สิบสองปันนาหงส์ฟ้าพญามังกร ตอน11.
มื้อกลางวันที่ซือเหมา
โดยอึ้งเข่งสุง -เรื่อง//ภาพ-ธงชัย เปาอินทร์-ภาพ
ไม่ว่าจะไปท่องเที่ยวที่ไหนในโลกนี้ ขาดไม่ได้ก็ร้านอาหารการกิน ส่วนจะกินมื้อเช้า มื้อกลางวัน หรือว่ามื้อเย็น ก็แล้วแต่จังหวะเวลาที่ลงตัว ผมไปเที่ยวเมืองซือเหมาแล้วก็ได้จังหวะต้องกินมื้อกลางวันพอดี โป๊ะเช๊ะ ได้เรื่องทันใด หัวหน้าคณะเดินนำเข้าไปยังร้านอาหารเรียบๆตามสไตล์จีน สิ่งก่อสร้างก็รูปแบบเอกลักษณ์จีนๆ เขาสร้างเป็นวงรอบเกือบกลม แต่ละเหลี่ยมเป็นระเบียงและห้องอาหารเฉาพกลุ่ม ต้องจองล่วงหน้าด้วย ไม่งั้นอาจจะอด
การตกแต่งบริเวณรอบๆร้านสไตล์จีน สวนหย่อมกลางวงล้อม ผนังห้องอาหาร แม้แต่สุขาพาสุขใจก็ยังรักษาเอกลักษณ์จีนไว้อย่างเหนียวแน่น นั่นคือ นั่งสุขาก็มองเห็นหน้ากันได้ พูดคุยกันก็ได้ กันเองจริงๆเลย แต่สำหรับนักท่องเที่ยวชายขี้อายกันทุกคน ท่าทียอมทนปวดดีกว่าไปนั่งมองหน้ากันจะจะจะ
พนักงานแต่งตัวคล้ายชุดชาวเขา แต่ด็กระทัดรัดและสวยงามดี ถ้วยแบ่ง ช้อน ตะเกียบ เรียงไว้ขอบโต๊ะอย่างมีระเบียบ น้ำชาร้อนชงมาให้ไอยังกรุ่นๆ นั่งดื่มน้ำชาไปพลางก็รอด้วยความหิวโหยเพราะว่าเลยเวลาไปมากโขอยู่ เครื่องเคียงแรกสุดนิยม กิมจิ ใส่จานมาจนพูน ถูกวางลงกลางโต๊ะ เท่านั้นเอง ตะเกียบหลายสิบคู่ก็ระดมกันคีบไม่ขาดระยะ
จานที่สองเป็นผักสีเขียวสด ผัดแบบไฟแดงมาล้วนๆ ไม่มีหมูกรอบหรือหมูหมักอย่างบ้านเรา จานถัดมาเป็นผัดไก่ใส่เครื่องเทศรสชาติเข้มข้น คล้ายผัดพริกเผากับไก่บ้านเรายังไงก็ยังงั้น เครื่องเทศก็คล้ายๆคลึงกันอีก แต่อย่างไรก็ดี ที่นี่กินกันค่อนข้างเผ็ดเอาการอยู่ แต่ถ้าเป็นน้ำซุบละก้อ จืดยังกับต้มน้ำเปล่าๆ ใสเด๊ะ
สักครู่พนักงานชุดชาวเขาก็ส่งจานปลาสร้อยทอดกรอบลงวางกลางโต๊ะ ผมมองด้วยสายตาคนชอบกิน ปลาสร้อยตัวขนาดนิ้วนางทอดกรอบทั้งเกล็ดจนเหลือหอม เคี้ยวได้ทั้งตัว กินก้างปลาอันเป็นสารแคลเซียมด้วยความอร่อยลิ้น เขาทอดได้เหลือและกรอบน่ากินจริงๆ ฝีมือต้องไม่ธรรมดา และต้องมีความเชี่ยวชาญในการทอดกรอบปลาสร้อยไม่น้อย
จานถัดมาเป็นปลานิลนึ่งซีอ้วขนาดเท่าฝ่ามือ แต่เขาหักคอปลาแล้วจัดวางลงจานได้อย่างน่าอัศจรรย์ ดูแปลกและน่ากินทีเดียว รสชาติหวานเนื้อปลานิลสด เครื่องปรุงตามแบบอาหารจีนทั่วไป แต่ไม่เหมือนในเมืองไทยซึ่งปรุงรสแตกต่างออกไป
มีข้อสังเกตุอย่างหนึ่ง ในตลาดสดทั่วไปของสิบสองปันนาจะนิยมใส่ปลาในกาละมังใหญ่ๆ เติมอ็อกซีเย่นตลอดเวลาเพื่อให้ปลาเป็นและเมื่อขายก็จะทำให้เบ้ดเสร็จ แทบว่าจะเป็นปลาชนิดหลักในตลาดทีเดียว ปลานิลในบ้านเราก็คงจะทอดหรือไม่ก็ปิ้งเกลือ แต่ที่เมืองซือเหมาเขานึ่ง น่ากินมากๆ เสียดายปลาตัวเล็กไปหน่อย กินกันตั้งหลายคน จึงไม่อิ่มเอมในรสชาติของปลานิลนึ่งซีอิ๊วเท่าที่อยากจะกิน แฮะ แฮะ
กินอาหารกลางวันท่ามกลางอากาศที่เย็นลงตามเวลา ไม่ค่อยรู้สึกหิวโหยนัก แต่ก็พออิ่มท้องพอดีๆ เป็นการกินเพื่ออยู่ที่เข้าท่าเหมือนกัน ลดน้ำหนักไปในตัว หลังอาหารแล้วทุกคนเตรียมเดินทางต่อ จึงเร่งรีบกันออกไปห้องสุขาจะได้นั่งรถไปนานด้วยความปลอดโปร่งโล่งสบายๆ ผมเดินลงจากร้านอาหารแล้วก็หันกลับมาถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกว่า ครั้งหนึ่งเคยได้มากิน
สาวเสิร์ฟชุดชาวเขา