักษ์" จนเมื่ออายุ 18 ปี ได้ไปก่อเหตุทำร้ายพระยาแรกนาแล้วหลบไปอยู่ในวัด พระเจ้าอยู่หัว(ไม่รู้ว่าพระองค์ใด)จึงให้จับตัวออกญาศรีธรรมาธิราชผู้เป็นบิดาไปขัง จหมื่นศรีสรรักษ์จึงเข้ามามอบตัว มีรับสั่งให้จับไปขังคุก 5 เดือน
แต่ เจ้าขรัวมณีจันทร์ พระชายาม่ายในสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงมาทูลขอพระราชทานอภัยโทษแทน จหมื่นศรีสรรักษ์จึงได้รับพระราชทานอภัยโทษออกมารับราชการดังเดิม แม้ต่อมาจะก่อเรื่องอีกถึงสองครั้งแต่ก็ได้เลื่อนเป็น จหมื่นสรรเพชญ์ภักดี และได้เลื่อนเป็น ออกญาศรีวรวงศ์ ซึ่งเป็นขุนนางที่ไว้วางพระราชหฤทัยอย่างมาก ทำไม ? เด็กเส้นใหญ่แน่ๆ
ถ้าท่านเป็นนักท่องเที่ยวที่ชอบอ่านตามเอกสารแจก ท่านต้องเชื่อแน่นอนเลยว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง พระเจ้าปราสาททองต้องเป็นพระราชโอรสนอกบัลลังก์ของพระเจ้าสรรเพชญ์ที่ 3(พระเอกาทศรถ) โดยมีคำอ้างเพียงวลีเดียวว่า ตามพงศาวดาร แต่ถ้าไม่ใช่เหตุใด เจ้าขรัวมณีจันทร์ พระมหาเหสีในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จึงเดือดเนื้อร้อนใจทำไมนักหนา ก็แค่จหมื่นคนหนึ่งกระทำความผิดอุกอาจ
สรุปความว่า สมเด็จพระเจ้าเอกาทศรถหรือพระสรรเพชญ์ที่ 3 พระเจ้าแผ่นดินองค์ที่ 19 แห่งกรุงศรีอยุธยา ราชวงศ์สุโขทัย สิ้นพระชนย์ลง พระอินทราชา พระราชโอรสองค์ที่ 3 ในพระเจ้าเอกาทศรถ ได้ครองราชย์ เป็น พระบรมราชาที่ 1 หรือพระบรมไตรโลกนาถทรงธรรม พระเจ้าแผ่นดินองค์ที่ 21 แห่งกรุงศรีอยุธยาได้เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อปีพ.ศ.2154 พระชนย์มายุ 29 พรรษา พร้อมกับได้ทรงแต่งตั้งให้จหมื่นศรีสรรักษ์เป็นพระมหาอุปราช
หอวิฑูรทัศนาเอาไว้ดูช้างป่า
พระเจ้าทรงธรรมมีพระโอรส 2 องค์ พระเชษฐาธิราช เป็นองค์โต อายุ 14 ปี เมื่อพระเจ้าทรงธรรมสวรรคต เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์(พระเจ้าปราสาททอง) จึงประกาศว่าโปรดให้พระเชษฐาธิราชขึ้นครองราชย์ แต่ต่อมาเจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์จัดงานศพมารดา(วัน วลิต ว่าน้องชาย)เสียใหญ่โต ข้าราชการหลั่งไหลไปช่วยงานจนไม่มีข้าราชบริพารเข้าเฝ้าพระเจ้าแผ่นดินองค์ใหม่ จึงถูกเข้าใจผิดและคิดร้ายจากการยุแยงตะแคงรั่ว คิดจะสังหารเสีย
เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ จึงได้พูดขึ้นในหมู่บริวารว่า
"เราทำราชการมาด้วยสุจริต เดี๋ยวนี้พระเจ้าแผ่นดินพาลเอาผิดว่าคิดกบฎ เมื่อภัยมาถึงตัวก็จำต้องเป็นกบฎตามรับสั่ง" จริงหรือแต่งเรื่อง ทำไมรู้มากจัง
ฟังสนุกสนานกันทั่วหน้า
เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ จึงก่อการกบฎแล้วจับพระเชษฐาธิราชประหารเสีย หลังจากนั้นอัญเชิญพระอาทิตยวงศ์ ผู้น้องขึ้นครองราชย์ต่อซึ่งด้วยว่ายังเป็นเด็กเล็กๆ วันๆจึงเอาแต่เล่นซุกซน ในที่สุด ข้าราชบริพารจึงได้ร้องขอให้ เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ ยึดอำนาจ ประหารพระอาทิตยวงศ์ด้วยท่อนจันท์ แล้วปราบดาภิเษกขึ้นครองราชย์เมื่อปีพ.ศ.2173 ขณะพระชนย์มายุ 30 ปี เป็นต้นราชวงศ์ปราสาททองหรือสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 5 เป็นพระเจ้าแผ่นดินองค์ที่ 24 แห่งกรุงศรีอยุธยาราชธานี
หลังการปราบดาภิเษก 2 ปี คือพ.ศ.2175 ได้ทรงโปรดให้สร้างวัดชุมพลนิกายารามขึ้นตรงจุดที่เป็นบ้านเดิมของพระราชมารดา(อิน)ซึ่งเป็นบ้านที่พระองค์ทรงประสูติกาล และให้ขุดสระน้ำขนาดใหญ่ที่กลางเกาะ สร้างพระที่นั่งองค์หนึ่งริมสระน้ำ พระราชทานชื่อว่า พระที่นั่งไอศรรย์ทิพยอาสน์ เป็นเครื่องไม้ทั้งหมด เพื่อเสด็จประพาสบ้านเกิด
ลูกสาวใครหนอ งามจริง
ครั้นกรุงศรีอยุธยาล่มลงแล้วเมื่อปีพ.ศ.2310 จึงได้ถูกทิ้งร้างอยู่นานปี ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ได้ทรงเสด็จประพาสจึงโปรดให้บูรณะขึ้นใหม่ พร้อมกับได้สร้างพระที่นั่งขึ้นองค์หนึ่งสำหรับทรงประทับ ในขณะเดียวกันก็มีการสร้างให้ฝ่ายนอกและฝ่ายในได้อยู่อาศัยในคราวที่ได้เสด็จมาเยือน
ต่อมาสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้ทรงโปรดให้สร้างพระราชวังต่างๆอีกมากมายดังที่ปรากฎอยู่เช่นทุกวันนี้ ในที่สุดพระราชวังบางปะอินก็ได้กลายเป็ยแหล่งท่องเที่ยวประเภทวัง และประเภทวันเดียวเที่ยวที่ไหนดี(Oneday Trip) นอกจากนี้ยังมีการท่องเที่ยวชมวัดชุมพลนิกายารามและวัดนิเวศน์ธรรมประวัติอีกด้วย เป็นการไปท่องเที่ยววันเดียวที่มีรายการแน่นเอียด หลายครั้งที่พระราชวังบางปะอินได้ถูกใช้เป็นที่รับรองพระราชอาคันตุกะจากราชวงศ์ต่างๆทั่วโลกอีกด้วย
อ.พรชัย มีสักขี มัคคุเทศก์
ด้วยเหตุการณ์สำคัญๆหลายประการที่เกิดขึ้น สำแดงให้เห็นว่า พระเจ้าปราสาททองนั้นเห็นทีจะเป็นพระราชโอรสนอกบัลลังก์ของพระเจ้าเอกาทศรถเป็นแน่ มิเช่นนั้น คงไม่เจริญก้าวหน้าในหน้าที่มหาดเล็กได้รวดเร็วขณะที่ยังมีอายุน้อย และก็คงจะไม่เกเรด้วยความอหังการดังที่ปรากฎ แต่คงด้วยรู้พระองค์อยู่ว่า ตัวตนนั้นเป็นใคร
เหตุการณ์ทำนองนี้ ต่อมาก็ได้เกิดขึ้นอีกครั้งในสมัยของพระนารายณ์มหาราช พระราชโอรสนอกบัลลังก์ที่ชื่อว่า ขุนหลวงสรศักดิ์(พระเจ้าเสือ) แห่งนารายณ์ราชนิเวศน์ เมืองลพบุรี ก็ได้ฝากฝังให้เป็นลูกบุญธรรมของพระเภทราชา เอ้า ต้องไปย่องท่องเที่ยวอีกสักวันละกระมังคร๊าบ
แต่สำหรับผมแล้ว ชอบไม้เด็ดของญาติข้าราชการชั้นผู้น้อยของผมที่สุด
"เออ มึงมารับรู้แล้ว กูก็เอาเข้าบ้านก็แล้วกัน" สุดยอดดดด!!!
ไปรถยนต์ได้สะดวก ห่างอยุธยาเพียง 18 กม.