เที่ยวท่องล่องแม่น้ำเจ้าพระยายามราตรี มีความงดงามซุกซ่อนอยู่
โดยธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง/ภาพ-นิวัตร เปาอินทร์
จังหวัดพระนครศรีอยุธยาอยู่ห่างจากกรุงเทพเพียง 76 กม.เท่านั้น ถนนหนทางไปมาได้สะดวกรวดเร็ว รายการนำเที่ยวประเภทไปท่องเที่ยววันเดียวกลับหรือ Oneday Trip นั้นได้รับความนิมยมกันมาก ส่วนใหญ่ไปท่องเที่ยวไหว้พระ 5 วัด 9 วัด หรือไปชมพระราชวังโบราณ อดีตที่เคยรุ่งเรืองของกรุงศรีอยุธยาราชธานี แต่วันนี้อยากชวนไปเที่ยวท่องล่องแม่น้ำเจ้าพระยายามราตรี แล้วกลับดึกดูบ้าง อยากรู้ไหม อะ ต้องตามไปดู
ในอดีตกาลผ่านมาหลายร้อยปีแล้วที่การสัญจรทางน้ำมีความสำคัญ จะเดินทางระหว่างเมืองใหญ่ๆที่มีแม่น้ำไหลผ่านก็ล้วนใช้ทางน้ำ แต่ถ้าเป็นการเดินทางในระหว่างชนบทกับชนบทก็ใช้เรือล่องไปตามน้ำเช่นกัน ต่างกันเพียงว่า ใช้เรือขนาดใหญ่หรือว่าเรือขนาดเล็ก หรือประเภทของการใช้ประโยชน์เช่น ถ้าเป็นการขนถ่ายสินค้าก็มักใช้เรือใหญ่ ถ้าเป็นการโดยสารก็ใช้เรือไอที่เรียกกันว่าเรือเขียวเรือแดงสองชั้นอย่างในหนังฝรั่ง เรือโดยสารแบบสองชั้นเดี๋ยวนี้หาดูได้ยาก
เรือภัตตาคารและเที่ยวท่องล่องแม่น้ำเจ้าพระยายามราตรี
เรือที่ใช้ขนถ่ายสินค้าในแม่น้ำที่นิยมมากได้แก่การใช้เรือไอลากจูงเรือเอี่ยมจุ๊น ในเรือเอี่ยมจุ๊นจะบรรทุกสินค้าได้ทุกประเภท เช่นข้าวสาร หมูเห็ดเป็ดไก่ เกลือ วัสดุก่อสร้างต่างๆ แต่ทุกวันนี้มีเรือขนถ่ายสินค้าที่สร้างด้วยเหล็ก ลากจูงด้วยเรือไอเหมือนเดิมก็ยังมีให้เห็นอยู่ เช่นเรือบรรทุกน้ำตาลที่ล่มนั่นไง ส่วนเรือเอี่ยมจุ๊นนั้นได้ลบเลือนหายไปจากท้องน้ำหมดแล้ว
เรือเอี่ยมจุ๊นดัดแปลง
เรือเอี่ยมจุ๊นไม่ได้หายไปไหนครับ แต่เรือเอี่ยมจุ๊นได้แปรสภาพไปเป็นเรืออาหาร เป็นภัตตาคารลอยน้ำ และที่ฮอทฮิตมากๆวันนี้คือได้แปรสภาพเป็นเรือเที่ยวท่องล่องแม่น้ำเจ้าพระยาในยามราตรีกันไปแทบหมดสิ้น บางลำแถมด้วยระบบคาราโอเกะ ร้องเพลงกันลั่นสนั่นท้องน้ำเจ้าพระยา แต่ก็ยังดีกว่าแพเธคของแม่น้ำแคว จังหวัดกาญจนบุรีที่แข่งเครื่องเสียงกันเกินพิกัด
โบสถ์ยอแซฟ
เรือเอี่ยมจุ๊นมีท้องลึก บรรทุกสินค้าได้มาก ไม่โคลงเคลง ค่อนข้างนิ่งสนิทดีมากๆเมื่อยามเคลื่อนไหว มีทั้งเรือที่ติดเครื่องในตัวและเรือที่ลากจูง มีการตกแต่งเรือโฉมใหม่ให้ทันสมัยกับการทำหน้าที่เป็นเรือท่องเที่ยว แสงสีแพรวพราวในยามราตรี และบรรจุนักท่องเที่ยวได้มากกว่า 50 คน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับขนาดของเรือ ซึ่งแต่เดิมนั้นจะนับขนาดของเรือจากขนาดบรรจุ เช่นเรือขนาดบรรจุข้าว 5 เกวียน เรือขนาดบรรจุข้าว 10 เกวียน หรือถึงข้าว 50 เกวียน
โบสถ์วัดพุทธศาสนา
มีมัคคุเทศก์ประจำเรือเพื่อเล่าเรื่องราวให้กับนักท่องเที่ยว 1 คน นายท้ายเรือและเด็กท้ายเรืออีก 2 คน ส่วนอาหารการกินนั้นหากสั่งไว้แล้วก็จะมีพนักงานนำมาเสิร์ฟให้ถึงที่ เรียกว่าสะดวกไปทุกอย่าง แม้กระทั่งห้องสุขาหนักและเบา แต่จะมีการกรองก่อนปล่อยลงสู่แม่น้ำหรือไม่นั้น ไม่ได้ชะโงกลงไปดูจ้ะ ถ้าไม่มีบ่อบำบัดก่อนปล่อยก็จะมีปลาในน้ำช่วยกำจัดให้ อื๋ยๆ
โบสถ์วัดพนัญเชิงประดิษฐานหลวงพ่อโต
เวลาที่นิยมเที่ยวท่องล่องแม่น้ำเจ้าพระยายามราตรีมักจะอยู่ที่ช่วงเวลา 16.30 น.เป็นต้นไป นั่งไปในเรือจึงได้ชมถึงสองบรรยากาศ บรรยากาศก่อนค่ำก็จะได้เห็นวัฒนธรรมการอยู่อาศัย การทำกิน และการใช้ประโยชน์จากแม่น้ำเจ้าพระยา เช่นอาจได้เห็นหญิงสาวนุ่งกระโจมอกลงมาอาบน้ำ หรือชาวบ้านพายเรือเล็กๆสัญจรเหมือนที่เคยใช้ หรือลอยเรือลงข่าย ตกปลา และเก็บผักบุ้งไปประกอบอาหารประจำวัน ได้เห็นบ้านเรือนทรงไทยหรือทรงปั้นหยา หรือเรือนแพต่างๆ
ภาพจากวัดไชยวัฒนาราม
แต่พอตะวันลับขอบฟ้า ยามราตรีเริ่มมีชีวิต เรือแล่นไปตามสายน้ำ ก็จะได้เห็นแสงไฟส่องสว่างตามวัดวาอาราม บ้านเรือ บ้านเรือน หรือเห็นแสงไฟประดับตามพระปรางค์วัดหรือโบสถ์ฝรั่ง ระหว่างนี้มัคคุเทศก์จะบอกเล่าเรื่องราวในอดีตกาลที่ผ่านมาอย่างสนุกและเพลิดเพลิน ซึ่งก็เป็นอีกสีสันหนึ่งของการเที่ยวท่องล่องแม่น้ำเจ้าพระยายามราตรี แต่ละจุดที่ผ่านพบล้วนมีประวัติศาสตร์ ไม่มากก็น้อย
ช่วงที่ได้ภาพนิ่งที่สุดวัดไชยวัฒนาราม
เช่นพอลงเรือได้ ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวก็จะมัวแต่กวาดสายตามองไปซ้ายที ขวาที อันเป็นความอยากรู้อยากเห็น แม้แต่ช่างภาพมืออาชีพอย่างอาจารย์นิวัตร เปาอินทร์ ก็ยังลืมถ่ายภาพป้อมเพชร หรือวัดพุทไธศวรรย์เฉยเลย อาจารย์ไปได้ภาพโรงสีไฟมีปล่องเหมือนที่บ้านเกิด ได้เห็นเรือเอี่ยมจุ๊นแบบเรืออาหารจอดอยู่ หรืออย่างบ้านเรือนงดงามริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
แสงยามค่ำคืนจากกล้อง แปลกครับ
ไฮไลท์ของการเที่ยวท่องล่องแม่น้ำเจ้าพระยายามราตรี คือการได้เห็นโบสถ์ฝรั่งเศส วัดยอแซฟ อันเป็นวัดเก่าแก่สมัยพระนารายณ์มหาราชที่ทรงอนุญาตให้นักบวชชาวฝรั่งเศสเข้ามาเผยแพร่ศาสนาได้ แต่โบสถ์หลังเก่านั้นได้ล่มสลายไปกับการเสียกรุงแก่พม่าในปีพ.ศ.2310 จนกระทั่งถึงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 จึงได้ทรงโปรดให้บูรณะขึ้นมาให้เหมือนเดิมอีกครั้ง วัดนี้ มีกระจกโมเสคสีสันงดงามมาก ศิลปะการก่อสร้างเยี่ยม
วัดไชยวัฒนารามยามราตรีสีสันแปลกตา
ถัดจากนั้นเรือก็จะล่องไปถึงวัดไชยวัฒนาราม อันเป็นวัดที่สร้างขึ้นตามพุทธคติ มีปรางค์ประธานงดงามดั่งเขาพระสุเมร และมีปรางค์บริวารอีก 4 องค์ นอกจากนั้นยังมีพระพุทธรูปทรงเครื่องอย่างกษัตริย์ อันสำแดงถึงความสำคัญของผู้ทรงสร้างวัดนี้ขึ้น ซึ่งได้แก่พระเจ้าปราสาททอง ต้นราชวงศ์ปราสาททอง ทรงโปรดให้สร้างเมื่อปีที่ขึ้นครองราชย์ พ.ศ.2173 ปีมะเมีย เป็นวัดฝ่ายอรัญวาสี และทรงใช้เป็นวัดที่พระราชทานเพลิงพระศพแก่ราชวงศ์
ความสวยงามของวัดไชยวัฒนาราม ระวังล่มสลาย
วัดนี้อยู่ตำบลบ้านป้อม กว้างยาว 160x310 เมตร อยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตกของเกาะเมือง หันหน้าวัดไปทางทิศตะวันออก เดิมเรียกว่าวัดไชยยาราม หรือวัดไชยชนะทาราม เป็นพระอารามหลวงในสมัยพระเจ้าปราสาททอง แต่ทุกวันนี้ กระแสน้ำได้ทำให้โบราณสถานแห่งนี้ล่อแหลมต่อการถูกน้ำกัดเซาะและพังทะลายลงไป ทุกปีที่เกิดน้ำป่าไหลหลากก็จะเกิดการวางกระสอบทรายเป็นแนวป้องกัน ทั้งๆที่น่าจะแก้ไขอย่างถาวรมากกว่า
ภาพสุดท้ายของวัดไชยวัฒนาราม
ภาพที่ท่านเห็นในเรื่องนี้ ถ่ายจากบนเรือเที่ยวท่องล่องแม่น้ำเจ้าพระยายามราตรี การบันทึกภาพจึงค่อนข้างยาก ด้วยว่าเรือสะเทือนไปทั้งลำจากเครื่องยนต์และกระแสน้ำ ไม่ใช่ช่างภาพมือสั่น แต่จะด้วยประการใดๆก็ตาม อยากให้เห็นมิติแห่งสวรรค์ที่ดลบันดาลให้ภาพที่ถ่ายออกมาสวยแปลกแตกต่างจากตากล้องคนอื่นๆ สวยไหมครับ แปลกไหมครับ
กว่าเรือจะเข้าเทียบท่าเรือตลาดเจ้าพรหมก็ดึกโขเอาการ ครั้นจะนอนค้างอ้างแรมที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาก็มีที่พักทั้งโรงแรมหลายระดับ โฮมสเตย์ และเกสท์เฮ้าส์ มากมายเหลือคณนา แต่ด้วยเงื่อนไขว่าการท่องเที่ยววันเดียวกลับ จึงต้องขับรถกลับกรุงเทพมหานคร กว่าจะถึงบ้านได้ก็กว่า หนึ่งนาฬิกา ก็ผมขับตามอายุ 63 ปี ก็อยู่ระหว่าง 60-70 กม/ชม. สมวัย!!
เรื่อยๆมาเรียงๆ ครับกระผม สนใจไปเที่ยวท่องล่องแม่น้ำเจ้าพระยายามราตรี เปิดเว็บไซต์ค้นหาข้อมูลได้เพียบ มีบริการมากมายหลายเจ้า ไม่อยากจะชี้ลงไปว่า ทัวร์ไหน เรือไหน ดีกว่ากันอย่างไร แต่อยากให้เรือทุกลำ ทัวร์ทุกทัวร์ ได้รักษามาตรฐานเดียวกัน เพื่อให้เกิดการบริการที่สุดประทับใจเหมือนๆกัน อันจะช่วยให้การท่องเที่ยววันเดียวกลับจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้เป็นการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ซึ่งก็ได้แต่หวัง..............