วัดป่าไทรงาม : แดนธรรมในแมกไม้ ไทรงาม
“เอื้อยนาง”
ในท่ามกลางความวุ่นวายสับสนของสภาพสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง อันเป็นเหตุหมอง ๆ สยอง ๆ ครองใจให้ผู้คนรุ่มร้อน ไม่ผ่อนคลาย อย่างปัจจุบันนี้นั้น ยังมีสถานที่ได้พักใจกายให้คลายร้อนท่ามกลางแมกไม้ และกลิ่นอายธรรมชาติแห่งป่าดง เป็นเสมือนดวงเทียนที่พราวแสงวิบวับขึ้นมาในยามค่ำคืนอันมืดมน
นั่นคือแสงแห่งธรรมะที่ส่องประกายจากวัดป่า
พระอธิการเอนกยสทินโน
มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์ ในท่ามกลางยุควัตถุนิยมสุดโต่งที่ธรรมชาติถูกตักตวง ขุดค้น ป่นทำลาย ต้นไม้ถูกโค่นเผา เคลื่อนย้ายหดหายไปทุกวัน พื้นที่ป่ามีแต่จะเตียนโล่งไม่มีกฎหมาย และข้อหวงห้ามใด ๆ สามารถขวางกั้นได้ แต่ป่าไม้ร่มรื่นที่วัดป่าแทบทุกแห่ง โดยเฉพาะสาขาของวัดหนองป่าพงของหลวงปู่ชา (ชา สุภทฺโท หรือ พระโพธิญาณเถร) กลับยังเขียวครึ้มขยายอาณาเขตออกไปเรื่อย ๆ ด้วยแรงแห่งศรัทธาธรรม
วัดป่าไทรงาม อำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี สาขาที่ ๑๐ ของวัดหนองป่าพง ก็เป็นที่หนึ่งในจำนวนดังกล่าว
สวนธรรม
ตั้งแต่ทางแยกที่แยกจากถนนในตัวเมืองเดชอุดม ผู้เข้าวัดจะเดินทางลอดทิวไม้ที่เรียงรายเป็นทิวแถวเหยียดยาว เขียวครึ้มเหมือนลอดสู่คูหาในไพรพนา ครั้นถึงประตูเข้าวัดก็มีหมู่ไทรใบหนาเอนกิ่งแผ่ใบปกคลุมห้อยย้อย เป็นม่านให้ลอดผ่านสู่แดนสงบงามท่ามกลางแมกไม้นานาพรรณ ที่ขึ้นเบียดเสียดคลุมเป็นหลังคาอยู่เบื้องบน เป็นที่อาศัยของเหล่านก กา กระรอก กระแต ตลอดเหล่าแมลง แลกิ้งก่า ส่วนเบื้องล่างนั้นประดับประดาตกแต่งด้วยสิ่งที่ผู้คนมองเมิน คือ แท่งหิน กรวด ดิน ตอไม้ รากไม้ ตลอดของใช้เก่า ๆ โบร่ำโบราณ ที่เคยไร้ค่า แต่กลับกลายมาเป็นสิ่งที่ผู้คนต้องมองตะลึง ด้วยความคิดในการสรรสร้าง จัดวาง ที่แทรกไว้ด้วยหลักธรรมคำสอน และเรื่องราวแห่งพุทธศาสนา
ร่มไม้ไทรงาม
“แท่งหิน ตอไม้ รากไม้เหล่านี้ เป็นสิ่งที่หลวงพ่อเจ้าอาวาส และพระลูกวัด พร้อมชาวบ้านไปมุดเอาขึ้นจากใต้น้ำลำโดมที่เขาสร้างเขื่อน น้ำท่วมจมหายโน่นแน่ะ” นั่นเป็นเสียงบอกเล่าจากชาวบ้านผู้อยู่ใกล้ชิดวัด ผู้รู้เรื่องราวความเป็นมาของวัดดี
หากคุณมาที่นี่เมื่อ ๓๐ ปีก่อน คุณจะต้องรีบเดินจ้ำอ้าวด้วยความสยดแสยง เชียว เพราะที่สวยงามร่มรื่นแห่งนี้ ตอนนั้นคือป่าร้าง หย่อมกลางเป็นโพนดินที่ฝังศพแห่งป่าช้า บ้านตลาดเดชอุดม เนื้อที่ประมาณ ๓๐ ไร่ รอบ ๆ คือทุ่งนาโล่งที่กลายมาเป็นป่าร่มครึ้มให้คุณน้อมกายลอดผ่านเป็นเนื้อที่ เกือบ ๒๐๐ ไร่ในปัจจุบัน
ธรรมมะจากตอไม้
“เดิมบริเวณนี้เป็นป่าช้า มีต้นไทรใหญ่อยู่ต้นหนึ่งตรงโน้น...” เสียงเล่าของผู้อารี พร้อมชี้มือไปให้ดู “หลวงปู่ชาท่านมาธุดงค์ท่านพักใต้ร่มไทรนั้น ต่อมาพ่อออกชาวบ้านสี่ห้าคนเดินทางไปขอให้หลวงปู่ชามาตั้งวัด พ่อออกไทยวัฒนาในเมืองเดชก็ขอซื้อที่จากชาวบ้านเพิ่มให้ แล้วก็พากันสร้างกระท่อมมุงแฝกขึ้นเป็นศาลาชั่วคราว หลวงพ่อเจ้าอาวาสองค์นี้เป็นประธานสงฆ์ นำพาพระเณร และชาวบ้านสร้างสาพัฒนา ท่านขยันมากไม่อยู่ไม่นอนหรอก” พูดยิ้ม ๆ ตาเป็นประกายเปี่ยมศรัทธาและเคารพรัก “ท่านได้เป็นเจ้าอาวาสองค์แรก องค์เดียวตลอดมา”
บอกคุณแล้วไงว่าป่าอื่น ๆ ในสภาพสังคมปัจจุบันมีแต่จะหดหายไปทุกวัน แม้แต่ป่าสงวนที่มีกฎหมาย มีงบแผ่นดิน มีเจ้าหน้าที่ดูแลกวดขัน แต่ป่าในวัดป่าที่พระท่านฉันวันละมื้อไม่มีงบไทยเข้มแข็ง ไทยเอื้ออาทรมาลง แต่ป่าดงกลับนับวันงอกเงยให้โลกคลายร้อน
อำเภอเดชอุดม อยู่ห่างจากตัวจังหวัดอุบลราชธานี ประมาณ ๔๐ กิโลเมตร ถนนหนทางสะดวกสบาย หากจะไปทำบุญตอนเช้าออกจากอุบลฯเจ็ดโมงก็ทันจังหันทันได้ฟังธรรมะสบาย ๆ
แม่ชีวัดป่าไทรงาม
ตามธรรมเนียมวัดป่าสายหนองป่าพง เช้า ๆ เมื่อพระท่านกลับจากบิณฑบาตท่านจะนำทุกอย่างในบาตรมารวมกันที่ศาลาโรงครัว หากมีปิ่นโต หรืออาหารจากญาติโยมนำมาถวายสมทบก็จะจัดรวมกันที่นี่ แล้วยกไปถวายที่หอฉันอีกที
หลังวันพ่อปี ๕๒ หนึ่งวัน ยังเป็นวันหยุด เราสามคน มีผู้เขียน อรพินเพื่อนรัก กับหนุ่มขุนผู้ลูกชายชวนกันเดินทางลอดม่านไทรงามเข้าสู่ประตูวัด จัดการนำอาหารไปรวมที่ศาลาแล้วก็ไปคอยหลวงพ่อเจ้าอาวาสอยู่ที่ หอฉันซึ่งปลูกสร้างตกแต่งกลมกลืนกับแมกไม้ และธรรมชาติจนดูคล้ายกับว่ามานั่งอยู่ ในถ้ำคูหา อันเป็นบ้านพักพิงของคนโบราณหลายร้อยปีผ่านมา อาสนะที่ท่านหลวงพ่อนั่งเด่นเป็นสง่าอยู่ นั้น ก็ดูดั่งว่าเราต่างย้อนยุคกลับไปอยู่ในสมัยพุทธกาล
ในแมกไม้ใบบัง สงบร่มเย็น
นอกจากเราผู้สนใจในแดนธรรมแห่งไทรงามแล้ว เช้านี้ยังมีผู้มาคอยพบหลวงพ่ออยู่ ๓ กลุ่ม ๓ จุดประสงค์ คือ หนุ่มหน้าใสจากเมืองเดชอุดมคนหนึ่งมากราบมนัสการท่านเพื่อขออนุญาตนำชื่อท่านไปเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ที่เขาและชาวบ้านจะทำผ้าป่ามาถวายวัด หลวงพ่อให้ข้อคิดเนิบช้า ชัดเจนว่า ให้เป็นเรื่องของญาติโยมจะทำมาเถิด อย่าเอาชื่อท่านไปเลย มีชื่อวัดด้วยก็พออยู่แล้ว เขาก้มลงกราบด้วยความเข้าใจ
ส่วนอีกคนเป็นคุณตาคนหนึ่ง อายุมากแล้ว มากราบขออนุญาตจากหลวงพ่อที่จะขายควายตัวหนึ่ง ซึ่งฟังจากการสนทนาทำให้เราได้รับรู้ว่า ที่วัดมีกองทุนควาย ให้ชาวบ้านนำไปเลี้ยง โดยมีกติกาตกลงก่อนว่าลูกของมันตัวแรกเป็นของกองทุน ตัวต่อไปจะเป็นของผู้เลี้ยง แต่คุณตาจะมาขออนุญาตขายตัวแรก หลวงปู่จึงไม่อนุญาต
ส่วนอีกคนเป็นคุณตาเช่นกัน แต่คุณตาท่านนี้มากับลูกหลาน มาทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ภรรยาผู้ล่วงลับ
ที่เล่าให้ฟังนี้ เพื่อจะให้ได้เข้าใจความสัมพันธ์กับชุมชนของวัดป่า ที่หลาย ๆ คนเห็นเป็นแหล่งท่องเที่ยวทัศนาความสวยงาม และเห็นว่าพระท่านอยู่สงบจนไม่เกี่ยวข้องกับภายนอก แต่ที่จริงแล้ววัดก็มีกิจกรรมสำหรับชุมชนอยู่มากมาย นอกเหนือจากการเป็นแหล่งธรรมะชำระจิตใจ
ทางเดินสู่ศาลา
ก่อนเวลาฉันจังหันวันนั้น เราได้ฟังธรรมะจากหลวงพ่อ ในหัวข้อ “ครอบครัวอบอุ่นทำให้คนเป็นสุข ใจเป็นสุข สังคมสงบสุข”
ท่านชี้ให้เห็นถึงสาเหตุทั้งหลายมาจากความโลภของคนในปัจจุบัน ทำให้ละเลยภาระหน้าที่ หรือทำเกินเลยหน้าที่ ลูกไม่เป็นลูก พ่อแม่ไม่เป็นพ่อแม่ ... ครอบครัววุ่นวายความสุขจะเกิดขึ้นได้ฉันใด
“วันนี้ เป็นส่วนหนึ่งที่คุณตา และลูกหลานของคุณยายผู้ล่วงลับไปได้มาทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้
ความแก่นั้นเป็นไปตามธรรมดา เราจะระงับ บังคับความแก่ไม่ให้มาเยี่ยมกรายนั้นไม่ได้ ไม่ว่าเราจะสรรหาเงินทองทรัพย์สมบัติมาได้มากมายเพียงใด เป็นกฎเกณฑ์ที่มันเป็นไปของมันอย่างนั้น มันจะเป็นอยู่อย่างนั้น มันเป็นของมันอยู่เรื่อย ๆ ทุกลมหายใจ
หายใจเข้ามันก็เอาความแก่มาหาเรา หายใจออกมันก็เอาความหนุ่มสาวของเราออกไป ทุกๆ ลมหายใจ
ให้เราตระหนักรู้
รู้ดั่งนี้แล้ว คิดได้ดั่งนี้แล้วเราจะเบาสบาย ห่างไกลความโลภโมโทสัน
ความเห็นแก่ตัวจะค่อย ๆ หมดลง”
หลังจากรับพรแล้วเราก็ออกมาทานอาหารร่วมกันที่ศาลานอก ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ให้ทุกคนแบ่งปัน อาหารทุกอย่างที่มีจะต้องไม่มีเหลือที่วัด ทุกอย่างที่เรานำไปถวายเหลือจากพระท่านแล้วก็จะแบ่งปันลงสู่ญาติโยม และชาวบ้านผู้ปฏิบัติดูแลในวัด วัดจึงเป็นสะพานทอดเชื่อมให้คนสองกลุ่มได้มีความสุขร่วมกัน แรงศรัทธาจึงยังคงรินไหลไม่เคยขาดสาย
แรงศรัทธานี้นอกจากเกื้อหนุนให้ธรรมชาติ ต้นไม้ ป่าไม้ นกหนู ปูปีกได้คงอยู่ ยังเป็นแรงเกื้อหนุนให้ผู้คนได้พักพึ่งพิงทั้งใจและกายอีกด้วย
ปัจจุบันวัดป่าไทรงามแพร่ขยายสาขาในเครือออกไปอีก ๓๐ วัดในแถบใกล้เคียง ปกครอง ดูแล ร่วมใจรักษา และปลูกเพิ่มผืนป่าโดยอาศัยธรรมะเป็นเนื้อที่รวมกันหลายพันไร่
เอื้อยนางกับอรพิน..เพื่อนสุดเลิฟ
และทุกวันที่ ๒๗ ธันวาคม ถึง ๑ มกราคมของปีถัดไป เป็นประเพณีปฏิบัติธรรมประจำปีของวัด ขอเชิญญาติโยมทุกคนที่สนใจเข้าร่วมรักษาศีลปฏิบัติธรรมได้ ณ ลานธรรม ที่วัดป่าไทรงามแห่งนี้ ลงทะเบียนเช้าวันที่ ๒๗ เวลา แปดโมงเช้าเป็นต้นไป
มีเวลาก็ลองไปปฏิบัติธรรมท่ามกลางแมกไม้ไทรงามกันนะคะ
๐๐๐๐๐๐