ปลูกป่าไม้สักต้องศึกษาธรรมชาติไม้สัก
เมื่อคราวน้ำท่วมปลายฝนที่แล้ว ได้สัจจธรรมที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ สวนป่าไม้สักถูกน้ำท่วมตายกันมากมาย นักวิชาการป่าไม้ได้ให้คำแนะนำ แนวทางปฏิบัติ เกี่ยวกับชนิดไม้ที่เหมาะสมให้กับเกษตรกรผู้ปลูกป่า 53 ชนิด แต่ให้เลือกกันเอง ปรับเปลี่ยนชนิดพันธุ์ที่ปลูกตามความเหมาะสมของพื้นที่ ดีกว่าปรับพื้นที่ให้เข้ากับชนิดไม้ เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกับห้าภาคทั่วประเทศไทย การส่งเสริมเกษตรกรให้ปลูกป่าไม้สัก และไม้อื่นๆ ตามพระราชบัญญัติสวนป่า ๒๕๓๕ ด้วย เงินงบประมาณก้อนมหึมาจำนวน ๓,๐๐๐ล้านบาทในการปลูกป่า ๕ ปี ซึ่งแบ่งเฉลี่ยจ่ายให้ปีละ ๘๐๐,๗๐๐,๖๐๐,๕๐๐,และ ๔๐๐ บาท/ไร่ ในการจ่ายเงินงบประมาณเหล่านี้ มีขั้นตอนในระเบียบควบคุมไว้อย่างหนาแน่น มีการตรวจสอบก่อนหลังการจ่าย เพื่อป้องกันผลประโยชน์ของรัฐบาลและเกษตรกร สนใจติดต่อ สำนักงานป่าไม้อำเภอหรือ ป่าไม้จังหวัด ที่ที่ดินตั้งอยู่ ปีงบประมาณ ๒๕๓๘ ได้เพิ่มอย่างต่อเนื่องจำนวน ๑ ล้านไร่ เป็นวงเงินผูกพัน ๓,๐๐๐ _ล้านบาท แบ่งจ่ายใน ๕ ปีเช่นกัน ทั้งสองปีงบประมาณปลูกป่าไม้จำนวน ๕๓ ชนิดที่กรมป่าไม้กำหนดไว้ นอกเหนือจากนั้นไม่ได้รับส่งเสริม หากไปส่งเสริมก็เป็นความผิด เพราะว่าฝ่าฝืนกฏหมายและระเบียบกรมป่าไม้ เช่นไปส่งเสริมให้ปลูกป่าไม้คูณ เป็นสวนป่าเศรษฐกิจนอกบัญชีส่งเสริม ประ_เภทที่ดินที่ปลูกเป็นกรรมสิทธิ์แล้วเช่น โฉนด สน.๓ นส.๓ ก. สปก ๔-๐๑ ฯลฯ ผลของการส่งเสริม ๒ ปีติดต่อกัน ปรากฏว่าส่วนใหญ่ปลูกป่าไม้สัก รองลงมาเป็นไม้ประดู่ ไม้สะเดาไทย ยาง มะค่าโมง ตะเคียนทอง ฯลฯ ภาคเหนือ ปลูกป่าไม้สักบนที่ดินกรรมสิทธิ์ที่มีทั้งที่ราบขึ้นไปยังที่เนินเขาและภูเขาสูง แล้วแต่ว่าที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์เหล่านั้นมีอยู่ที่ดินอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลไม่เกิน ๙๐๐ เมตร ดินไม่เป็นป่าเต็งรังคือดินลูกรังเดิม เพียงแค่นี้ก็ปลูกไม้สักได้แล้ว
ปัญหาอยู่ที่นาข้าว ปลูกแล้วน้ำท่วมขังหรือไม่หากน้ำท่วมขังต้นไม้สักตายแน่นอน สวนป่าสัก ทองหลายๆแห่งปลูกได้สวยงามดี ทั้งของเกษตรกรที่ปลูกและสวนป่าสักทองของเอกชนที่จัดสรรที่ดินซึ่งให้ความเอาใจใส่ ในการบำรุงสวนป่าตามหลักวิชาการป่าไม้ และใช้เทคโนโลยี่เข้าช่วยด้วย ความเจริญเติบโตเร็วดีกว่าภาคเหนือ(รัฐ)มากประมาณ ๒.๕ เท่าเป็นอย่างน้อย ก่อนการปลูกได้เตรียมการป้องกันน้ำท่วม ไถปรับพื้นที่ให้น้ำระบายได้ดี ทำคันคูกั้นน้ำรอบ สวนหรือถมดินจนพ้นน้ำ หรือว่าไม่ทราบข้อมูลอะไรเลย เห็นเขาปลูกได้โตดี ได้เงินช่วยเหลือด้วยก็ลงมือทำ เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ได้สอบสวนแล้วว่า น้ำไม่ท่วมแน่จึงอนุมัติเงินช่วยเหลือได้ แต่เกิดเหตุการณ์สุดวิสัยน้ำท่วมมากผิดปกติ ผิดพลาดไปเช่นนี้ รัฐบาลจะหาทางช่วยเหลือเกษตรกรเหล่านี้ได้อย่างไรบ้างเช่น ตั้งงบประมาณช่วยเหลือสวนป่าน้ำท่วม แจกกล้าไม้ฟรี ให้เงินอุดหนุนเพิ่มฯลฯ ภาคอีสาน ไม้ที่ปลูกป่ากันมากคือไม้สัก ไม้ประดู่และไม้ยางนา ดินเป็นทรายจนถึงทรายจัด ดินเค็มบางเบา ปลูกไม้สักได้ดีพอประมาณ แต่บางจังหวัดที่ดินดีก็ปลูกได้งอกงามมาก เรียกว่าปลูกได้เหมือนกัน ค่าใช้จ่ายจากการบำรุงสวนป่าสูงกว่าปกติ อุณหภูมิปกติเว้นแต่ทุ่งกุลาร้องไห้เท่านั้นไม้ที่ปลูกรองลงมาคือประดู่ป่าและสะเดาไทย ก็ได้ทราบว่าน้ำท่วมตายที่นครพนมเหมือนกัน ภาคตะวันตก ไม้สักก็เป็นพระเอกในการลงทุน ทั้งเกษตรกรรายย่อยและรายใหญ่ๆ จนถึงสวนป่าสักทองจัดสรรที่ดิน โดยเฉพาะในท้องที่จังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี แต่ข่าวว่าน้ำท่วมคราวนี้ไม่ได้รับผลกระทบเพราะว่าปลูกบนเนินเขา นาดอน ปัญหาสำคัญคือ ดินของท้องที่ปลูก_เหมาะสมกับสภาพการปลูกป่าไม้สักเพียงใด เช่นจังหวัดกาญจนบุรีตอนเหนือ(ทองผาภูมิ ศรีสวีสดิ์ ไทรโยค) ดินอุดมสมบูรณ์ ดินลึก ดินเป็นกลาง ปริมาณน้ำฝนมาก ปลูกได้ดีที่สุด พอมาเหลียวดูเขตกาญจนบุรีตอนล่าง(อ.เมือง บ่อพลอย ท่าม่วง พนมทวน ด่านมะขามเตี้ยฯ) ดินส่วนใหญ่เป็นดินทรายจนถึงดินทรายจัด ระดับน้ำใต้ดินตื้น ปริมาณความอุดมสมบูรณ์ของดินต่ำปริมาณน้ำฝนปานกลาง ปลูกป่าไม้สักกันมาก จัดสรรกันมาก แต่น่าเสียดายว่า ต้นสักไม่เติบโตเท่าที่ควรเลย น้ำจากคลองชลประทานสมบูรณ์ดี ปัญหาอยู่ที่ระดับน้ำใต้ดินตื้นมาก ดินเป็นทรายจัดเกิน_ไป จึงเหมาะสมที่จะปลูกไม้ยูคาลิปตัสมากกว่า หรือปลูกผสมผสานกันไป ฯลฯ ภาคใต้ ก็นิยมปลูกป่าไม้สักมาก แตกกิ่งก้านมากต้องดูแลด้านการตัดแต่งกิ่งมากกว่าปกติ เพราะว่าปริมาณน้ำฝนหนาแน่นเกินไป เช่นเดียวกับภาคตะวันออกซึ่งทั้งสองภาคนี้ปลูกแล้วเติบโตดี แต่ต้องปลูกบนที่ดินเนินเขาจะดีกว่าปลูกในที่ราบ ปลูกไม้สะเดาเทียม ตะเคียนทอง ดีกว่า
พื้นที่ที่ปลูกมีทั้งภาคเหนือ อิสาณ ใต้ กลาง ตะวันตก และตะวันออก จังหวัดที่ปลูกไม้สักมากที่สุดคือภาคเหนือ รองลงมาคือภาคกลาง ภาคตะวันตก ภาคอิสาณ(ตะวันออกเฉียงเหนือ) และภาคตะวันออก
พ.อ.อ.อนันต์ ผ่องชนะ ปลูกที่เนินเขา อ.เมือง จ.น่าน การเจริญเติบโตดี คุณสกาวรัตน์ โลหะโชติ ปลูกที่อ.เชียงกลาง จ.น่าน ก็เติบโตดี แม้ว่าที่ดินจะเป็นภูเขาก็ตาม โดยทั่วไปภาคเหนือเหมาะสมเป็นส่วนใหญ่ ส่วนภาคเหนือตอนล่าง ปลูกกันมากเป็นพิเศษเพราะว่าที่ดินมีราคาถูก ปล่อยรกร้างไว้ก็ไม่มีประโยชน์ใดๆ ปลูกไม้สักได้ดีเติบโตเร็วมาก ดินอุดมสมบูรณ์พอใช้ได้ ปรับปรุงดินเพิ่มขึ้น ดูแลสวนป่ามากขึ้น ต้นสักก็เลยเติบโตเร็วเช่นกัน เกษตรกรรายเล็กจนถึงรายใหญ่ปลูกกันมาก บางรายคนเดียวปลูกถึง ๒๐๐-1,000 ไร่ แต่ปรากฏว่าน้ำท่วมคราวนี้ซึ่งไม่เคยท่วมมานานกว่า ๑๓ ปี ต้นสักขนาดความสูง ๘ ม. เส้นรอบวงเพียงอก ๒๑ ซม. อายุ ๒ ปี ตายหมดทั้งสวน
ภาคกลาง ปลูกป่าไม้สักบนที่ดินกรรมสิทธิ์ที่เป็นที่ราบจนถึงที่เนินเขา กระทั่งในนาข้าวก็ปลูก ที่ดินเขตภาคกลางไม่ใช่ถิ่นกำเนิดไม้สัก แต่ผลของการทดลองปลูกของ สำนักงานป่าไม้เขตสระบุรี กรมป่าไม้ ที่ อ.หนองม่วง จ.ลพบุรี เมื่อ ๒๕ ปีก่อนสวนป่าไม้สักเติบโตได้ดี ดินเป็นดินเหนียวปนดินร่วน ความเป็นกรดด่างปานกลาง น้ำไม่ท่วมถึง ต้นสักปรับตัวได้ดีตามสิ่งแวดล้อม
ธรรมชาติไม้สักชอบดินร่วนจนถึงร่วนปนทราย ระบายน้ำได้ดี ดินลึกอุดมสมบูรณ์ดี ไม่เป็นดินลูกรัง น้ำฝนเฉลี่ย ๖๐๐-๒,๕๐๐ มม./ปี อุณหภูมิเฉลี่ย ๒๕-๓๘ องศาเซลเซียส ระดับน้ำใต้ดินปานกลาง ความเป็นกรดด่างของดินอยู่ระหว่าง ๖.๕-๗.๕ สูงหรือต่ำกว่านี้อาจปรับปรุงได้ด้วยเทคโนโลยี แต่ต้องไม่สูงหรือต่ำมากจนเกินไป เป็นไม้ที่ต้องการแสงสว่างมาก ๗๕-๙๔ %ของแสงกลางวัน ความสูงของที่ดินที่ปลูกสูงจากระดับน้ำทะเล ๒๐๐-๙๐๐ เมตรดีที่สุด มีความลาดเทไม่เกิน 35 องศา
การเปลี่ยนแปลงธรรมชาติไม้สักเปลี่ยนได้แต่ต้องอยู่ในช่วงที่เหมาะสม(Range)เช่นดินค่อนข้างเหนียวก็ช่วยให้ร่วนขึ้นได้ น้ำฝนน้อยก็เพิ่มน้ำให้มากขึ้นด้วยการรดน้ำ ฯลฯ