เข็มมุ่งประชาธิปไตยตอน1.
เสถียรภาพบนฐานที่ไม่เสถียรภาพ
โดย "นิรกาย"
มีความพยายามจากหลายฝ่ายที่จะสร้างความปรองดองขึ้นในบ้านในเมืองเพราะรู้ว่าความปรองดองนั้นจะนำมาซึ่งเสถียรภาพในทางการเมือง เสถียรภาพทางการเมืองย่อมนำมาซึ่งการพัฒนาในทุกๆด้าน
แต่ทั้งเสถียรภาพและการปรองดอง “จำต้อง” ตั้งอยู่บน “สัมมาทิฐิ” ถ้าไม่ตั้งอยู่บนสัมมาทิฐิเสียแล้ว ย่อมไม่เกิดผลตามที่ต้องการ
วันนี้ไม่มีใคร ไม่ต้องการความปรองดอง ความไม่ปรองดองที่ผ่านมาทำให้ประเทศหยุดอยู่กับที่ การหยุดอยู่กับที่ในขณะที่ประเทศอื่นๆก้าวไปข้างหน้าก็เท่ากับว่าเรา “ล้าหลัง”
การปรองดองเป็นเรื่องที่ดีไม่มีใครสามารถปฏิเสธความจริงแท้อันนี้ แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าเราเข้าใจหรือไม่ว่าเหตุแห่งความไม่ปรองดองนั้นเกิดมาจากอะไร และ “ใคร” จะต้องปรองดองกับ “ใคร” จึงสามารถยุติปัญหาความขัดแย้งที่ดำรงอยู่ในขณะนี้ได้ พูดง่ายๆก็คือการปรองดองนั้นต้องตั้งอยู่บนสัมมาทิฐิ อันเป็น “ปฐมมรรค” ขององค์ 8 ถ้ามรรคองค์แรกผิดเสียแล้ว อีก 7 ข้อก็ไม่สัมมาตามไปด้วย
อะไรคือ “สัมมาปรองดอง” ในยุคทุนนิยม สัมมาปรองดองในยุคทุนนิยมไม่ใช่การ “เกี้ยเซี๊ย” ระหว่างผู้ปกครอง “ชนชั้นเหลือง” (ชนชั้นสูง) กับผู้ปกครอง “ชนชั้นแดง” (ทุนผูกขาด) โดยเด็ดขาด
เพราะระบบทุนนิยมนั้นประกอบด้วยนายทุน (ผู้ลงทุน) และกรรมกร (ผู้ลงแรง) นอกจากจะเป็นโครงสร้างของระบบแล้วยังเป็นพลังอิสระด้วยกันทั้งคู่ ดังนั้นปรองดองใดๆ “จำต้อง” เป็นการปรองดองระหว่างนายทุนกับกรรมกรเท่านั้น จึงจะสอดคล้องกับความจริงแท้ของยุค การปกครองระหว่างนายทุนกับนายทุนหรือนายทุนกับชนชั้นสูงจึงเป็นการปรองดองที่ตั้งอยู่บนสมมุติฐานที่ผิด เป็นมิจฉาทิฐิ
ทิฐิใดๆก็ตามย่อมเป็นพลังอำนาจไม่ว่าสัมมาหรือมิจฉา ถ้าไปอยู่กับคนหมู่มากก็ยิ่งมีพลังอำนาจมาก ดังนั้นมิจฉาทิฐิจึงมีอำนาจในการทำลายล้างเป็นอย่างยิ่ง และไม่สามารถนำมาสู่มรรคผลนิพพาน (เสถียร) ได้เลย
การสร้างความเสถียรภายใต้ “หลักการที่ไม่เสถียร” (มิจฉา) ย่อมไม่เกิดเสถียรภาพอย่างแน่นอน
ประชาชนได้ปิดม่านทางการเมืองให้คุณอภิสิทธิ์ไปเรียบร้อยแล้ว คงมีแต่ “บาปกรรมทางการเมือง” ที่เขาต้องตามใช้ เพราะติดหนี้ที่ไม่วันหมดอายุความเสียแล้ว
ส่วน “การเลือกตั้ง” ถึงแม้จะ “จบไปแล้ว” แต่ “สงครามกลางเมือง” ก็ “ยังไม่จบ” ที่ไม่จบก็เพราะระบอบเผด็จการยังคงอยู่ เปลี่ยนหน้าไปก็เฉพาะพรรคปกครองเท่านั้น คุณยิ่งลักษณ์เป็นนักธุรกิจ ไม่ได้มี “วิชาการทางการเมือง” เป็นฐาน ความคิด จุดยืนก็เป็นจุดยืนของชนชั้นกลางที่เอารัดเอาเปรียบ
ถ้าคุณยิ่งลักษณ์ไม่หันหน้ามาร่วมมือกับกรรมกรในการสร้างการปกครองแบบประชาธิปไตย ภายใต้หลักการอหิงสาและสานประโยชน์แล้ว ผู้ที่จะเป็นเหยื่อของกงล้อประวัติศาสตร์รายต่อไปก็ต้องชื่อ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”
ไม่เชื่อก็คอยดู