ลูกเสือ
โดยณิชาวดี เรื่อง-ภาพ
พอได้ตารางว่าต้องเข้าค่ายแล้ว คืนก่อนเข้าค่ายต้องเก็บของที่ประกอบด้วย เครื่องนุ่งห่มสำหรับ 2 วัน 1 คืน หมอนสำหรับตัวตนคนเดียว หม้อหุงข้าว ฟืน เชื้อฟื้น ไม้ขีดไฟ เครื่องแบบที่จำเป็นสำหรับลูกเสือสำรอง เรื่องราวที่ถูกกำหนดให้ต้องรับผิดชอบของหมู่ การแสดงในยามค่ำคืน เตรียมนอนแต่หัวค่ำ หลับให้เต็มอิ่ม เช้าตื่นขึ้นมาก็พร้อมเพรียงเรียงหน้าชน ตื่นเต้นค่ะ
นี่แหละค่ายของเรา
ไปถึงโรงเรียน วันนี้เป็นวันเสาร์ ไม่มีชั้นไหนมาเรียน เดินเกาะกลุ่มไปกับเพื่อนๆจนถึงลานหน้าอาคารเรียนที่ใช้เข้าค่าย พอรู้ว่าเต็นท์ไหนก็เดินจ้ำเอาของที่ต้องหิ้วมาสองมือไปเก็บ เลือกสิ่งที่ต้องใช้ตามลำดับความสำคัญ แล้วก็ออกไปสมทบกับเพื่อนๆตามกำหนดการ
ครูและพี่เลี้ยงเดินมาเยี่ยมค่าย ให้คำแนะนำ และตรวจตราไปทุกเต็นท์
โกลาหลกันหน้าค่าย
โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน เป็นโรงเรียนสหศึกษา ลูกเสือจึงมีทั้งชายและหญิง การจัดกลุ่มเคล้าทั้งชายและหญิง แต่แยกนอนเต็นท์เฉพาะชาย และเฉพาะหญิง เพื่อนๆอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน แก่อ่อนกว่ากันก็ปีเดียวเสียส่วนใหญ่
แต่มองโดยรวมนะคะ เด็กหญิงตัวโตกว่าเด็กชาย
นั่ล้อมครึ่งวงกลม กลุ่มใครกลุ่มมัน
ชั้นประถมศึกษาชั้นปีที่ 6 ของณิชาวดี มีนักเรียนรวมกัน 120 คน แบ่งออกเป็น 10 หมู่ ชายหญิงหมู่ละเท่าๆกัน แต่ไม่ได้แบ่งว่าใครโตกว่ากันหรือใครสูงต่ำกว่ากัน หลังการทดสอบการติดไฟหุงหาอาหารการกินและกินกันจนอิ่ม อร่อยกว่ากินคนเดียว อร่อยกว่ากินที่ร้านเจ้าประจำ ได้กินกับเพื่อนๆ ได้คุยกัน ได้แหย่เย้ากัน ได้ช่วยกันเก็บกวาด ชำระล้าง แล้วก็เตรียมพร้อมเข้าค่ายภาควิชาการและภาคสนาม
ประธานและอาจารย์ปลุกเร้าให้บันเทิงแฝงด้วยสาระ
การปฏิบัติการตามฐานต่างๆ เพิ่มทักษะและความสนุกสนานไม่น้อย แต่การเรียนรู้จากฐานต่างๆช่วยให้เด็กๆรู้จักการสังเกต การทำงานเป็นกลุ่ม การช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
นอกจากนี้ยังได้รู้ระเบียบ วินัย และกิจวัตรของลูกเสือ
กลุ่มรวมตัวกันเพื่อเตรียมความพร้อม
การได้มารวมกลุ่มทำกิจกรรมก็ถือว่าเป็นโชคดีอย่างหนึ่ง และการได้เรียนรู้วิชาการลูกเสือจากครูอาจารย์ก็เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยม
ในสังคมโรงเรียน ระดับประถมศึกษา ไม่ใช่เด็กโตหรือเยาวชนที่ก้าวไปไกลจากฐานความจริง จึงเป็นเด็กๆที่ยังมีความบริสุทธิ์และมีความน่ารัก
ใช่แล้ว พวกเราทุกคนล้วนน่ารักค่ะ
เอนเตอร์เทนเน่อร์ พี่ๆชวนสนุกเพลิดเพลิน
อาหารกลางวันก็ฝีมือพวกเรากันเอง อร่อยตามระดับเสี่ยง ระหว่างอาหารกลางวันมีความสุขมาก หลังอาหารก็ต้องช่วยกันล้างถ้วยจาน ไม่มีใครได้ว่างมือเลย ทุกอย่างเป็นการร่วมด้วยช่วยกันจริงๆ หลังอาหารกลางวันยังมีเวลาเหลือก็พักผ่อนกันตามอัธยาศัย
ตอนนี้แหละค่ะที่ได้รู้ว่าโรงเรียนของเรานั้น ทุกวันเรามีเพื่อนอยู่อาศัยไปทั่ว ไม่ได้โดดเดี่ยวเดียวดาย แต่มีเพื่อนร่วมโลกเป็น นก หนู ไน่ กระแต กระรอก จิ้งจก ตุ๊กแก เพราะว่าแต่ละวันที่มาเรียน ได้แต่เร่งร้อน และไม่ได้ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เราจึงเหมือนว่าโรงเรียนก็มีแต่นักเรียน ครู และพี่ภารโรง
ตั้งใจกันตามประสาเด็กๆ..น่ารัก
พอตกเย็นก็เริ่มกิจกรรมทำมาหากินกัน หนึ่งทุ่มตรง ครูเป่านกหวีด ปี๊ดๆ เรียกระดมให้มานั่งล้อมแบบครึ่งวงกลมตามสูตรของค่ายลูกเสือ แต่กว่าจะจัดระเบียบกันเข้าที่ก็ได้ยินเสียงอาจารย์ดังผ่านเครื่องขยายเสียงไม่น้อยเชียว เด็กๆก็ยังเป็นเด็กๆ เหมือนจับปูใส่กระด้ง ในที่สุดก็เรียบร้อบ เข้าที่เข้าทาง
แสงสปอตไลท์ที่สว่างกลางสนามก็ทำให้ได้เห็นหมวดหมู่ที่แบ่งกระจายกันอยู่ รอบๆมีเต็นท์ที่กางไว้เป็นฉากหลัง ทิวแมกไม้ให้ความเป็นป่าดงพงไพร กองไฟยุคนี้เป็นกองไฟเทียม (กลัวสนามหญ้าเสียหาย)
เฮ้ย ผ้าจะหลุด
อาจารย์แนะนำวิธีการแสดงความชื่นชมเพื่อนๆที่ได้แสดงให้ชม และให้กลุ่มที่ได้รับคำชมแสดงความขอบคุณเพื่อนตามวิธีการของลูกเสือ เริ่มการแสดงของแต่ละกลุ่มแล้วก็ทำตามที่อาจารย์ให้คำแนะนำ การแสดงจะดีหรือไม่ดีก็ต้องแสดงความขอบคุณเสมอ
ก่อนการแสดงของกลุ่มหนึ่ง ตลกหน้าม่านด้วยเพลงฉ่อย
การแสดงของแต่ละกลุ่มเรียกเสียงหัวเราะด้วยขบขันกันตามประสาเด็กๆ อาจารย์หยอกเย้าแหย่ให้ได้หัวเราะกันก็หลายครา พี่ๆที่เป็นฝ่ายเอนเตอร์เทนด์ชวนสนุกเร้าใจ ณิชาวดีได้เข้าค่ายลูกเสือเมื่อเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก็วัน-คืนนี้ ดีใจที่ได้มาร่วมกิจกรรมประทับใจ ได้มีส่วนร่วมในการแสดงเท่าที่เพื่อนๆมอบหมาย และได้อวยพรวันเกิดเพื่อนร่วมชั้นซึ่งเกิดวันนี้เพียงคนเดียวด้วย
สามหนุ่มกำลังฉ่อย เขียนบทตัวเล็กจัง
เลิกกิจกรรมค่ายยามค่ำ ทุกคนเข้านอนเต็นท์รวมแต่ละกลุ่ม เด็กชายนอนเต็นท์แถวเด็กชาย เด็กหญิงนอนเต็นท์แถวเด็กหญิง ส่วนภายในเต็นท์จะนอนก่ายกันอย่างไรน่ะหรือ บอกแล้วจะหนาว เพื่อนบางคนนอนดิ้นยังกับไส้เดือนถูกขี้เถ้า เพื่อนบางคนนอนน้ำลายไหลยืด เพื่อนบางคนนอนนิ่งยังกับพระปางไสยาสน์ โอ้ มายก็อด
อ่านกลอนอวยพรวันเกิด
เช้าตรู่ ทุกคนตื่นทำกิจวัตรยามเช้า รับประทานอาหารเช้าเต็มที่ เตรียมน้ำไว้ด้วย แต่งตัวเตรียมพร้อมเพื่อกิจกรรมหลักของลูกเสือคือ การเดินทางไกล เพื่อทดสอบสมรรถนะของร่างกาย ฝึกความอดทนของจิตใจและร่างกาย
อาจารย์ประกาศให้รู้ว่าทุกคนต้องเดินทางไกล ไป-กลับ ระยะทางประมาณ 7.5 กม. ได้เวลาก็ปล่อยขบวนออกเดินทาง
เจ้าของวันเกิด..เขิ้นเขินแต่ดีใจ
การเดินทางไกลของเหล่าลูกเสือ ไม่ใช่ง่ายเลยค่ะ เพราะว่าในแต่ละวันพวกเราก็ได้แต่เดินทางด้วยรถยนตร์จากบ้านมาโรงเรียน แล้วก็กลับ มีเพียงชั่วโมงพละเท่านั้นที่พอจะได้ออกกำลังกาย นอกจากนั้นแต่ละวันที่กลับบ้านก็ต้องปั่นการบ้านจนค่ำ หลังอาหารค่ำก็หาวนอนพอดี วันนี้เดินทางไกลจึงเดินแบบมีกำลังน้อยค่ะ พอเดินไปจนถึงเป้าหมายก็แทบจะเข่าอ่อน แต่ด้วยวินัยลูกเสือ ยังไงก็ต้องเดินให้ได้ครบถ้วน
นางงามที่ไหนหนอมานั่งอยู่ด้วย
พอถึงตอนต้องเดินทางกลับนี่ละค่ะ ปัญหาใหญ่ ใหญ่จริงๆ เท้าเริ่มเจ็บระบม ปลายนิ้วขบขอบรองเท้า น่องเริ่มปวดหนึบๆ หัวเข่าเหมือนว่าจะเคลื่อนคล้อยไป โคนขาเริ่มตึงตึง และร่างกายที่โทรมไปด้วยเหงื่อที่ไหลย้อย เหนื่อยแสนเหนื่อยแต่หัวใจสู้ ก็แข็งขืนด้วยการบอกกับตัวเองว่า "ต้องไหว" เมื่อเดินจนถึงหน้าโรงเรียนนั้นเหมือนว่าจะได้ขึ้นสวรรค์
เพลินชมเพื่อนๆแสดง
อาจารย์ประกาศให้รวมตัว แล้วสั่งเลิกแถว ทุกคนย้อนเข้าเต็นท์แล้ว เก็บ ของใคร ของมัน เพื่อเดินทางกลับบ้าน ณิชาวดีมีเพื่อนเลิฟชวนไปเติมพลัง ขัดขืนได้ไง เดี๋ยวเพื่อนจะเสียใจ ก็เลยไปด้วยค่ะ อิ่มจนลืมว่า ป่านนี้คุณพ่อกับคุณแม่จะกินอะไรกันอยู่นะ
ด้วยความสนใจ
แสงเงาต้นอินทนิลน้ำยามแสงไฟสาดส่อง สวยนะ