ฝ่าด่านพระธรรมที่ด่านซ้าย
โดยทิดท้วม
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า มีคนอย่างนี้อยู่ในโลกนี้จริงๆ "แม่ให้ทรัพย์สินเป็นวิชาความรู้ ตักตวงกันให้เต็มที่ เงินที่เหลือแม่จะให้ลูกคนอื่น" เป็นสัจจะวาจาที่ "แม่" ลูกผู้หญิงนักสู้คนหนึ่งพร่ำสั่งสอนลูก 3 คน และเมื่อลูกๆได้ความรู้เป็นทรัพย์ติดตัวกันทุกคนจนพร้อมแล้ว แม่คนนี้ก็เริ่มต้นใช้เงินที่เหลือให้ลูกคนอื่นดังที่ได้ลั่นวาจาไว้ วันนี้คุณสุกัญญา ตรีสวัสดิ์ นักธุรกิจผู้มีเหลือจะกินได้เดินทางฝ่าฟันร่วมกับสามเณรที่เป็นลูกของคนอื่น 57 ชีวิตอยู่ที่ด่านซ้ายในไร่เอสเคฟาร์ม อันเป็นโครงการศาสนทายาทของวัดพระรามเก้าอย่างจริงจัง
เธอหวังอะไรหรือ ?
อรุโณทัยที่ปลายฟ้าไกล
คุณสุกัญญาหรือที่สามเณรเรียกันว่าโยมยาย เล่าว่า เธอเริ่มต้นชีวิตหลังสำเร็จการศึกษาด้วยอาชีพประกันชีวิตเอไอเอ ตั้งแต่ปีพ.ศ.2506 หลังแต่งงานมีครอบครัวที่มีความสุขบุตรธิดารวม 3 คน เปลี่ยนอาชีพไปอีกหลายอย่าง เช่น ธุรกิจท่องเที่ยว รับเหมาก่อสร้าง ซื้อขายที่ดินจนถึงจัดสรรที่ดิน และหลังสุดทำคอนโด สูง 27 ชั้น จำนวน 500 ห้องๆละ 1 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่พัทยาเหนือ
บ้านดินหลังใหญ่ บ้านปีกไม้เก๋ไก๋
แต่ได้กันบางส่วนไว้เป็นโรงแรม ในชื่อว่า มาร์คแลนด์ ด้วยความคิดบูรณาการทางการบริหาร เพื่อให้ห้องพักที่ถูกซื้อไปไม่เงียบเหงา จะมีคนเข้าออกโรงแรมทุกวัน ผู้ซื้อก็จะปลอดภัยด้วยระบบการรักษาความปลอดภัยระดับโรงแรม แต่ระหว่างที่ดำเนินธุรกิจอยู่นี้ก็ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับพระศาสนาด้วยการเป็นโยมอุปฐากให้กับสามเณรที่บวชเรียนและศึกษาพระธรรมวินัย จนจบเปรียญเก้าประโยคก็มี ก็ดีใจที่ได้สร้างศาสนาทายาทไว้สืบทอดพระศาสนา
โยมยาย คุณสุกัญญา
ที่ดินที่ด่านซ้าย ปลูกเป็นสวนส้มหลายชนิด เป็นพันธุ์ดีๆดัง เช่นส้มโขกุน ส้มสายน้ำผึ้ง และบางสายพันธุ์จากอเมริกา เพื่อทำส้มส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ ปลูกไว้มาก 15,000 ต้น ให้ผลผลิตมาหลายปีแล้ว รายได้จากสวนส้มทุกวันนี้ก็ส่งเข้ามาในโครงการ รีสอร์ทบ้านดินถิ่นอีสานหรือเอสเคฟาร์มนี่ 600 ไร่ก็ดำรงไว้ แต่ไม่เปิดบริการนักท่องเที่ยวทั่วไปแล้ว ทุกวันนี้ ทางวัดพระรามเก้าได้ใช้ในโครงการศาสนทายาทเพื่อให้สามเณรจากทั่วประเทศที่สมัครใจเข้ามาศึกษาและปฏิบัติธรรมอยู่ที่นี่
ญาติโยมที่ศรัทธาร่วมถวายภัตาหารเช้า
ส่วนใหญ่สามเณรมาจากภาคอีสาน และภาคเหนือ มีความแตกต่างกันอยู่ระหว่างวัย และพื้นฐานการศึกษา แต่เมื่อมีศึกษาธรรมะร่วมกันก็ค่อยเป็นค่อยไป ที่นี่ก็เลยต้องเรียนทั้งทางธรรมและทางโลก ด้วยหวังว่าหากท่านสึกออกไป ก็ยังจะได้คนที่มีคุณภาพ มีการศึกษา และมีมารยาทสังคมที่ดี สามารถอยู่ร่วมกันได้ในสังคมอย่างอบอุ่น และสร้างสรรค์
เรื่องค่าใช้จ่ายน่ะหรือ ตกเดือนละกว่าสองแสนบาท ส่วนใหญ่ก็ออกเอง ได้จากสวนส้มที่เห็นอยู่นี่ส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งก็เงินเก่าๆที่ยังไหลออกมาได้ไม่หยุด แต่ก็มิได้หมายความว่าอยากจะทำบุญเพียงลำพัง อยากให้ญาติโยมที่ได้รับรู้ข่าวสารข้อมูลโครงการนี้ได้เข้ามาร่วมกัน เพราะว่าหนทางอยู่อีกยาวไกลเหลือเกิน
เดินจากกุฎิ ฝึกสัมโมทนียกถา
เรื่องที่ดินของโครงการศาสนทายาทจำนวน 600 ไร่ ได้ยกให้กับทางมหาจุฬาราชวิทยาลัย เพื่อสร้างศาสนสถานสำหรับโครงการศาสนทายาท ตอนนี้เป็นไร่ร้างอยู่ข้างหลังสวนส้มนี่แหละ ก็เป็นภูเขาสลับซับซ้อน สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 600 เมตร อากาศดีมาก เย็นแทบทั้งปี ส่วนค่าใช้จ่ายที่เป็นอาจารย์พระ ทางมหาจุฬาราชวิทยาลัยรับผิดชอบทั้งสิ้น แบ่งความรับผิดชอบกัน หลักสูตรการเรียนทั้งทางโลกและทางธรรมเรื่องหลักสูตรนี่ทางมหาจุฬาราชวิทยาลัยรับผิดชอบทั้งสิ้น
ฉันมื้อเช้าพร้อมกับอาบไอแดดอุ่นๆ
รีสอร์ทเดิมที่มีอยู่ ส่วนบังกาโลที่สร้างอย่างกลมกลืนกับธรรมชาติ รูปทรงเก๋ไก๋ เป็นบ้านดินก็มี เป็นปีกไม้ก็มี หลังขนาด 2 ครอบครัวก็มี หลังครอบครัวเดียวก็มี ติดแอร์ มีน้ำร้อนน้ำเย็นพร้อม ทุกวันนี้ไม่เปิดบริการนักท่องเที่ยว ถ้าเก็บเงินเขาก็เป็นนาย ทุกอย่างต้องทำให้เยี่ยม แต่ที่ไม่เก็บเงินนักท่องเที่ยวก็เพราะว่าเปิดให้ร่วมทำบุญธรรมทายาทด้วยการถวายภัตตาหารเช้าบ้าง เพลบ้าง แล้วแต่เวลาของญาติโยม ก็มื้อละ 6,000 บาท สามเณร 57 องค์ พระพี่เลี้ยง พระอาจารย์ นักท่องเที่ยวที่เข้ามาแสวงบุญ เจ้าหน้าที่พนักงาน กินเหมือนกันหมดทุกมื้อ
โยมยายปฏิบัติสม่ำเสมอ
การเดินทางมาไม่ยากเลย จากกรุงเทพเดินทางมาตามถนนสายกรุงเทพ-หล่มสัก แล้วเลยขึ้นไปยังหล่มเก่า ถึงทางสามแยกภูเรือ ถ้าเลี้ยวขวาก็ไปภูเรือ ถ้าแยกซ้ายก็ไปด่านซ้าย เอสเคฟาร์มอยู่ริมถนนทางซ้ายมือขาเข้าด่านซ้าย ถามคนแถวนั้นก็รู้จัก โครงการศานทายาทของวัดรพะรามเก้า กรุงเทพมหานคร โทรศัพท์ติดต่อที่โทร.081-6396500 สุกัญญา หรือโยมยายของสามเณรนั่นเอง
ขอเชิญชวนญาติโยมที่มีทรัพย์สินเหลืออย่างพอเพียงร่วมกันสร้างศาสนทายาทรุ่นบุกเบิกได้ จะติดต่อบริจาคหรือจะเดินทางไปให้เห็นกับตาแล้วพักค้างอ้างแรมที่นั่นก็ยินดีต้อนรับทุกท่าน
ฝึกหัดปฏิบัติจริง สาธุๆ