ยูคาลิปตัสไม้โตเร็วเจ้าปัญหา

                    ไม้ต่างประเทศที่นำเข้ามาหลายสิบปี เพื่อผลทางการทดลองถิ่นกำเนิดทางวิชาการป่าไม้ อันเป็นเรื่องปกติในวงการป่าไม้ทั่วโลก เช่นเดียวกับการนำเข้า หมู หมา ไก่ เป็ด ห่าน ปลา กล้วยไม้ แม้แต่คนหรือมนุษย์ เมื่อเห็นผลว่าการเคลื่อนย้ายถิ่นกำเนิดไม่มีผลในทางลบ หรือมีความ_เป็นไปได้ในทางสร้างสรรค์ มนุษย์โลกก็เปลี่ยนแปลงวิถีต่างๆ เพื่อให้เกิดโภคผลในทางการค้า _เป็นทางเลือกที่เกิดแล้วดับ เป็นวัฏจักรปกติ ดีก็เจริญ ไม่ดีก็ดับสูญไปเป็นธรรมดา

                       เรื่องประหลาดก็ตรงที่ไม้ป่าจากประเทศออสเตรเลีย ที่มีชื่อเสียงโด่งดังว่า ยูคาลิปตัส คามาลดูเลนซิส เป็นไม้ของประเทศออสเตรเลียธรรมดา ๆ ไม่ได้วิเศษวิโสอะไร ไม่เติบโตเท่าไร เตี้ยๆอ้วนๆเมื่ออยู่ที่บ้านเมืองของเขา  เว้นแต่บางพื้นที่เปลาตรงและเติบโตเร็ว แต่เมื่อนำเข้ามาปลูกที่ประเทศของเรา ได้รับสิ่งที่

เรียกว่าสภาพแวดล้อมเหมาะสม ก็เลยโตเอาๆ ดังไปเลยครับ

                          มีไม้ยูคาลิบตัสชนิดอื่นๆที่เข้ามาก่อน 5 ชนิด(ปีพ.ศ.2493 )ชื่อว่า ยูคาลิปตัส อัลบ้า,ยูคา_ลิปตัส ซิทริโอโดร่า,ยุคาลิปตัส พานิคิวลาต้า,ยุคาลิปตัส ซาลิกน่า,และยูคาลิปตัส แกรนดิส ตามไปดูตัวอย่างไม้ยูคาลิปตัสเหล่านี้ได้ที่ อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย หรือเรียกว่า สถานีวนกรรมดอยสุเทพ แต่เก่าก่อน อยู่ข้างๆทางขึ้นพระธาตุดอยสุเทพไงครับ

                        ไม้โตเร็วชนิดยูคาลิปตัสเหล่านั้น ไม่มีต้นใดโด่งดังเลย เพราะในขณะที่เริ่มการทดลองนั้น _ประเทศไทยเรามีป่ามากกว่า ๕๓.๓๓ % ของเนื้อที่ประเทศ มีไม้เป็นสินค้าออกอันดับ ๒ ของประ_เทศ และมีมากมายหลายชนิดที่เป็นไม้ดีมีค่า กลบความเป็นไม้ต่างประเทศยูคาลิปตัสหมดสิ้นจริง ๆ

_ไม้ไทยดังๆในขณะนั้นก็ไม้สัก ไม้ยาง ไม้ชิงชัน ไม้ตะเคียนทอง ไม้พยุง ไม้มะค่าโมง ฯลฯ

                     แต่พอปีพ.ศ.๒๕๒๕ ป่าไม้เศรษฐกิจของประเทศไทยเริ่มลดลง ไม้ทำออกจากป่าสัมปทานยัง_มากมายขนาด ๑.๗๗ ล้าน ลบม.ป่าสงวนแห่งชาติทั่วไปเสื่อมโทรมลงทุกปี ป่าต้นน้ำถูกบุกรุก ในที่สุดป่าไม้เหลืออยู่เพียง ๓๐.๕๒ %ของเนื้อที่ประเทศ การเร่งร้อนปลูกป่าจึงเริ่มขึ้น เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล การปลูกป่าเหล่านั้นคือปลูกอะไร ปลูกเพื่ออะไร ขอชี้แจงสักหน่อยจะได้เข้าใจ

                       บนภูเขาที่เรียกว่าป่าต้นน้ำชั้น ๑ A ถูกชาวเขาบุกรุกทำลายเป็นไร่เลื่อนลอยเสียส่วนใหญ่

ชาวไทยพื้นราบก็บุกรุกทำไร่เลื่อนลอยป่าต้นน้ำเช่นกัน แต่บุกในที่ป่าต่ำกว่าเรียกว่า ป่าต้นน้ำชั้น

 ๑ B-๓ B ป่าเหล่านี้หากมีสภาพเป็นป่าไม้ที่สมบูรณ์อยู่ จะปกคลุมขุนเขาและปรับระดับความมาก

น้อยของน้ำที่ไหลลงสู่ลำห้วย ซึ่งจะต้องมีสัดส่วนที่เหมาะสม แต่เมื่อถูกทำลายไป สมดุลจึงเสีย

 ป่าต้นน้ำเหล่านี้รัฐบาลจึงได้ให้ตั้งงบประมาณ ปลูกป่าเพื่อรักษาต้นน้ำ จะได้ดูดซับน้ำและ

ปลดปล่อยน้ำให้กับประชาชนเบื้องล่างได้ดังเดิม ต้นไม้ที่ปลูกเป็นไม้พื้นเมืองเช่น ไม้ประดู่ ไม้ก่อ

ไม้สนเขา ไม้ตะเคียน ไม้ทะโล้ ไม้ตุ้มเต๊น ไม้พญาเสือโคร่ง ไม้แอปเปิ้ลป่า ฯลฯคือไม้ป่าต้นน้ำ แม้ว่าจะเร่งปลูกป่าเพียงใด กรมป่าไม้ก็ไม่เคยสั่งการให้ปลูกไม้ยูคาลิปตัส
                       ป่าต้นน้ำจึงมีแต่ต้นไม้ไทยๆที่สามารถเติบโตได้โตช้าๆ เพราะว่าสภาพดินฟ้าอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป ป่าต้นน้ำของบ้านเราจึงต้องเสื่อมโทรมอยู่อีกนาน อาจนานเป็นร้อยๆปีก็ได้ นักวิชาการป่าไม้ ทดลองวิจัยทดสอบกันหลายครั้งก็เร่งกว่านี้ไม่ได้ ทางเลือกเดียวคือ ต้องปลูกทดแทนใหม่ จะมีใครคิดเหมือนเจ้าหน้าที่ป่าไม้หรือไม่ว่า"หนึ่งนาที่ที่ท่านตัด ร้อยปีที่ต้องปลูก" เผชิญกันมาแล้วเหนื่อยจังเลยครับเพราะว่าไม่เพียงแต่ปัญหาต้นไม้โตช้าปลูกยากดินเสื่อมสภาพ วัชพืชและไฟป่าแรง คนและงบประมาณน้อย ยังมีปัญหาเกษตรกรยากจนแย่งชิงที่ดินกันวุ่นวาย ปัญหาทางการเมือง ปัญหาประชาธิปไตยเบ่งบาน บอกได้เลยว่า เหนื่อย ๆ ๆ