http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 13/03/2024
สถิติผู้เข้าชม14,013,868
Page Views16,323,144
« April 2024»
SMTWTFS
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930    
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

กิ่งคำปายกับยายทวด ตอน20.จากภูดิงโก้ ถึง เครือเขากาด โดยเอื้อยนาง

กิ่งคำปายกับยายทวด ตอน20.จากภูดิงโก้ ถึง เครือเขากาด โดยเอื้อยนาง

กิ่งคำปายกับยายทวดโดยเอื้อยนาง

๒๐.จากภูดิงโก้ ถึง เครือเขากาด

 

ตัมบู กับมามิริ ยังคงนำหน้าสองหนุ่มสาวบุกเข้าในป่าลึก เพื่อหลบหนี

ความผิดอันยิ่งใหญ่ที่ตราตรึงในใจทำให้ขาทั้งสองมีพลังบุกบั่นเข้าพงไพร โดยไม่รู้ว่าเหตุการณ์ข้างหลังเป็นอย่างไร

ฟ้าสว่างมากแล้ว สัตว์ป่าหลายชนิดเริ่มออกหากิน แต่วอมแบตน้อยในอ้อมแขนของกิ่งคำปายกลับได้เวลาง่วงงุน เมื่อไม่มียายทวดอยู่ ธรรมชาติของมันก็กลับคืนมา  มันจึงต้องการพักผ่อนหลับนอนในตอนกลางวัน   ซึ่งเป็นผลดีแก่เด็กสาวผู้เฝ้าประคับประคองมันไว้คอยยายทวด

“มันดูน่ารักนะ ให้ผมช่วยอุ้มบ้างก็ได้”

โรบินสันแสดงน้ำใจ กิ่งคำปายเองก็รู้สึกว่าแขนเริ่มอ่อนล้าปวดเมื่อยขึ้นมาบ้างเหมือนกันจึงส่งมันให้เขาช่วยอุ้มแต่โดยดี

ตัมบูพาทุกคนมาหยุดใต้ต้นไม้ใหญ่กลุ่มหนึ่งที่ลำต้นอันใหญ่โตของมันเหยียดยืนแนบชิดกันจนดูคล้ายกำแพงต้นไม้  กิ่งก้านทีแผ่ออกมาสอดสานกันเกิดเป็นโพรงอยู่ภายใน   เหมือนมีใครจงใจปลูกเรียงไว้เป็นวงกลม โอบล้อมด้านในให้เป็นเหมือนกำแพงบ้านมั่นคง  แต่ละต้นช่างใหญ่โตคงมีอายุหลายร้อยปีแล้ว  บางต้นคงหลายคนโอบไม่มิด

กระต่ายป่าสองตัวกระโดดแผล็วออกมาจากภายในโพรง และหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นผู้คนเดินเข้ามาใกล้

“คงไม่มีใครตามมาแล้ว”

ตัมบูหนุ่มน้อยผิวคล้ำพูดเสียงสั่น  พลางใช้สายตาคมเฉี่ยวสอดส่ายสำรวจโดยรอบแล้วมุดเข้าไปในช่องที่กระต่ายเพิ่งกระโดดออกมา

“เราหลบกันในนี้ดีไหม”

มามิริชวนกิ่งคำปายตามเข้าไปบ้าง ทำให้โรบินสันก้มตัวสูงโย่งของเขาตามเข้าไปด้วยอย่างยากลำบาก  เพราะตัวสูงใหญ่กว่าใครเพื่อน  ช่องทางที่เพื่อนพากันมุดเข้าไปก็เล็กเกินไปสำหรับเขา  กลิ่นอับฉุนจากการหมักหมมของมูลสัตว์และใบไม้ กิ่งไม้ทำให้เขาจามออกมา  เสียงฮัดเช้ย

ภายในโพรงมืดสลัวเพราะแสงส่องเข้ามาไม่ถึง  ด้วยมีกิ่งไม้ใบไม้เบื้องบนสอดสานปกคลุมรกเรื้อ  เหมือนเป็นหลังคาธรรมชาติกันแดดฝน

“ว๊าย !!...”

ทันใดนั้นกิ่งคำปายถึงกับหวีดร้องออกมา เมื่อสายตาเธอเหลือบไปเห็นงูตัวใหญ่ตัวหนึ่งขดตัวนิ่งอยู่บนค่าคบไม้ที่สูงขึ้นไปเหนือศีรษะ ตัมบูกระโดดเข้ามาใช้มือปิดปากเธอไว้ทันที  ทุกคนอกสั่นขวัญแขวน  โรบินทำสัญญาณมือให้ทุกคนกลับออกไป   มามิริเร็วก่อนเพื่อนเธอมุดออกไปทันที  คนื่น ๆ ค่อย ๆ พากันถอยหลังกลับออกมาสู่ด้านนอกอีกที

“ที่นี่มีเจ้าของ”

หนุ่มชาวเผ่าบอก มองกิ่งคำปายด้วยสายตาแสดงถึงความเสียใจ ที่พาเข้าไปให้พบกับความอกสั่นขวัญแขวน  กิ่งคำปายพยักหน้าวิ่งตามมามิริให้ห่างจากตรงนั้นที่สุดมีตัมบูและโรบินสันตามติด

“มีเจ้าของหรือ”

โรบินสันยังข้องใจแม้เมื่อกันหลบลัดเลาะออกมาจนไกลจากต้นไม้โบราณกลุ่มนั้นแล้ว

“ใช่ต้นไม้ใหญ่ ๆ บางต้นก็มีเจ้าของสิงสู่อยู่แล้ว อย่าว่าแต่บริเวณนี้เป็นดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวมาเคอจูลา”

มามิริอธิบายแทนลูกพี่ลูกน้อง พลางใช้แขนป้ายเหงื่อที่หน้าผาก แสงแดดเริ่มกล้า อากาศเริ่มร้อนความเหนื่อยล้าเริ่มเข้ามาเยือน แต่ตัมบูยังเดินนำบุกไปไม่หยุดเด็กสาวจึงประท้วงขึ้นมาว่า

“ข้ารู้สึกเหนื่อยแล้วนะตัมบู เมื่อไหร่จะหยุดพักสักที คงไม่มีใครตามมาแล้วหละ”

“ทนอีกหน่อยสิ มามิริเจ้ามองเห็นภูเขาลูกโน้นไหม” เขาชี้มือประกอบ “ข้าคิดว่าคงเป็นภูดิงโก้ที่พวกผู้เฒ่าเคยเล่าถึงนะ ที่ตีนภูนั้นจะมีถ้ำและผาหิน เราจะไปให้ถึงที่นั่นแล้วค่อยพัก”

แม้จะเหน็ดเหนื่อยแต่ทุกคนก็เชื่อฟังตัมบูแต่โดยดี กิ่งคำปายนึกถึงยายทวด เธอกำจี้ห้อยคอแน่นพลางเรียกหายายทวดและโมบายอยู่ในใจ

“จิงโจ้โมบายก็หายเงียบไปเลย ผมเป็นห่วงเขาจัง”

โรบินสันบ่นเหมือนรู้ใจ กิ่งคำปายได้แต่บอกเขาว่าอย่าห่วงเลย ผีทำอะไรที่คนธรรมดาอย่างเราทำไม่ได้ตั้งหลายอย่าง  ทั้ง ๆ ใจจริงตัวเองก็เป็นกังวลเช่นกัน ด้วยไม่รู้ว่าแสงสีรุ้งที่ยายทวดติดตามไปนั้นคืออะไร มันล่องลอยไปทางไหน ในโลกอันกว้างใหญ่รกร้างนี้ ยายทวดจะมีอันตรายหรือเปล่า โมบายนั้นเล่ากลับไปสู้กับชาวเผ่าถูกเขาทำร้ายหรือไม่

“เขาเป็นคน...” โรบินสันไม่แน่ใจ แต่ในที่สุดก็สรุปออกมากระท่อนกระแท่นว่า  “สัตว์....ผี...ที่กล้าหาญนะ”

“เขาเป็นอย่างนั้นมาตั้งแต่เราเป็นนักเรียนด้วยกันแล้วค่ะ  เขามักออกหน้าปกป้องฉันเสมอ  ยามถูกเด็กผู้ชายซน ๆ รังแก”

กิ่งคำปายเริ่มคิดถึงความหลังน้ำเสียงเริ่มสั่นเครือ แต่แล้วก็สลัดความคิดเปลี่ยนเสียงเป็นร่าเริงว่า

“ยายทวดคงดูแลเขาเองแหละ ป่านนี้อาจพากันไปซุกซนที่ไหนในป่าใหญ่ก็ได้ ถึงอย่างไรเขาก็ดีกว่าเราที่ไม่รู้จักหิว”

พูดถึงความหิวมามิริลูบท้องขึ้นมาทันที  เธอคว้ามือกิ่งคำปายเพื่อนใหม่ต่างเผ่าพันธุ์พาแวะดูตามพุ่มไม้  ก็สอดส่ายสายตาหาผลไม้ป่า  เห็นแล้วก็คว้ามาใส่ปากอย่างรวดเร็ว   แถมแบ่งปันชี้ชวนให้เพื่อนสาวได้ลิ้มรสอันหวานฉ่ำของมันด้วย  ตัมบูเห็นแล้วทำตามทันที  เขายอมเสียเวลานิดหน่อยเพื่อบรรเทาความหิว  โรบินสันทำงุ่มง่ามเก้งก้างตอนแรก  แต่ครั้นได้ลิ้มลองบ้างเขากลับเป็นผู้ได้เปรียบสุดเพราะความสูงและแขนยาว ๆ ของเขา  สองสาวจึงหันมาขอกินจากเขาบ้าง

“บลูเบอรี่ป่า”  เขาเรียกผลไม้เล็ก ๆ สีม่วงคล้ำทีรสหวานฉ่ำนั้น  ตัมบูเดินห่างออกไปชั่วประเดี๋ยวเขาก็ได้รวงผึ้งที่มีน้ำหวานเยิ้มมาบิแบ่งทุกคน

“ป่าใหญ่ก็เหมือนซุปเปอร์มาเก็ตนั่นแหละนะคะ โรบินสัน”

กิ่งคำปายกินพลางชวนคุย พยายามทำเสียงและสีหน้าให้ร่าเริง ปิดบังความกังวลของตนเอง ไม่อยากเห็นเขาทำหน้าเศร้าทดท้อไปอีกคน ถึงอย่างไรก็ต้องพากันต่อสู้ฝ่าฟันจนกว่าจะออกจากป่า หาทางกลับสู่โลกภายนอกได้

“จริงหรือครับผมไม่ยักรู้”

“อ้าว ไม่อย่างนั้นชาวประชาในค่ายทั้งหลายที่เราเห็นเขาจะดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างไร จริงไหมคะ เขาไม่ได้ทำนา ทำสวน เลี้ยงสัตว์ หรือสร้างโรงงานผลิตอาหารใด ๆ เลย”

โรบินสันได้แต่พยักหน้ายอมรับ มองตามมือเรียวยาวสีคล้ำว่องไวของสาวน้อยมามิริที่มุดเข้าในพุ่มหนามคว้าเอาผลไม้ใบไม้หลากหลายชนิดตามรายทางมานำเสนอให้ลิ้มลองแล้วยิ้มออก

“อย่างน้อยตอนนี้เราก็มีมามิริ กับตัมบูผู้เชี่ยวชาญในพงไพรอยู่ด้วยละ”

เขาพูดอย่างมีความหวัง และศรัทธาในสองหนุ่มสาวเต็มเปี่ยม จึงมีอารมณ์ดีขึ้น และพูดกับกิ่งคำปายด้วยอารมณ์เป็นสุขขึ้นด้วย

“ในหนังสือของยายเล่าว่าบรรพบุรษของผม  รุ่นแม่ของยายทวดน่ะ ท่านก็คงดำรงชีวิตในวิถีนี้แหละ มีความเชื่อ มีกฎกติกาข้อห้ามมากมายรุงรัง ยุ่งยาก และศักดิ์สิทธิ์  ทุกคนในเผ่าต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด  เพื่อป้องกันอันตรายจากภัยธรรมชาติมากมายหลายสิ่งที่มนุษย์เรายังไม่รู้  ยังไม่เข้าใจ  และอยู่รวมกลุ่ม ร่วมแรงร่วมใจกัน ผูกพันแน่นเหนียว ใช้ชีวิตง่าย ๆ เพียงหาใส่ปากใส่ท้อง แต่ไม่เดียวดายเหมือนคนในสังคมในปัจจุบัน ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายเข้ามาห่อหุ้มแทน และกีดกันคนด้วยกันออกไป”

                        “อยู่อย่างนี้ก็น่าสบายดีออกนะคะฉันว่า  ไม่ต้องกังวลกับภาระมากมาย ไม่ต้องไปโรงเรียนแต่ไปเดินดงพงไพรชมนกชมไม้ หาอะไรได้ก็นำมารวมกันกินอิ่มหน่ ค่ำคืนก็ตีกลองร้องเพลง ไม่ต้องล้างถ้วยล้างชาม ไม่ต้องซักเสื้อผ้า ที่นอนหมอนมุ้ง....”

            พูดมาถึงตอนนี้กิ่งคำปายก็ยกแขนของตัวเองขึ้นมาดมแล้วทำจมูกย่น รู้สึกคันเนื้อคันตัวยุบยิบขึ้นมาทันที  เสื้อผ้าที่สวมใส่ดูหนักอึ้งรุงรัง  แถมมีหนังวอลล่าบีของมามิริพันอยู่รอบเอวอีก   คิดถึงบ้านขึ้นมาแล้วอยากเปลื้องทุกอย่างออก  แล้วเปิดน้ำฝักบัวให้ไหลซ่าลงมาชะล้างให้หายคัน

            “อยากอาบน้ำจัง”

            เธอว่า ก้มลงมองตัวเอง แล้วมองมามิริ ขาเรียวยาวคล้ำเนียนที่พอกด้วยน้ำมันผสมผงโอเคอร์ที่เมื่อวานมีเลือดไหลลงเป็นทาง แต่วันนี้มีเหงื่อผุดขึ้นมาแทน ฝ่ายนั้นก้มลงมองร่างตัวเองเช่นกัน แล้วทำอาการบอกให้รู้ว่าเธอเองก็อยากชำระกายเต็มทีแล้วเหมือนกัน

“ใกล้จะถึงภูดิงโก้แล้วหละ”

ตัมบูดึงความสนใจของทุกคนไปที่ภูเขาข้างหน้าอันเป็นจุดหมาย เขาชี้มือให้ทุกคนได้เห็นและถามอย่างตื่นเต้นว่า

“ดูซีรูปร่างของมันเหมือนหมาดิงโก้นั่งแหงนคอขึ้นเห่าหอนไหม”

“ใช่แล้ว....รูปร่างของมันเหมือนหมาจริงๆ ด้วย”   กิ่งคำปายเห็นด้วยและถามทีเล่นทีจริงว่า  “แต่ทำไมมันจึงแหงนเงยเห่าหอนอยู่อย่างนั้นด้วยนะ”

“เพราะครั้งหนึ่งตั้งแต่ยุคแห่งดรีมไทม์”

ตัมบูทำท่าเหมือนผู้อาวุโสในเผ่า เริ่มเล่าตำนานเท่าที่เขาจำได้ “มันเคยเป็นหมาตัวหนึ่งที่มีเจ้าของรักและผูกพัน วันหนึ่งเขาพามันมาล่าเนื้อ  และพากันติดตามล่าจิงโจ้ตัวหนึ่งเข้าไปถึงดินแดนต้องห้าม ไปถึงบริเวณที่มีต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์”

“ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์หรือ มันเป็นต้นอะไร”

ใครบางคนถามขึ้น

“ใช่หละ....”  หนุ่มน้อยผิวเข้ม ทำตาวาว น้ำเสียง ท่าทางราวกับผู้ทรงความรู้ประจำเผ่า    “มันเป็นต้นไม้ที่มองไม่เห็น มันอาจอยู่ที่ใดที่หนึ่งในป่ารก ๆ เป็นต้นไม้ที่มีสะพานเชื่อมระหว่างพื้นแผ่นดินกับดินแดนแห่งเทพบนฟ้า คนที่บังเอิญเดินเข้าไปถึงต้นไม้ต้นนั้น จะมองเห็นสะพานอันสวยงาม และถูกมนต์ขลังเรียกร้องให้ก้าวเดินข้ามไป นั่นแหละเขาก็จะเดินทางจากโลกนี้ไปชั่วนิรันดร์   เช่นเดียวกับเจ้าของหมาดิงโก้ตัวนั้น เขาเดินทางข้ามสะพานนั้นไปแล้วกลายร่างเป็นดวงดาวที่ส่องแสงอยู่บนฟ้า   ดิงโก้ที่จงรักภักดีเจ้าของนักหนาได้แต่นั่งแหงนคอ รอคอย  จ้องมองดวงดาวจนตัวมันกลายร่างเป็นภูเขาอยู่อย่างที่เราเห็นนั่นแหละ และด้วยเหตุนี้เมื่อถึงฤดูกาลที่ดวงดาวนั้นมาปรากฏบนท้องฟ้า ก็จะได้เวลาที่ดิงโก้หอนเห่าเรียกหากันเพื่อผสมพันธุ์มาจนปัจจุบัน”

“ถ้าเราไปพบต้นไม้ต้นนั้นหละ”

กิ่งคำปายถาม แต่คำตอบคือความเงียบ  ตัมบูหลบตาเธอ  ทำสีหน้าครั่นคร้ามแล้วก้มหน้า  กิ่งคำปายสบตาโรบินสันแล้วหันมองสำรวจรอบกาย  คิดเป็นห่วงนางจิงโจ้โมบายที่ป่านนี้ยังไม่เห็นโผล่มา  เกรงไปว่ามันจะหลงพลัดเข้าไปในต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่ตัมบูเล่านั้นเข้า   แล้วหายไปชั่วนิรันดร์

“เราต้องจับมือกันไว้มั่น ต้องตั้งสติอย่าหลงใหลในสิ่งที่เห็นตรงหน้า อย่าก้าวขึ้นไปบนสะพานนั้นเด็ดขาด อย่าเข้าไปใกล้จะได้ไม่ต้องถูกมนต์สะกดให้เดินเข้าหา”

มามิริที่เดินเพลินเก็บผลหมากรากไม้ออกไปไกลเพื่อน รีบกลับเข้ามารวมกลุ่มทันทีที่ตัมบูพูดจบประโยค ทำให้หนุ่มน้อยคลายสีหน้าหันมาหัวเราะอวดฟันขาว

และเสียงหัวเราะของเขาก็สะท้อนกลับ เมื่อมันกระทบหน้าผาสูงชันของภูดิงโก้

“ตำนานความเชื่อแบบนี้ไทลาวก็เคยมีเหมือนกันนะคะโรบินสัน”

กิ่งคำปายนึกถึงสมัยตัวเองเป็นเด็กที่ยายสร้อยสายคำกล่อมให้นอนด้วยกลอนลำ ที่มีเนื้อหาบอกเล่าเรื่องราว เป็นนิทานและตำนานจากความเชื่อมากมาย

“จริงหรือ   เล่าให้ฟังหน่อยสิ”

มามิริแสดงความสนใจเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ โดยเฉพาะตัมบู เขาเคยแต่รับรู้ว่านอกอาณาเขตแห่งดินแดนมาเคอจูลาออกไปนั้น คือดินแดนแห่งวิญญาณ เขาจินตนาการไปไม่ถึงว่าในโลกอันกว้างใหญ่นี้ยังมีผู้คนอีกมากมายนัก แตกต่างจากเขาราวกับอยู่คนละโลก

“แต่ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของเรานั้นเป็นเถาวัลย์ ชื่อว่า เครือเขากาด”  เด็กสาวเริ่ม “มันเป็นเครือเถาที่ยาวมากหยั่งจากเมืองฟ้าของพญาแถนลงมาถึงดินแดนมนุษย์  เพื่อเป็นเฉกเช่นบันไดให้ผู้คนไต่ขึ้นไปถึงแดนฟ้า แดนแห่งชาวแถนได้ และมนุษย์ก็ได้ใช้มันตลอดมา”

“แถนคือใครหรือ”

เสียงใครคนหนึ่งถาม ขณะเดินไปฟังไป

“แถนก็คือเทพบนฟ้า และเทพที่เป็นใหญ่กว่าเทพทั้งปวง ก็คือ พญาแถน หรือแถนหลวง เป็นผู้ที่สามารถดลบันดาลทุกสิ่งให้มนุษย์ได้ ในยามใดที่มีเหตุการณ์ทุกข์ร้อนเกิดขึ้นผู้คนก็จะพากันไต่บันไดเครือเขากาดขึ้นไปขอความช่วยเหลือจากพญาแถน พญาแถนผู้ใจดีมีเมตตาก็จะบันดาลให้สมดั่งใจทุกที หนัก ๆ เข้ามนุษย์เราก็เคยตัว ได้ไม่รู้จักพอ และขี้เกียจไม่อยากทำอะไร เอาแต่สนุกไปวัน ๆ อยากได้สิ่งใด มีอะไรขาดแคลนก็ได้แต่ไปขอแถนให้บันดาลให้อยู่วันยังค่ำ  แม้แต่ในยามทะเลาะเบาะแว้งกันก็ไต่บันไดขึ้นไปฟ้องแถน ไม่รู้จักคิดการณ์แก้ปัญหาใด ๆ จนพญาแถนรำคาญ และอยากให้มนุษย์รู้จักช่วยเหลือตนเองก็เลยตัดเครือเขากาดทิ้ง มนุษย์จึงขึ้นไปหาพญาแถนอีกไม่ได้ตั้งแต่นั้นมา”

“เฮ้อ...ช่างน่าเสียดาย”

มามิริรำพึง นัยน์ตาเคลิ้มฝัน แต่กิ่งคำปายตัดบทว่า

“ใกล้จะถึงและภูดิงโก้ง”

ทุกคนเล็ดลอดพุ่มไม้ออกพ้นป่าทึบต้นไม้โปร่งโล่งจนมองเห็นภูดิงโก้ได้ทั้งลูก

ภูเขาลูกนั้นเป็นหินก้อนมหึมาที่ผุดโผล่ขึ้นมาจากพื้นโลก รายรอบมันคือโขดหินตะปุ่มตะป่ำและต้นเฟิร์น ต้นปาล์มที่ใหญ่โตราวกับต้นตาล  พรมหญ้าสีเขียว และดอกไม้หลากสีวับแวมแทรกซอนอยู่ตามรอยแยกของพื้นหิน มองคล้ายภาพเขียนอันวิจิตรที่จัดแสดงอยู่ชั่วนาตาปี

“คุณก็เคยอยู่ในออสเตรเลีย คุณน่าจะรู้บ้างนะคะโรบินสันว่าที่นี่เป็นที่ไหน มันเป็นภูเขาที่ดูแปลกประหลาด และพิเศษมาก มันคงมีชื่อเสียงให้คนรู้จักอยู่บ้างหรอกน่า”

สาวน้อยจากแดนอีสานหันมามองสบตาหนุ่มโย่งอย่างมีความหวัง แต่ฝ่ายนั้นแหงนมองภูเขาเบื้องหน้าแล้วกลับส่ายหน้า

“ผมไม่รู้หรอก ประเทศอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้มีอะไรแปลกแยกแตกต่างมากมายเกินกว่าคน ๆ หนึ่งจะรู้ได้หมด มันอาจอยู่ในอุทยานแห่งชาติ หรือมรดกทางธรรมชาติของโลกแห่งใดแห่งหนึ่งในเกาะเก่าแก่ และมีธรรมชาติแปลก ๆ ตกทอดมาจากยุคดึกดำบรรพ์มากมายเกาะนี้ก็ได้”

เขาหันมาสบตา เห็นสีหน้าคนถามที่แสดงความผิดหวังออกมาจึงเอยขอโทษเสียงอ่อนโยนนุ่มนวล

“ผมเสียใจจริงๆ นะ ที่ตอบคุณไม่ถูก ผมเองก็คิดอยู่ตลอดเวลาว่าเราอยู่ที่ไหน จะออกจากที่นี่ไปได้อย่างไร”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันเข้าใจ” เธอยิ้มให้กำลังใจเขา “บางทียายทวดอาจช่วยเราได้นะคะ”

“นั้นซีแล้วตอนนี้ยายทวดอยู่ที่ไหนล่ะ”

ไม่มีใครตอบคำถามนั้นได้ หนุ่มโรบินสันลูบหัววอมแบตในอ้อมแขนเบา ๆ เหมือนจะหาคำตอบจากมันด้วย แต่เจ้าสัตว์น้อยเอาแต่นอนอุตุไม่รับรู้สิ่งใด มาถึงตอนนี้มันรู้สึกคุ้นเคย และเป็นสุขในอ้อมแขนของมนุษย์จนไม่อยากจากไปไหนแล้ว

 

********

 

Tags : กิ่งคำปายกับยายทวด19

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view