http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 08/05/2024
สถิติผู้เข้าชม14,068,124
Page Views16,380,649
« May 2024»
SMTWTFS
   1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

คึดฮอดเมืองลาว17 เดินข้ามโขงบนสะพานเชื่อมใจไทลาว๓ โดยเอื้อยนาง เรื่อง-ภาพ

คึดฮอดเมืองลาว17 เดินข้ามโขงบนสะพานเชื่อมใจไทลาว๓ โดยเอื้อยนาง เรื่อง-ภาพ

คึดฮอดเมืองลาว๑๗

เดินข้ามโขงบนสะพานเชื่อมใจไทลาว๓

“เอื้อยนาง”

 

          ถนนเลียบแม่น้ำโขงช่วงจากอำเภอไชยบุรี จังหวัดนครพนมถึงตัวจังหวัด   ผ่านเข้าเขตอำเภอท่าอุเทน  ทัศนียภาพสวยงาม  ร่มครึ้มด้วยต้นไม้สองข้างทางแผ่กิ่งก้านผสานดอกใบสร้างสีสัน   บางช่วงตามริมถนนมีเพิงแผงร้านค้า  ตั้งขายผลไม้ประเภทแตงโม  แตงไทย  สับปะรด  ตั้งเทินเรียงราย  บางช่วงมีปลาสด  ปลาแห้ง  ทั้งแหนมปลาช่อนจากแม่น้ำโขงที่ลือชื่อเรื่องความอร่อย  ห้อยแขวนอวดความอุดมสมบูรณ์แห่งท้องถิ่น

          หากเราเดินทางมุ่งหน้าสู่นครพนม   มองไปซ้ายมือจะเห็นเทือกเขายาวเหยียดประกอบด้วยภูเขารูปร่างแปลก ๆ สูง ๆ ต่ำ ๆโค้งเว้า คดงอ  ดูคล้ายมีใครสร้างสรรค์ปั้นแต่งขึ้นมา  และหากว่ามีใครเป็นคนปั้นภูเขาจริง ๆ ใครคนนั้นก็คงเป็นศิลปินนิรนาม ไร้ชื่อ ไร้ฝีมือ  หรือไม่ก็คงเป็นเด็กซน ๆ ปั้นดินเล่นเป็นภูเขา  เป็นรูปร่างไร้รูปแบบ  แต่ก็ดูสวยแปลกตาดี

            ภูเขาเหล่านั้นจะดูลางเลือนในบางช่วง  หรือหายลับตาไปเมื่อรถซอกซอนเข้าในป่าที่มีไม้ใหญ่บดบัง  แต่บางครั้ง  โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์อ่อนแสงจะเห็นชัดเจน  ดูใกล้  จนไม่อยากเชื่อว่าจริง ๆ แล้วมันอยู่ไกลคนละฟากฝั่งโขง  คนละประเทศเขตแดนกับถนนที่เรากำลังไต่ตามอยู่นี่เอง

            “ภูเขาสวย ๆ เหล่านั้นอยู่ฝั่งลาวหรือ”

            เด็ก ๆ ถามด้วยจินตนาการไปว่าลาวนั้นช่างอยู่แสนไกล  บอกเท่าไหร่ ๆ ก็ไม่อยากเชื่อว่าครั้งหนึ่งดินแดนนี้เป็นอาณาจักรเดียวกัน  เท่าที่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ก็ตั้งแต่อาณาจักรศรีโคตรบูรณ์  ถึงล้านช้างร่มขาวละ  แม่น้ำโขงนั้นเคยไหลผ่านใจกลางราชอาณานาจักร   แต่มาปัจจุบันแม่น้ำโขงคือเส้นแบ่งประเทศไทย-ลาว

            และแม่น้ำโขงช่วงนี้ก็ไหลเลาะเลื้อยอยู่ระหว่างภูเขาฟากนั้นกับถนนที่เรากำลังไต่ตาม

          ลาวกับไทยเป็นพี่น้องป้องปลายแต่ในอดีตจนปัจจุบัน  แม้จะมีแม่น้ำโขง  และคำว่าประเทศ  เป็นเส้นแบ่ง  ก็ไม่เคยทำให้ความรู้สึกพี่น้องเหือดหาย   ลาวนั้นเป็นพี่มีไทยเป็นน้อง  เราเชื่ออย่างนั้นเพราะบรรพบุรุษกล่าวขานสืบมา  หลักฐานสืบเนื่องก็คือภาษาสื่อสาร  และการไปมาหาสู่ข้ามโขง ที่ไม่เคยขาดสาย  อาจมียุ่งยากบ้างในบางยุคสมัยแต่สุดท้ายจะมีอะไรเล่ามาขวางกั้นได้  อย่างที่เมืองท่าอุเทน นอกจากพี่น้องไปมาเยี่ยมยามปกติแล้วยังมีตลาดนัดไทยลาวริมฝั่งโขงให้แลกเปลี่ยนสินค้า  มีพระธาตุท่าอุเทนที่เลื่อมใสศรัทธาร่วมกัน  มีประเพณีเทศกาลร่วมกันตามฮีตคองทั้งสองฝั่ง 

            เรากำลังมุ่งหน้าสู่นครพนมในยามเย็นพระอาทิตย์เริ่มอ่อนแสงของวันที่๑๑ เดือน๑๑  ปี ๒๐๑๑  วันสำคัญที่พี่น้องไทย-ลาวแถบนี้รอคอยมานาน  นั่นคือวันเปิดสะพานมิตรภาพแห่งที่ ๓  เป็นสะพานข้ามแม่น้ำโขงช่วงระหว่าง นครพนม กับ เมืองท่าแขก

เรามาไม่ทันในช่วงเช้า  แต่ก็ดีที่แดดอ่อนลงมากแล้ว 

            เด็ก ๆ นักท่องเที่ยวในสายเลือดชาวคณะวันนี้มี   เจ้าอิ๊กคิว พี่ไออุ่น   น้องจีด้าแพงขวัญ    และคนสำคัญคือน้องไออ้น  เพราะเพิ่งโกนหัวบวชเณรจูงคุณยายสู่สวรรค์ตามประเพณีพอถอดผ้าเหลืองปุ๊บก็วิ่งตามคุณย่าและชาวคณะเลยทีเดียว

            ก็มันเป็นโอกาสเดียวนี่นา  ที่จะได้เดินข้ามแม่น้ำโขงไปฝั่งลาวสบาย ๆ หลังจากวันนี้ไปก็มีแต่ต้องนั่งรถยนต์เท่านั้นไม่มีโอกาสแตะเท้าลงพื้นสะพานได้หรอก

            โอกาสอย่างนี้ซีที่ลูกหลานพ่อใหญ่เลาะต้องรีบคว้าไว้ตามสันดานทันที

            จริง ๆ ชาวคณะนี้เคยข้ามไปลาวบ่อย ๆ บางคนตั้งแต่อยู่ในท้อง  แล้วออกมาแบเบาะด้วยซ้ำ   ที่เมืองท่าแขกฝั่งตรงกันข้ามกับนครพนมก็เคยไปมาแล้วในปีที่แล้วช่วงเทศกาลมาฆบูชาที่น้ำแม่โขงแห้งลงจนแทบมองเห็นเมืองพญานาค(เคยเล่าไว้แล้วค่ะในตอนอาณาจักรสีโคดตะบอง)

            แต่ครั้งนี้เอาแค่เดินขึ้นไปอยู่บนสะพานตรงกลางแม่น้ำโขง  มองเห็นฝั่งซ้ายฝั่งขวาอยู่สองข้างก็พอใจนักแล้ว

            สะพานตั้งอยู่ช่วงระหว่างอำเภอท่าอุเทน  กับ ตัวจังหวัดนครพนม  หากมาจากทางตัวจังหวัดจะต้องเลี้ยวออกมาตามถนนนครพนม – หนองคาย  ประมาณ ๑๐ กิโลเมตรกว่า ๆ ดังนั้นด่านเข้าเมืองฝั่งโน้นจึงไม่ได้ตั้งอยู่ตรงตัวเมืองท่าแขกแต่จะอยู่ห่างออกมาพอสมควร  แต่ไม่มีปัญหาหรอกเขาจะมีรถโดยสารนครพนม-ท่าแขกไว้บริการนักเที่ยวให้เดินทางไปที่นั่นสบาย ๆ ในอีกวันสองวันหลังพิธีเปิดสะพานอยู่แล้ว

            เป็นสะพานที่ยาวมากทีเดียวมองเห็นแต่ไกล  เด็ก ๆ ตื่นเต้นกันใหญ่อยากลงไปเดินตั้งแต่ลอดสะพานมาแล้ว 

            ใต้สะพานดูคึกคักพลุกพล่านเพราะมีร้านค้า ผู้คนมากมาย  คงจะมีทั้งไทยและลาวนั่นแหละ   มีงานใด ๆ เกิดขึ้นที่ใด ๆ ในยุคนี้  ผู้ได้ประโยชน์คือพ่อค้าแม่ขาย ซำเหมอนั่นแหละ  ส่วนพวกตื่นเต้นตาโตอย่างพวกเราก็มีแต่เสียเงินนะซี้

            กระนั้นก็พอใจ  สุขใจกันนักละ  เด็ก ๆ วิ่งฝ่าฝูงชนตั้งแต่ลอดผ่านอาคารที่ทำการผ่านเข้า(ออกด้วย)เมือง(ประเทศ)นั่นแหละ

            “ช้าง ช้าง...หนูจะขี่ช้าง”

            เจ้าตัวเล็กสุดตาไว ร้องบอกพลางชี้มือ ไปหุ่นช้างแม่ลูกที่ยืนตระหง่านอยู่ประตูสู่ลาว   เจ้าตัวใหญ่กว่าเห็นแล้วเลยวิ่งหัวซุนตาม ๆ กันไป  แม่เปิ้ล พ่อขุนวิ่งตามแทบไม่ทัน  ส่วนคุณย่านั้นลอยตัวเหนือปัญหาเพราะมัวเก็บภาพ

            ที่กรุงเทพตอนนี้กำลังหวั่นหวาดกับมวลน้ำมหาอุทกภัย   เราก็หนีปัญหามาเดินเลื่อนไหลไปกับมวลชน  เดินไต่ไปบนสะพานข้ามโขง 

            มวลชนนั้นมีทั้งที่เดินนำหน้าไปก่อน  และเดินตามหลังหลั่งไหล  มีไม่น้อยที่เดินสวนกลับมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มแก้มปริแม้จะหอบใจด้วยความเหนื่อยอ่อนก็ตาม

            “ประเทศลาวอยู่ไหน”

            หลานถามขณะย่ากำลังก้มลงนวดหัวเข่า  เงยหน้าขึ้นแล้วชี้มือไปข้างหน้า  บนสะพานที่ทอดยอดยาวสูงขึ้นไปเหนือแม่น้ำโขง  คึดฮอดเมืองลาวก็มองตรงไปทางโน้น

            พระอาทิตย์คล้อยต่ำกำลังจะลับฟ้าเมื่อมองกลับมาด้านฝั่งไทย  แม่น้ำโขงอยู่ต่ำลงไปลิบลับผู้คนยังเดินไป กลับอยู่ไม่ขาดสาย

            “หนูจะกินไอติม”

            ดูเหมือนเสียงเจ้าตัวน้อยประโยคนั้น  จะเป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่า   “การจะเอาชนะทางใจกับสิ่งใดร่างกายก็มีส่วนสำคัญด้วย   จะเดินข้ามแม่น้ำโขงก็ต้องมีความร่วมมือจากหัวเข่าด้วย”

          “ไอติม ไอติม  ขอบใจไอติมนะที่มาขาย”

            กินไอติมกันแล้วก็มีเสียงออด ๆ ว่า “หนูอยากเข้าส้วม” เป็นสัญญาณเตือนว่าหันหลังกลับกันได้แล้ว

            แม่น้ำโขงช่วงนี้มุ่งตรงเหนือใต้ตะวันจึงตกดินอยู่ตีนสะพานฝั่งไทย 

 

            “ตะวันทำไมดวงโตจัง”

            “มันกำลังจะตกดิน”

            “แล้วมันจะขึ้นมาอีกไหม”

            “พรุ่งนี้เช้าใครตื่นทันย่าจะพาไปดู”

            นั่นเป็นคำสัญญาจากย่า  เด็ก ๆ ไชโยวิ่งกลับหน้าตั้ง  เจ้าตัวเล็กงอแงเพราะหมดแรง  เปิ้ลวิ่งตามพวกตัวโตพลางตะโกนเรียก  แต่ช้าไป  เจ้าอิ๊กคิวพาน้อง ๆ หายไปในฝูงชนลิบ ๆ จนพลัดหลงกัน

            “แม่อิ๊กคิว พาไออุ่น ไออ้นนำหน้าไปก่อนหนูหาไม่เจอ”

            เปิ้ลหน้าตื่นมาบอก

            ใจหายวาบ เพราะเริ่มมืดแล้ว ผู้คนมากมายอย่างนี้ ได้แต่ยืนนิ่งภาวนาขอคุณพระคุณเจ้า  คุณหลวงปู่ช่วยคุ้มครอง  และพยายามเพ่งตามองระหว่างผู้คนที่ผ่านไปมา

เราประมาทเองไม่ได้กำชับกำชา  ไม่บอกหลานว่าหากพลัดหลงให้ไปอยู่ตรงไหน  ที่เด่นอย่างเช่นช้างแม่ลูกที่ยืนตระหง่าน

            และถ้าหลานหายไป  ถูกจับตัวไป  หรือไปขึ้นรถกับใครจะทำอย่างไร  ย่าจะมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร พ่อแม่เขาล่ะจะทำอย่างไร

            รำ ๆ น้ำตาจะไหล  เสียงเปิ้ลก็ร้องบอกมาว่าแม่ทางนี้ เด็ก ๆ อยู่ทางนี้ 

            คึดฮอดเมืองลาวคราวนี้จึงจบลงด้วยรอยยิ้มเจือน้ำตา  เย็นนั้นเราก็ไปพักที่ศิริพรโฮมเสตย์  ริมฝั่งแม่น้ำโขง เมองท่าอุเทน  เช้าขึ้นมาไดดูดวงตะวันขึ้นกัน  แต่คนที่ตื่นได้ทันจริง ๆ มีเพียงเจ้าตัวน้อยน้องจีด้าแพงขวัญเท่านั้น เพราะคนอื่น ๆ เล่นสนุกจนดึกแล้วนอนอุตุกัน

            แม่น้ำโขงหน้าบ้านพักศิริพร ท่าอุเทนเป็นช่วงที่แม่น้ำไหลคดโค้งจากตะวันตกสู่ตะวันออก    ตะวันขึ้นจึงคล้ายผุดโผล่ตรงขึ้นมาจากสายน้ำที่สะท้อนแสงระยิบระยับราวกับพญานาคจุดตะเกียงให้แสงสว่างแก่หล้าโลกกระนั้น

๐๐๐๐๐

 

           

           

               

 

Tags : คึดฮอดเมืองลาว 16

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view