วัดไทยพุทธคยา เมืองกายา
ทิดท้วม
เมื่อผมได้รับเชิญจากสายการบินเจทแอร์เวย์(Jet airways) ให้ไปท่องแดนแผ่นดินธรรมยังวัดไทยพุทธคยา ผมรู้สึกดีใจได้ปลื้มมากเพราะว่าไม่เคยไปมาก่อนเลย คราวนี้แหละผมจะมีเรื่องมาลงในเว็บเล็กๆเว็บนี้ ด้วยเป็นแผ่นดินธรรมผืนใหญ่(ชมภูทวีป)ที่พุทธองค์ทรงประสูติ ตรัสรู้ ปฐมเทศนา และปรินิพพาน จากแผ่นดินนี้ พระองค์ทรงเผยแพร่ธรรมะจนกว้างไกลไพศาลยิ่งนัก กว่า 2552 ปีแล้วที่พุทธศาสนาดำรงอยู่ เว้นแต่ในดินแดนแผ่นดินธรรมของพระองค์เอง กลับดับสูญไปอย่างไม่น่าเชื่อ ทิ้งไว้เพียงร่องรอยแห่งอารยะธรรมอยู่ทั่วไป
เจทแอร์เวย์บินตรงสู่สนามบินกายา
ตราบจนถึงวันที่ พณฯ ศรีเยาวหราลล์ เนห์รู ขึ้นมาดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศอินเดีย (พ.ศ.2490) ท่านได้เรียนเชิญให้พุทธศาสนิกชนจากทั่วโลก ให้กลับคืนสู่ดินแดนแผ่นดินธรรมต้นกำเนิดแห่งพระธรรมคำสอนที่ยิ่งใหญ่ โดยให้ร่วมกันมาสร้างวัดในพุทธศาสนานานาชาติขึ้น ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่ศาสนาพุทธรุ่งเรื่องมาก มากจนกระทั่งมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั้งยุทธจักร บางประเทศตั้งนิกายสยามวงศ์ก็มี เป็นแผ่นดินพุทธศาสนาที่มั่นคงด้วยพุทธบริษัทเหนียวแน่น เปี่ยมไปด้วยความผาสุขและปวารณาตัวเป็นเบื้องบาทบริจาแห่งพุทธศาสนาทั่วทั้งแผ่นดินสยาม เฉพาะในประเทศไทยมีมากกว่า 3 หมื่นวัด
อุโบสถวัดไทยพุทธคยา
พ.ศ.2500 วัดไทยพุทธคยา ตำบลคยา(กายา) อำเภอกายา แคว้นมคธ รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย จึงอุบัติขึ้นอย่างสง่างาม ด้วยการสนับสนุนจากรัฐบาลไทยในขณะนั้น(จอมพล ป.) ตราบจนวันนี้ วัดไทยได้แผ่ไพศาลในประเทศอินเดียถึง 17 วัด (ในจำนวนดังกล่าว มี 1 สำนักปฏิบัติธรรม) พระสงฆ์ไทยได้กลายเป็นพุทธบริษัทที่ยิ่งใหญ่ในแสงธรรมแห่งแผ่นดินพระพุทธเจ้า
การบรรพชาพระ 17 รูป
วัดไทยพุทธคยาตั้งอยู่บนเนื้อที่ 12 ไร่ อยู่ห่างจากวัดมหาบดีศรีมหาโพธิ หรือ ห่างจากเจดีย์พุทธคยา 500 เมตร ห่างสถานีรถไฟ 15 กม. และห่างสนามบินกายา 10 กม.ดังนั้นชาวพุทธที่เดินทางมาแสวงบุญจึงไปมาได้สะดวกและปลอดภัย ทุกวันนี้จึงมีพุทธศาสนิกชนคราคร่ำไปทั่วดินแดนแผ่นดินธรรม มากจนพ่อค้าวานิชและประชาชนทั่วไปรู้จักคำในภาษาไทยกันหลายคำนะครับ โดยเฉพาะเหล่าวณิพกและผู้ที่ขอเพียงเศษเงินด้วยความน่าสังเวชกับความหนาแน่นของประชากรที่ยากเข็ญ ท่าทางอดอยาก เครื่องนุ่งห่มเก่าคร่ำ และดวงตาที่ร่ำร้องขอความเมตตาจากเพื่อนมนุษย์ด้วยกันอย่างยากจะพรรณนา
พระมหา ดร.วิเชียร วชิรวังโส เล่าเรื่องให้สื่อมวลชน
อันว่าวัดไทยพุทธคยานี้ มีเจ้าอาวาสองค์แรกชื่อ สมเด็จพระธีรญาณมุนี (ธีร์ ปุณณกมหาเถระ ป.ธ.9) เมื่อดำรงสมณศักดิ์ที่ พระธรรมธีราชมหามุนี วัดจักรวรรดิราชาวาส ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสรูปที่ 1 ตั้งแต่ พ.ศ. 2502-2506 พระสุเมธาธิบดี (บุญเลิศ ทัตตสุทธิมหาเถระ ป.ธ.8) เมื่อดำรงสมณศักดิ์ที่ พระเทพวิสุทธิโมลี วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏิ์ ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสรูปที่ 2 ตั้งแต่ พ.ศ. 2506-2532 พระเทพโพธิวิเทศ (ทองยอด ภูริปาโล ป.ธ.9 Ph.D.) เมื่อเป็น พระมหาทองยอด ภูริปาโล วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏิ์ ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสรูปที่ 3 ตั้งแต่ พ.ศ. 2532- ปัจจุบันนี้
พระมหาดร.วิเชียร วชิรวังโส
น่าเสียดายที่วันที่ไปถึงวัด กำลังมีพิธีบรรพชาพระ 17 รูป อยู่ในอุโบสถ จึงไม่สามารถเสวนาธรรมกับเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันได้ แต่อย่างไรก็ดี ยังมีพระมหา ดร.วิเชียร วชิรวังโส (พระครูปลัดสุวัฒนพุทธิคุณ) เจ้าอาวาสวัดพุทธสถานจีนไทยไตรรัตนาราม(พ.ศ.2483) เมืองสารนาถ แคว้นวานาราสี และสถานปฏิบัติธรรมโพธิญาณพุทธคยา(พ.ศ.2552) ได้เล่าเรื่องราวพระธรรมฑูตจากประเทศไทยอย่างมากมายหลายเรื่อง แต่ละเรื่องดูเหมือนจะต้องผจญกรรมและทุกเข็ญแสนสาหัส ทั้งจากปวงชนชาวพุทธที่ยากจนของเมืองแม่ และภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงแตกต่างไปจากบ้านเกิดเมืองนอนอันแสนสุข แต่เพื่อพุทธศาสนาจึงมิได้ย่อท้อใดๆ
ภิกษุณีชาวทิเบต ต้นศรีมหาโพธิ์ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา
วันนี้ วัดไทยพุทธคยาจึงมีอุโบสถจตุรมุขแบบจำลองวัดเบญจมบพิตร กรุงเทพ อันเป็นศิลปการสร้างสมัยรัตนโกสินทร์โดยแท้ พระประธานที่ประดิษฐานไว้เป็นพระพุทธชินราชจำลองจากวัดใหญ่พิษณุโลก รวมทั้งหน้าต่างประตูล้วนจำลองมาแทบทั้งสิ้น มีภาพเขียนสีเรื่องราวพุทธประวัติ มีหอระฆังส่งเสียงก้องกังวาล มีศาลาการเปรียญที่ให้พักค้างปฏิบัติธรรมได้อย่างสะดวกตามสมควร มีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่ ยามเช้าจึงมีพระบิณฑบาตรไปทั่วเมือง ได้โปรดสัตว์ผู้ยากและเผยแผ่พระธรรมคำสอนอย่างสม่ำเสมอ
เจดีย์พุทธคยาที่ได้รับการบูรณะใหม่ในที่เดิม
จากการที่พระเจ้าอโศกมหาราช ได้ทรงโปรดให้พระโสณะ และพระอุตระ เดินทางไปประกาศพุทธศาสนายังดินแดนสุวรรณภูมิ เมื่อปีพ.ศ.236 ในปีพ.ศ.2502 พระธรรมธีราชมหามุนี มาเป็นเจ้าอาวาสรูปแรกนับเป็นการแทนคุณพระพุทธศาสนาที่ยิ่งใหญ่และพระเจ้าอโศกมหาราช หลังจากเวลาได้ล่วงเลยไปแล้วมากกว่า 2,266 ปี เป็นผลกรรมทำดีที่ได้เกิดขึ้นอย่างมั่นคง และช่วยให้อายุพระศาสนานิกายเถรวาท มหานิกาย ได้ยืนยงสืบไปในแผ่นดินพุทธภูมิอีกครั้งหนึ่ง
สถูปนางสุชาดาผู้ถวายมัทถุปายาสแด่องค์สมนโคดม ไกด์ประหลาด น่ารัก
คณะเจ้าหน้าที่สายการบินเจ็ท แอร์เวย์ ได้นำคณะสื่อมวลชนไปยังวัดพุทธคยามหาบดี ทันทีที่รถจอดนิ่งสนิทพวกเราเดินลงไปผจญกับฝูงชนที่แห่ห้อมล้อมหน้าล้อมหลัง พร้อมกับเปล่งวาจาว่า "อาจารย์ ขอตังส์ กินข้าว" บางคนก็ใช้ภาษากายทำมือทำไม้ว่าหิวข้าว อยากขอตังส์ไปกินข้าว บางคนอุ้มลูกเล็กๆ บางคนเดินขากระเพกๆ บางคนยังเป็นเด็กๆอายุระหว่าง 5-9 ขวบ แต่ที่น่าทึ่งและประหลาดใจมากคือ เขาเหล่านั้นเดินประกบขอสตางค์ไปด้วยความสงบ ไม่มีแตะต้องจาบจ้วงร่างกายพวกเราทั้งหลายแต่อย่างใดเลย ไม่มีการฉกชิงวิ่งราว ไม่มีการกรีดกระเป๋า หรือแม้เมื่อพวกเราเดินไปเฉยๆโดยไม่ได้ให้ทานแต่ประการใด เขาก็ไม่เคยแสดงกริยาวาจาว่ากล่าวหรือหยาบคายแต่อย่างใด คงเดินขอ(ตื้อ)ไปตลอดทาง ช่างน่าสังเวชและน่าเอ็นดูยิ่ง
ซื้อด้วยเมตตา นี่คืออินเดียแสนงาม นี่คืออินเดียชีวิตจริง
"ความเมตตาเกิดแต่สังเวช อย่าได้ใจอ่อนนะ เพราะว่าถ้าให้ไปคนหนึ่งจะมีอีกหลายคนรุมกันเข้ามาขอเต็มไปหมด"
เสียงใสๆปานระฆังแก้วของคุณลัคณา วันเทวิน ผู้จัดการร่างอรชรและรอยยิ้มเยือกเย็นบอกกล่าว พวกเราจึงต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ถ้าไม่เชื่อฟัง เกิดกรณีโดนรุมขอละก้อ เธอคงช่วยอะไรไม่ได้เลย
หินสวยงาม แม่ค้าขายสีแต้มหน้าผาก ภิกษุณีก็นิยม
เราเดินเข้าประตูวัดพุทธคยามหาบดี จ่ายค่าผ่านเข้าไปกราบไหว้คนละ 20 รูปี สำหรับคนที่ถือกล้องถ่ายรูป และ 30 รูปี สำหรับกล้องถ่ายวิดิโอ ต้องเก็บหางบัตรเอาไว้แสดงตอนออกมาขอรับรองเท้าด้วยนะ ถอดรองเท้าออกเก็บในที่ที่วัดจัดให้ เดินด้วยเท้าฝ่าฝูงชนจากทุกสารทิศ มีทั้งชาย มีทั้งหญิง และลูกเล็กเด็กแดง ยั้วเยี้ยไปหมด พระสงฆ์องค์เจ้าหลายนิกาย หลายหลากสีสันของส่าหรีสีสวยๆ ทุกคนมุ่งไปยังเจดีย์พุทธคยา ที่ประดิษฐานไว้ตั้งแต่สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช
ศิลปะคันธาราท พระสงฆ์บิณฑบาตร นักเรียนน่ารัก
พระเจดีย์ศรีมหาโพธิ นี้สร้างด้วยศิลปะชมพูทวีปรูป ๔ เหลี่ยม ฐานสี่เหลี่ยมด้านเท่า ปลายเรียวทรงกรวย สูง ๑๗๐ ฟิต โดยรอบฐานองค์พระเจดีย์วัดได้ ๕๘ เมตรกับ ๗๖ เซนติเมตร สร้างเป็นแบบ ๒ ชั้น ส่วนฐาน รวมทั้งด้านหน้ามุขที่ยื่นออกมา วัดโดยรอบได้ ๑๒๑ เมตร กับ ๒๙ เซนติเมตร ส่วนสูงของฐานวัดได้ ๑๖ ฟิต หย่อน ๕ เซนติเมตร และบริเวณบนฐานที่กล่าวถึงอยู่นี้ มีพระเจดีย์องค์ขนาดย่อม ๔ องค์ ซึ่งมีทรวดทรงและศิลปะในการสร้างแบบเดียวกันกับพระเจดีย์ศรีมหาโพธิสูงประมาณ ๔๕ ถึง ๕๐ ฟิต ตั้งแวดล้อมทั้ง ๔ มุม ส่วนทางด้านตะวันออกขององค์พระเจดีย์สร้างเป็นซุ้มหน้ามุขมีเชิงหน้ากระจังยื่นออกมาทั้ง ๒ ชั้น แต่มีลักษณะลดหลั่นและเล็กกว่ากันอย่างได้สัดส่วน
พุทธคยาเจดีย์ พระพุทธเมตตาในพุทธคยาเจดีย์
โดยรอบมหาเจดีย์พุทธคยามีถนนกว้าง 2 เมตรเวียนรอบเป็นสี่มุม จากด้านหน้าทางเข้าเวียนซ้ายไปยืนถ่ายรูปกันในมุมที่สวยเด่น ทิศเหนือด้านนี้ห่างแม่น้ำเนรัญชรา 350 เมตร มีต้นศรีมหาโพธิต้นที่ 4 ณ จุดที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ แตกพุ่มกว้างใหญ่ไพศาล สวยสง่างามและดูแข็งแรง เดินเวียนต่อไปได้เห็นหญิงชาวทิเบตเดินไปก็ก้มลงคุกเข่าแล้วหมอบกราบตามแบบทิเบต เป็นความเพียรบำเพ็ญอย่างศรัทธาและเปี่ยมล้น ส่วนพุทธบริษัทอื่นๆก็เดินชมกันไปเรื่อยๆ
หญิงชาวทิเบตบำเพ็ญเพียร เช่นเดียวกับภิกษุชาวทิเบต สามัญชนคนทิเบต
บางมุมพระภิกษุชาวทิเบต(พระลามะ)บำเพ็ญตะบะด้วยการกราบไหว้ใต้ต้นโพธิ์ ชาวทิเบตหญิงชายก็มี สงฆ์พุทธนั่งวิปัสนา ฆราวาสชาวทิเบตนั่งท่องมนต์คาถา ฝรั่งสองแม่ลูกนั่งสมาธิ เป็นภาพแสนงามประทับจิตที่หาได้ยากยิ่งในพุทธสถานใดๆในโลก โดยเฉพาะในวัดไทยมักไม่พบภาพเช่นนี้ให้เห็นนัก ส่วนใหญ่มีงานบุญคราวหนึ่งจึงเข้าวัด แต่ภาพที่เห็นเหมือนว่าเหล่านักแสวงบุญหมั่นเพียรปฏิบัติสม่ำเสมอ
รอบมหาเจดีย์ศรีมหาโพธิ พุทธคยา ล้วนบำเพ็ญเพียร
เมื่อพระอาทิตย์อัสดงลงไปแล้ว ภาพที่เห็นเป็นเงาทะมึนทึนสูงลิบลิ่ว สอดสายตาไปทั่วยังมีหมู่ศรัทธาประสาทะมากมายเวียนว่ายเข้ามากราบองค์พระพุทธคยาเจดีย์มิได้ขาด บ้างก็เดินออก บ้างก็เดินเข้า ความโกลาหลเช่นที่เห็นนี้ปลอดภัยไร้อันตรายใดๆ มีความสวยงามในความวุ่นวายให้เห็นทั่วไป แต่พอพ้นประตูวัดมหาบดีศรีมหาโพธิ ความวุ่นวายตามธรรมชาติเกิดขึ้นอีก พ่อค้าแม่ค้าร้องเสนอขายสินค้าสารพัดชนิด บ้างก็ขอทานด้วยอาการสุภาพ เยือกเย็น และไม่เคยก้าวล้วงล้ำสิทธิใดๆของเราเลย
ภิกษุณีและเณรน้อย
เรื่องนี้ผมต้องขอขอบพระคุณ คุณลัคนา วันเทวิน ผู้จัดการการบินเจทแอร์เวย์ ประจำประเทศไทย ได้ส่งคำเชิญผ่านคุณภาวิณีย์ เจริญยิ่ง นสพ.มติชน ให้ช่วยเชิญสื่อมวลชนไปร่วมในโครงการ เปิดเส้นทางพุทธธรรมเสริมบุญบารมีและอำนวยความสะดวกแก่พุทธศาสนิกชนคนไทยเป็นพิเศษ ด้วยการเปิดสายการบินระหว่างกรุงเทพ-สนามบินกายา(Gaya)-วารานาสี ทุกวันอังคารและวันศุกร์ของทุกเดือน Jet Airways โทร.02-6968960,02-6968980 www.jetairways.com